สะกดรอย

ปรมาจารย์จานกับคนอื่นๆอาจไม่ล่วงรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในรูปปั้นนักปราชญ์ขุย แต่จางเซวียนรู้ดี

ร่างกายท่อนบนของไอ้โหดซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีพละกำลังไร้เทียมทานที่สุดและสามารถต่อสู้กับปรมาจารย์ขงได้อย่างสมน้ำสมเนื้อในยุคนั้นถูกซ่อนไว้ในรูปปั้นนักปราชญ์ขุย!

ในตอนนั้น หลังจากที่จางเซวียนใช้หอสมุดเทียบฟ้าและรู้แล้วว่าร่างกายท่อนบนของไอ้โหดถูกเก็บไว้ในรูปปั้น เขาก็ตั้งใจว่าจะทำลายรูปปั้นนั้นสักเล็กน้อยเพื่อให้ได้ร่างกายท่อนบนของไอ้โหดมา แต่ลงท้ายก็ได้แต่หักห้ามใจไว้และตัดสินใจไม่ทำ

เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นปรมาจารย์และหัวหน้าปูชนียสถานนักปราชญ์ ต่อให้การทำอย่างนั้นจะทำให้บรรลุเป้าหมาย แต่ก็ต้องคำนึงถึงวิธีการด้วย

แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นที่บุกเข้ามาในปูชนียสถานฝ่ายในและนำไปเพียงแค่รูปปั้นของนักปราชญ์ขุย ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันต้องมีอะไรบางอย่างที่จะต้องจัดการกับร่างกายท่อนบนของไอ้โหด

ไอ้โหดเป็นหนึ่งในฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดตัวหนึ่ง ดังนั้นพวกมันจึงสามารถใช้ประโยชน์จากร่างกายท่อนนี้ได้มาก อันที่จริง อาจปลุกไอ้โหดให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ด้วยซ้ำหากรวบรวมชิ้นส่วนที่หายไปของมันได้หมด!

“ไอ้โหด?” ได้ยินจางเซวียนพึมพำ ปรมาจารย์จานถึงกับผงะ

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก!” จางเซวียนรีบตอบ “พวกมันมากันกี่คน? มีวรยุทธระดับไหน?”

“มันมากัน 4 คน ผมไม่รู้ระดับวรยุทธของพวกมัน แต่พวกมันทำลายค่ายกลอารักขาของปูชนียสถานนักปราชญ์ได้อย่างง่ายดาย พวกเรายับยั้งมันไม่ได้เลย” ปรมาจารย์จานตอบอย่างกระอักกระอ่วน

ปูชนียสถานนักปราชญ์เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาของทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ถูกทำลายไปแล้วถึง 2 ครั้งภายในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือน ครั้งแรกก็มาจากฝีมือของหัวหน้าปูชนียสถานของพวกเขาเอง จึงยังไม่น่าอับอายเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เป็นฝีมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นซึ่งนำทรัพย์สมบัติของพวกเขาไปได้สำเร็จด้วย…

พูดกันตามตรง พวกเขายังลังเลใจที่จะรายงานเรื่องนี้ต่อสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่

เพราะมันน่าอับอายเกินไป!

“พวกมันมีกัน 4 คน?” จางเซวียนหรี่ตา “มันหนีไปทางไหน?”

“ทางนั้น…เราคลาดกับพวกมันหลังจากไล่ตามมันไปได้สักระยะหนึ่ง จึงทำได้แค่ส่งข้อความเพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณ” ปรมาจารย์จานตอบขณะชี้นิ้วไป

“ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ สำหรับตอนนี้…ซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างที่พังทลายและจัดการค่ายกลให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเสียก่อน” จางเซวียนสั่งการขณะจ้องไปยังทิศทางที่ปรมาจารย์จานชี้นิ้วไป “ผมจะไปดูว่าจะนำรูปปั้นนักปราชญ์ขุยกลับมาได้หรือไม่!”

การขโมยรูปปั้นนักปราชญ์ขุยไปไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่กับศักดิ์ศรีของปูชนียสถานนักปราชญ์เท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้น ยังมีร่างกายท่อนบนของไอ้โหดเป็นเดิมพันด้วย ถ้าเขานำรูปปั้นกลับมาไม่ได้ ถึงเขาจะยังไม่ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการ ก็คงจะต้องอับอายขายหน้ากับความไร้ประสิทธิภาพของตัวเอง

ด้วยความเข้าใจอย่างล้ำลึกในเรื่องมิติของจางเซวียน เขาจึงจับทิศทางได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาเพียง 10 อึดใจหรือประมาณนั้น เขาก็เดินทางไปได้ไกลกว่าหมื่นลี้

จางเซวียนเหลียวหลังไปดู และพบว่าหลัวลั่วชิงกำลังตามเขามาติดๆ เขาเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเริ่มสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างถี่ถ้วนเพื่อหาร่องรอยของผู้บุกรุกทั้งสี่

“ทำแบบนั้นน่ะไม่ได้ผลหรอก” หลัวลั่วชิงส่ายหน้า “มีโอกาสที่ 4 คนนั้นจะเป็นชายหนุ่มทั้ง 4 คนที่เราเคยพบที่ภูเขาห้วยขาว พวกเขาเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน และมีกรรมวิธีพิเศษในการกลบเกลื่อนร่องรอยของตัวเอง คุณไม่มีทางแกะรอยพวกเขาได้จนกว่าดวงตาหยั่งรู้ของคุณจะพัฒนาถึงขั้น 4!”

“คุณพูดถูก…” จางเซวียนก็รู้เรื่องนั้นเช่นกัน

ในพื้นที่ที่จ้าวหย่ากับคนอื่นๆถูกลักพาตัวไปนั้น เจ้าตัวการไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย ขนาดเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้อันเฉียบแหลม เขาก็ยังไม่พบอะไรทั้งสิ้น

“แต่คราวนี้ พวกมันจะหนีไปไม่ได้ง่ายๆเหมือนคราวที่แล้วหรอก…” จางเซวียนคำราม

เขาสะบัดข้อมือ แล้วหนังสือเล่มหนึ่งก็มาอยู่ในมือของเขา

มันคือหนังสือเทียบฟ้า

อาจจะเป็นการยากสำหรับจางเซวียนที่จะระบุตำแหน่งที่อยู่ของจ้าวหย่ากับคนอื่นๆ แต่สำหรับรูปปั้นของนักปราชญ์ขุยนั้นไม่เหมือนกัน!

ขอแค่ไอ้โหดสามารถจับทิศทางที่ร่างกายท่อนบนของมันถูกนำไปได้ เขาก็จะรู้ตำแหน่งที่ชัดเจนและหาตัวพวกนั้นเจอในที่สุด

เว้นเสียแต่…พวกมันจะใช้ศาสตร์ลับบางอย่างเพื่อปกปิดพิกัดของร่างกายท่อนบนของไอ้โหดไว้

แต่เมื่อพิจารณาว่าเวลาเพิ่งผ่านไปไม่นานนับตั้งแต่พวกมันขโมยรูปปั้นไป ก็เป็นไปได้ว่าพวกมันน่าจะยังไม่มีเวลาพอจะทำแบบนั้น

หลัวลั่วชิงมองหนังสือที่จางเซวียนนำออกมา แต่ไม่พูดอะไร

“ไอ้โหดน้อย ตื่นได้แล้ว ฉันอยากให้แกค้นหาว่าร่างกายท่อนบนของแกอยู่ที่ไหน!” จางเซวียนตบหนังสือเบาๆ

“ฮะ?” ไอ้โหดขยับตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินสมญานามใหม่ แต่ก็ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากจับสัญญาณอยู่ครู่หนึ่ง มันก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งและพูดว่า “ทางนั้นแหละ!”

“ได้เลย” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็รีบบินไปตามทิศทางที่ไอ้โหดชี้

หลัวลั่วชิงตามเขาไปติดๆ

ทั้งคู่บินไปอีกราว 5 นาทีก่อนที่ไอ้โหดจะพูดขึ้นอีกครั้ง “พวกนั้นอยู่ในเมืองที่อยู่ตรงหน้าเรานี่แหละ…บ้าที่สุด! ผมจับสัญญาณร่างกายท่อนบนของผมไม่ได้แล้ว!”

จางเซวียนรีบมองตรงไปข้างหน้า และเห็นเมืองหนึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

เมืองนั้นมีขนาดใหญ่ เทียบได้กับสมาพันธ์นานาจักรวรรดิเลยทีเดียว

“แกจับสัญญาณร่างกายท่อนบนของแกไม่ได้แล้ว? หมายความว่าอย่างไร?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

“ผมรู้สึกเหมือนร่างกายท่อนบนของผมมีปราการบางอย่างมาปิดกั้นไว้ เมื่อครู่นี้ผมยังจับสัญญาณของมันได้อยู่เลย แต่จู่ๆทุกอย่างก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย” ไอ้โหดตอบ

“มีปราการบางอย่างมาปิดกั้นไว้?” สีหน้าของจางเซวียนไม่สู้ดี

เขาไล่ตามศัตรูมาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง ถ้าเขาแกะรอยพวกมันได้สำเร็จก่อนที่พวกมันจะทันได้ซ่อนตัว ก็คงจะจับตัวพวกมันได้พร้อมกันทีเดียว โชคไม่ดีที่ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่เขาคิดไว้

คงยากมากที่จะควานหาตัวศัตรูในเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่มีเงื่อนงำหรือร่องรอยใดๆ

“แกยังจำตำแหน่งสุดท้ายที่สัญญาณของร่างกายท่อนบนของแกยังอยู่ ก่อนที่มันจะหายไปได้หรือเปล่า?” จางเซวียนถาม

ไอ้โหดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ผมกะตำแหน่งได้เพียงคร่าวๆเท่านั้น…”

“นำทางไปสิ!” จางเซวียนสั่งการ รู้ดีว่าไม่มีเวลาจะเสียแล้ว

พูดตามตรง เขาไม่ได้ใส่ใจกับการที่ตัวเองหรือปูชนียสถานนักปราชญ์จะเสื่อมเสียชื่อเสียง สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือร่างกายท่อนบนของไอ้โหดเท่านั้น

เพราะมันจะอันตรายมากหากอาวุธที่ทรงพลังขนาดนี้ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม อีกอย่าง ถ้าเขาได้ร่างกายท่อนบนของไอ้โหดมา ก็จะเรียกคืนความแข็งแกร่งของไอ้โหดกลับมาได้

ประสิทธิภาพการต่อสู้ของไอ้โหดนั้นอาจจะอ่อนด้อยไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นพันธมิตรที่ไว้ใจได้มาตลอด

ลำพังแค่หัวใจ นิ้วมือ และศีรษะก็ทำให้ไอ้โหดมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักรบระดับเซียนขั้น 8 แล้ว หากได้ร่างกายท่อนบนมาอีก ประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันมิเหนือชั้นกว่านักรบขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่หรือ?

หรืออันที่จริง อาจไปได้ถึงขั้นนักปราชญ์โบราณเลยด้วยซ้ำ เพราะถึงอย่างไร นั่นก็เป็นร่างกายท่อนบนทั้งหมดของมัน!

แน่นอนว่าไม่มีทางที่จางเซวียนจะยอมพลาดโอกาสที่จะได้มีบริวารซึ่งมีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ เพราะนั่นจะเป็นไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยมี

ภายใต้การนำทางของไอ้โหด ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงใจกลางเมือง

“ผมคิดว่าแถวๆนี้แหละที่ผมสูญเสียการติดต่อกับร่างกายท่อนบนของผมไป ผมกะระยะได้เพียงเท่านี้…” ไอ้โหดพูดเจื่อนๆ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำทวีปแห่งปรมาจารย์ ออกจะเป็นเรื่องน่าอายมากที่ตอนนี้มันไม่สามารถแม้แต่จะหาร่างกายของตัวเองให้เจอ

จางเซวียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำนั้น “ที่แกกะประมาณไว้น่ะ จะมีโอกาสผิดพลาดสักเท่าไหร่?”

ใจกลางเมืองขนาดใหญ่แห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านพักและคฤหาสน์หรูหรามากมาย หากต้องค้นหาทุกซอกทุกมุม ฝ่ายตรงข้ามคงจะหนีไปเสียก่อนที่พวกเขาจะได้เงื่อนงำที่มีประโยชน์ หากไอ้โหดระบุตำแหน่งที่ถูกต้องให้พวกเขาค้นหาได้ การทำงานก็คงจะง่ายขึ้นมาก

“เอ่อ…ก็น่าจะราวๆ…200 ลี้” ไอ้โหดตอบอย่างกระอักกระอ่วน

“200 ลี้?” จางเซวียนนึกอยากฉีกไอ้โหดเป็นชิ้นๆขึ้นมาทันที

จะต้องมีคนอย่างน้อยเป็นล้านคนอยู่ในรัศมี 200 ลี้จากที่พวกเขากำลังยืนอยู่ การจะตามหารูปปั้นรูปหนึ่งที่ถูกซุกไว้อย่างดี ปิดกั้นไม่ให้การรับรู้จิตวิญญาณและการแกะรอยรูปแบบอื่นๆใช้การได้ในพื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้…เว้นเสียแต่จะเกิดปาฏิหาริย์ ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน!

รู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ไอ้โหดพึมพำ “จู่ๆมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ถ้าเราเดินทางอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าอาจจับสัญญาณของมันได้อีกครั้ง…”

“เอาเถอะ ฉันเข้าใจแล้ว” จางเซวียนตอบพร้อมกับถอนหายใจอย่างหมดหวัง

รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าในเวลานี้ เขาจึงต้องยอมทำไปตามนั้น ร่างกายท่อนบนของไอ้โหดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขา จึงไม่อาจปล่อยให้มันหลุดมือไปได้โดยไม่พยายามที่จะตามหา

มีผู้คนจำนวนมากเดินไปมาคลาคล่ำอยู่บริเวณใจกลางเมือง ไม่ว่าจะเป็นบนถนนหรือกลางอากาศ จางเซวียนกับหลัวลั่วชิงไม่ได้ปลดปล่อยพลังปราณของพวกเขาออกมา คนอื่นๆจึงไม่อาจมองเห็นระดับวรยุทธของทั้งคู่ได้ การปรากฏตัวของทั้งสองจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้น

ไม่อย่างนั้น พละกำลังอันน่าทึ่งของทั้งคู่จะต้องสร้างความตกอกตกใจในหมู่ชาวเมืองแน่