จวินโม่เซี่ยหัวเราะลั่น และไขว้ขา  เขาแกว่งมันไปมาชั่วครู่และเอ่ย

” ข้าขอรู้ได้หรือไม่ว่าน้องคนใดของเจ้าที่รักใครข้าเช่นนี้ ?  ฮ่าฮ่า .. ข้าคือหนึ่งในผู้คนที่น่าเกลียดชังที่สุดในนครเทียนเชียง  จริงแล้ว ข้าเกรงว่าจะมีคนแปดในสิบเห็นด้วยกับคำพูดนี้  แต่มีบางคน คลั่งไคล้ ข้า … นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเช่นนี้ … ข้าชักอยากรู้ว่าผู้ใดกันมีสายตากว้างไกลเช่นนี้ “

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้ มอง ซุนเซี่ยวเหม่ยอย่างกังวลเมื่อได้ยินสิ่งนี้ สายตาของนางคล้ายดั่งอ้อนวรให้เพื่อนของนางเงียบ

 

” ข้าพูดถึงผู้ที่อยู่ไกลแสน … “

ซุนเซี่ยวเหม่ย ยิ้มอย่างลึกลับขณะนางไม่สนใจสายตาของ ตู่กู้เซี่ยวอี้

” แต่ปรากฏอยู่ใต้จมูกของเจ้า !  นายน้อยจวิน เจ้าเคยแลกเปลี่ยนสัญลักษณ์แห่งความรักกับนาง !  และตอนนี้เจ้ายังสงสัย ? “​

 

” แลกเปลี่ยนสัญลักษณ์แห่งความรัก ? “

จวินโม่เซี่ยตกตะลึง  ทันใดนนั้น เขานึกถึงตอนที่ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ให้จี้หยกกับเขา

หรือจะเป็น … โอ้วพระเจ้า …

 

นายน้อยจวินหันไปมอง ตู่กู้เซี่ยวอี้ ที่ขวยเขิน  หัวเล็กๆของนางก้มต่ำ ราวกับจะหดเข้าไปในคอเสื้อ  ดูเหมือนว่านางจะไม่เงยขึ้นมาอีก …​

 

จวินโม่เซี่ยถอนหายใจยาว  ยังคงมีสิ่งที่น่าสงสัยอยู่หลังจากพิจารณาเรื่องทั้งหมดนี้ …

 

เขาไม่คิดว่าเด็กสาวโง่เง่าผู้นี้ จะพยายามเข้าหาผู้ที่อยากแต่งงาน ด้วยท่าทางประหลาดเช่นนี้ .. ความคิดนี้ทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง ผู้คนต่างนับว่า จวินโม่เซี่ยคนก่อนนั้นคือขยะและอันธพาล  ดังนั้น มันจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีผู้ใดชื่นชอบเขา  ในอีกมุมหนึ่ง มือสังหารมาถึงโลกนี้เพียงแค่ไม่นาน  แต่กระนั้น เขาก็ทำให้เด็กสาวผู้งดงามหลงรัก  ความจริง เมล็ดพันธ์แห่งความรัก หยั่งรากลงลึกจนนางพยายามคิดถึงการแต่งงาน … เขาอดรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยไม่ได้ …

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้  เริ่มประหม่ามากขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ความคิดของนางคลุมเครือเล็กน้อย …

พี่ซุนจะพูดตรงและโจ่งแจ้งเกินไป  ข้าอับอายจนเกือบตาย ….

 

ซุนเซี่ยวเหม่ย เฝ้าสังเกตุการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยบนใบหน้าของ จวินโม่เซี่ย สุดท้ายนางพูดขึ้น

” ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว  น้องสาวของข้า รังเกียจเจ้าจนเข้ากระดูก ที่เป็นเช่นนั้นมีเหตุผลเนื่องจากความเห็นของนางต่อเจ้านั้นมีเหตุ  สำหรับความเห็นของน้องสาวอีกผู้ของข้า ดูเหมือนว่านางจะหลงไหลเจ้าโดยไร้ซึ่งเหตุผล … “

 

” การพิจารณาของแม่นางซุนนั้นสับสนยิ่งนัก … ข้ารู้สึกว่าตัวเองงุนงงอย่างยิ่ง “

จวินโม่เซี่ยโบกไม้มือท่าทางท้อแท้

 ” ข้ายังไม่เข้าใจเจตนาของเจ้า … “​

 

” เจ้าไม่เข้าใจ .. นั่นก็ดีเช่นกัน !  มันช้างโชคร้ายหากเจ้าเข้าใจในทุกสิ่ง “

ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มเลือนราง  จากนั้นนางมองไปที่เขาด้วยท่าทีครุ่นคิด

” นายน้อยสาม เจ้ามิใช่คนดี หรือที่เขาเรียกกันว่า บุรุษซื่อตรง !  ความจริง ข้ายังคงกระหายใคร่รู้ว่ามีสักกี่คนที่เจ้าถือว่าสำคัญ “​

 

มือสังหารขวัญหนี !  เขายกมือขึ้นทันใน และถามน้ำเสียจริงจัง

 ” เจ้าพูดอะไรกัน ? “

 

เขาประเมินหญิงผู้นี้ต่ำไป …

 

” อวดดี !  ดูหมิ่นทุกสิ่งภายใต้สวรรค์ !  ลักษณะที่โดดเด่นนี้ชัดเจนอยู่ภายในตาเจ้า !  บางทีดวงตาเจ้าปรากฏถึงความเงียบสงบเยือกเย็นกับผู้คนมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น อาจถือได้ว่าเจ้านั้น เยือกเย็นและรักสันติ   แต่กระนั้น ความจริงพวกมันเผยถึงความอวดดีของเจ้า  จริงแล้ว เจ้าพยายามปกปิดมันเอาไว้ ซึ่งมิอาจใช้ได้กับผู้ที่เข้าใจ ! “

 

ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มอ่อนโยน

” ตอนนี้ ข้าจะบอกเจ้า … เพื่อเป็นของขวัญในการพบกันครั้งแรก ?  มันจะดีหากเจ้าควบคุมความอวดดีและทำตัวเป็นกันเอง ไม่ว่าเจ้าจะมีเงินมากเพียงใด หรือเจ้าอวดดี้สักแค่ใหน … ตอนนี้มิใช่เวลาที่เจ้าจะมาหยิ่งทะนง “

 

นางยิ้มหวานหลังจากพูดสิ่งนี้  จากนั้นยืนขึ้น และเดินไปหา ตู่กู้เซี่ยวอี้  และเริ่มลูบหัวนางขณะกล่าวอย่างอบอุ่น

“​น้องเล็ก วิธีการมองสิ่งต่างๆของเจ้านั้นดี แต่มันช่างน่าสงสาร …​”

 

” แต่ น่าสงสารอะไร ?  พี่ซุน ? “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ มิอาจปิดบังสีหน้าเขินอายขณะนางถามจริงจัง

 

” มันน่าสงสารที่เจ้ายังเป็นเด็ก “

ซุนเซี่ยวเหม่ยตอบด้วยรอยยิ้ม  ใจของนางต้องการจะพูดมากกว่านี้ แต่นางยับยังคำพูดไร้สาระนั้นไว้

ไม่มีหญิงที่ทำให้ชายผู้นี้เชื่อฟังได้   เจ้าจะได้รับความขื่นขมมากมายในอนาคต น้องเล็ก …

 

หญิงผู้นี้ยากจะรับมือ

หัวใจจวินโม่เซี่ยสั่นด้วยความหนาวเย็น

นางสามารถเข้าใจความเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อย ราวกับมีสัมผัสที่หก  มิเช่นนั้น นางคงมิอาจเห็นความอดดีที่ข้าปิดบังไว้ …

 

 น่าประหลาดใจ ที่หญิงผู้นี้ช่างมีพรสวรรค์

จวินโม่เซี่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มขณะความคิดชั่วร้ายพุ่งเข้ามาในหัวของเขา

หากนางแต่งกับถังหยวน … ข้าอาจจะไม่ได้มีผู้ช่วยที่มากความสามารถหรือ ?

 

หลังจากนางพูดจบ เดินไปหาถังหยวน  จากนั้นเตะก้นอวบๆของถังหยวน

” หยุดแกล้งตายได้แล้ว !  รีบลุกขึ้นและตามไปบ้านข้า  พ่อของข้าประสงค์จะพบเจ้า ! “

 

ถังหยวนกระโดดขึ้นอย่างเร็ว และเริ่มลูบก้นของเขา ขณะกล่าวโทษโทสะของนาง

” หญิงโง่ !  อย่าเข้ามาใกล้ข้า !  ผู้ใดต้องการกลับไปพร้อมเจ้ากัน !?  กระนั้น … แค่ปล่อยข้าไว้ลำพัง ! “

 

ใบหน้าของ ซุนเซี่ยวเหม่ยเฉยเมย ขณะนางยื่นมือออกไปดึงหูอันใหญ่และอวบของถังหยวน  จากนั้น นางดึงมันอย่างแรงและนำถังหยวนออกไปด้านนอก  ถังหยวนที่เดิมสถบต่อมาเขาร้องขอความเมตตา เสียงอ้อนวอนของเขายังคงดังให้ได้ยินในโรงเตี๊ยมจนกระทั่งเงียบลงเมื่อพวกเขาจากไปไกล

 

เวลานี้ ผู้ที่ยังคงอยู่ในโถงคือมือสังหาร จวินโม่เซี่ย ผู้กำลังใคร่ครวญ และ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ผู้ที่กำลังมึนงงและหน้าแดง

 

ความขวยเขินของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ ชัดเจนบนใบหน้าของนาง  นางนั้นถือได้ว่าเป็นหญิงที่ฉลาดล้ำเสมอ  มันยากที่นางจะเข้าใจว่า เหตุใดพี่สาวของนางจึงหักหลังนางเช่นนี้ เนื่องจาก ซุนเซี่ยวเหม่ยรู้ถึงความรู้สึกของนางกับชายผู้นี้อย่างแจ่มชัด

การพูดเถรตรงเช่นนี้ต่อหน้าจวินโม่เซี่ย เป็นดั่งการปล่อยให้ข้าตายเนื่องจากเขินอาย ….

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้  ประหม่ายิ่งขึ้นเมื่อพบว่าตัวนางอยู่เพียงลำพังกับจวินโม่เซี่ย … ดังนั้นนางจึงอยากจะลุกขึ้นและหนีไป !  อย่างไรก็ตาม นางเกลียดที่จะไปจากจุดนี้ เนื่องด้วยในที่สุดนางก็ได้เห็นเขาหลังจากเผชิญกับความสับสนมากมาย  ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการยากที่นางจะได้มีโอกาสพบเขาหลังจากนี้ เนื่องจากสกุลของนางต่อต้านในเรื่องนี้

เขานั่งอยู่ที่นี่ ขมวดคิ้วดั่งใบ้บ้า … ข้าไม่รู้เลยว่าเขาคิดสิ่งใด … เขาไม่พูดอะไรสักคำ …

 

เด็กสาวน่าสงสารผู้นี้คือสิ่งสุดท้ายในความคิดจวินโม่เซี่ย  ตอนนี้ ประโยคสุดท้ายของ ซุนเซี่ยวเหม่ย ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา

” มันเป็นการดีหากเจ้าควบคุมความอวดดี และทำตัวเป็นกันเอง ไม่ว่าเจ้าจะมีเงินสักเพียงใจ หรือเจ้าจะอวดดีสักเพียงใด … นี่มิใช่เวลาที่เจ้าจะมาโอ้อวด “​

 

ประโยนี้ยังคงดังก้องราวเสียงระฆังอยู่ในหูของจวินโม่เซี่ย

 

นายน้อยจวิน ได้เรียนรู้ถึงกฎบางอย่างที่น่ากลัวหลังจากเข้ามาสู่โลกนี้ และเคล็ดเหนือธรรมชาติเพียงไม่กี่อย่างที่เขาใช้  ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือในชีวิตก่อนของเขายังครบถ้วน  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเหล่านั้นก็มิอาจใช้ได้ในโลกนี้  จิตวิญญาณ ที่ยโส โหดเหี้ยมและดื้อรั้น ยังคงตามติด จอมโฉดมา …

 

จึงไม่สมเหตุผลที่ข้าจักไม่อวดดี  เหตุใดข้าจึงมิควรภูมิใจในความสามารถเหลือล้นที่ข้ามีอยู่ ?!

 

หรือว่านี่คือโลกแห่ง สวรรค์เชวียน  เทพเชวียน หรือ ยอดปรมาจารย์ ซึ่งไม่มีความสำคัญในสายตาของมือสังหาร

 

ในความคิดเห็นของเขา ผู้ที่อยู่ในโลกนี้คือยอดฝีมือสองระดับ และไม่มีผู้ใดที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตก่อนของเขา  ทำให้เขาต้องทำตัวหยิ่งยโส เนื่องจากเขาเชื่อว่าทุกคนไม่ควรค่ากับเขา !

 

ยิ่งไปกว่านี้ เขามิได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดการเป็นตาย  เห็นได้ชัดว่ามันยิ่งทำให้ความทะนงของเขาเพิ่มยิ่งขึ้น …

 

ตอนนี้ ซุนเซี่ยวเหม่ย ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องให้เขาเพียงไม่กี่คำโดยไม่ตั้งใจ อวดดี !  ช่างอวดดียิ่ง !

 

หากปุถุชนนี้ยังสามารถอวดดี ทายาทหนุ่มสกุลจวินจะต้องมีอภิสิทธิที่จะอวดดียิ่งกว่าในนครเทียนเชียงโดยไม่สนสายตาผู้ใด  อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยสกุลจวินนั้นไร้ความสามารถที่จะจัดการกับโทสะในดินแดนอันห่างไกลนี้

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตที่เขาได้เกี่ยวข้องกับ นครพายุหิมะสีเงิน และ คฤหัสน์ฉือฮั่น นายน้อยสกุลจวินนั้นไร้ซึ่งสิ่งใดต่อหน้า สกุลอันทรงพลังทั้งสอง  ความจริง พวกเขาสามารถกำจัดเขาได้ตราบที่ต้องการ

 

ดูเหมือนว่าเขาต้องใช้เวลานานนับชั่วยามเพื่อทำให้ทัศนะของเขาดีขึ้น และควบคุมความอวดดีที่ไร้จำเป็น

 

ขณะเขากำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียง ตู่กู้เซี่ยวอี้  ” ฉึบ ”  จากนั้นนาง ขยับเก้าอี้ และใช้ก้นของนางเปลี่ยนเส้นทาง ก่อนจะเกิดเสียง ฉึบอีกครั้ง และ ขยับเก้าอี้ของนางต่อไป  นายโยกตัวไปมาบนเก้าอี้ขณะที่เคลื่อนที่ไปรอบๆโต๊ะ  สีหน้ามืดมนค่อยๆเผยออกมาบานใบหน้าอันสวยงามและเล็กของนาง  มือเล็กๆของนางลูบเจ้าขาวน้อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้มันครวญครางจากความทรมาณเมื่อถูกลูบ

 

” มีแมลงอยู่ในก้นเจ้าหรือ ? “

จวินโม่เซี่ยถามสับสน

เหตุใดเด็กสาวผู้นี้สบัดก้นราวกับมีแมลงอยู่ข้างใต้ ?

 

” มีแมลงอยู่ในก้นเจ้าสิ ! “

ตู่กู้เซี่ยวอี้  ตะโกนกลับ

” เจ้ามิได้สนใจข้า … เจ้าไม่พูดกับข้า เจ้า … เจ้า … ข้าเกลียดเจ้า ! “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ คำรามโกรธเคือง  นางครวญครางและกระทืบเท้า ซึ่งนางรู้สึกผิดเนื่องด้วยเวลาที่ผ่านไป ซึ่งเขาไม่สนใจนาง และแทบไม่พูดกับนาง … ความจริงเขาเมินนางตั้งแต่เข้ามา !

 

จวินโม่เซี่ยชะงัก

. เหตุใดเด็กสาวผู้นี้โมโหยิ่งนัก ?  เขาไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับโทสะของเด็กสาวอย่างไร

สุดปัญญาของเขา จวินโม่เซี่ยจึงเอ่ยขึ้นร้อนรน

” เจ้า … เอ่อ จะหยุดตะโกนหรือจะให้ข้าลุกหนีไป ! “

 

” เจ้า … “

โทสะของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ พุ่งพล่าน  นางมองจวินโม่เซี่ยอย่างเจ็บปวดอยู่ชั่วครู่  จากนั้นกัดริมฝีปาก ควบคุมโทสะ และพูด

” อย่างแรก เจ้าทำให้ข้าต้องประสบกับปัญหามากมาย … แล้วเจ้าจะหนีไปกระนั้น ? “​

 

” ปัญหา ? “

จวินโม่เซี่ยลืมตา

” เมื่อใหร่กันที่ข้าสร้างปัญหาให้เจ้า ? “

มิใช่เจ้าหรือที่ก่อปัญหาให้ตัวเอง ?  เหตุใดจึงไม่ยอมรับความจริง ?

 

” ดูเจ้าขาวน้อยนี่สิ !  เขา … ทำให้สกุลข้าปั่นป่วนมากหลายวัน … “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ กัดริมฝีปาก

” เสือดาวปีกเหล็กหนุ่มขั้นแปดซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน… และมันมาปรากฏตัวที่บ้านข้า !   เจ้าคิดว่านั่นมิใช่ปัญหาหรือ ?  ชิ ชิ เจ้าไม่รู้ถึงสถานการณ์ในนครเลยหรือ ?  … และข้าพาเจ้าตัวนี้ไปด้วยทุกที่ !  ท่านพ่อซักไซ้ข้า … เขาเกือบจะตีข้า “

 

” หือ … “

เห็นได้ชัดว่าเป็นปัญหาแต่มิอาจช่วย  โดนไม่ทันคิด จวินโม่เซี่ยถามเพิ่ม

” เขาพูดอะไร ? “

 

” หลังจากกระวนกระวาน เขาพูดว่า เจ้ากำลังถามว่าปัญหาอะไรนะหรือ ?  เจ้ากลับมาพร้อมเจ้านั่นในอ้อมแขน และเจ้ายังถามข้าว่ามีปัญหาอะไรอีกหรือ ?  ข้าสับสนอย่างยิ่ง !  เหตุใดข้าจึงไม่ตัดเจ้าเป็นชิ้นๆและส่งเจ้าไปลงอเวจี  เจ้าอาจจะหาพ่อแม่ของมัน และถามพวกเขาดูว่าปัญหาคืออะไร ?! “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ ลอกเลียน ตู่กู้วูตี้ อย่างแนบเนียน แต่มิอาจะเลี่ยงรอยยิ้มหลังจากนั้น

 

จวินโม่เซี่ยกึ่งร้องกึ่งหัวเราะ

 

ข้าจะสับเจ้า และส่งเจ้าลงอเวจี เพื่อให้เจ้าจับพ่อแม่ของมัน ?

มันยากจะบอกว่า ตู่กู้วูตี้ หมายถึงสิ่งใด  อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งดีที่คำโต้แย้งนั้นไร้ซึ่งเหตุผล …

 

เขามีพรสวรรค์บางอย่าง !