” พ่อของเจ้าช่างสามารถยิ่ง และแผนการนี้สร้างสรรค์อย่างมาก ! “

จวินโม่เซี่ยยกยอ และถอนหายใจ   เขาคิดในใจถึงเจ้าตัวเล็กนั่น

แม้นว่าจะตายและลงอเวจีเพราะเรื่องนี้ … มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แม้น พ่อแม่ของเสือดาวปีกเหล็กก็มิอาจอธิบายได้ …

 

จากที่ เจ้าตัวน้อยนี้พัฒนาไปเกินกว่า เสือดาวปีกเหล็ก ทุกตัวในประวัติศาสตร์  แม้แต่บรรพชนของเสือดาวปีกเหล็ก .. หรือเสือดาวปีกเหล็กที่ทรงพลังที่สุดก็มิอาจอธิบายเรื่องนี้ได้ !

 

เขามองไปยังสาวน้อยอีกครั้ง

 

สาวน้อยผู้นี้มีพรรสวรรค์ชั้นสูง  ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีบุคลิกที่โดดเด่น  นางเพิ่งจะโกรธกริ้วไป และมากพอจนเริ่มตะโกน  ความจริง ดูเหมือนว่าน้ำตาเริ่มเจิ่งนอง  แต่นางกลับหัวเราะอย่างรวดเร็วเมื่อนางนึกถึงเรื่องตลก  แม้นความตึงเครียดบนใบหน้าของนางหายไป  นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ … น่าชื่นชมจริงๆ

 

” ข้าเชื่อว่าความคิดของพ่อข้านั้นหลักแหลม  อาจจะดูไม่มีผลสิ่งใดในตอนแรก แต่หากติดตามเขาไปใกล้พอ กลับกลายเป็นความคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง … ฮ่าฮ่า “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ พอใจ

” ความจริง ข้าใช้พลังมากมายเพื่อกุเรื่องของเจ้า  แต่ข้าทำมันได้ไม่มากพอ  ท่านพ่ออ่านความคิดของข้าได้ … ดั่งเช่นที่ท่านแม่พูดเสมอว่า ผู้หลักแหลมมักจะเขลากับคนส่วนใหญ่ นั่นคือความงามที่แท้จริง  “

 

ผู้หลักแหลมมักจะเขลากับคนส่วนใหญ่ !  ความสวยงามที่แท้จริง ?!  ใช้คำนั้นเพื่อพรรณนาถึงขุนพลตู่กู้วูตี้ … เป็นวลีที่น่าสมเพชยิ่ง

 

” เช่นนั้น … เราจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร ? “

จวินโม่เซี่ยประทับใจ  เด็กสาวผู้นี้บริสุทธิยิ่ง นางเปิดเผยต่อทุกผู้ที่ต้องการ  นางช่างตรงข้ามกับตู่กู้วูตี้ผู้ที่ป่าเถื่อนยิ่ง  เขาลงมือกระทำโดยไม่คิดหาวิธีแก้ปัญหา

 

” อืม เมื่อเวลาผ่านไป “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ พยักหน้า

” มันจะกลายเป็นว่าผู้คนมากมายจะพยายามจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อเจ้าขาวน้อย  แต่ข้าจักไล่พวกเขาไปเสีย  เขาเป็นของข้า ดังนั้นให้พวกเขาลืมแผนการของตัวเองไปซะ  นอกเสียจากว่าเขาเป็นพยายานในเรื่อง … “

ในที่สุดเสียของนางก็บางเบาลง ในที่สุดก็กลายเป็นนางที่ได้ยินเสียงตัวเอง จวินโม่เซี่ยไม่อาจได้ยินในสิ่งที่นางพูด

 

หลังจากนางพูดจบ ตู่กู้เซี่ยวอี้ หยุดนิ่งชั่วขณะ  จากนั้นนางหันไปมองจวินโม่เซี่ยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม

” สกุลของข้าได้รับคำเชิญจากสกุลจวินเมื่อวาน … “​

 

” โอ้ ? “

จวินโม่เซี่ยเลิกคิ้ว

 

” ข้าไม่รู้ว่าเจ้าและพ่อข้าเห็นด้วยในการต่อรอง ! “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ ดูกระวนกระวายเล็กน้อยพร้อมดวงตาเบิกกว้าง

“เจ้ากล้าที่จะพนันกับพ่อข้า .. ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้ากำลังคิดอะไร !  เจ้าคิดจริงๆหรือว่าสุราเพียงเหยือกเดียวสามารถขายในราคาหมื่นตำลึงเงินได้ ?  มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ มันเกิดขึ้นมิได้ !  แต่กระนั้นเจ้าก็ .. อืม !  เมื่อวานพ่อข้าหัวเราะลั่นหลังจากได้รับคำเชิญจากเจ้า  เขาบอกว่าการพนันนี้จะทำให้เจ้าอยู่ภายใต้การควบคุม  อ่อ … พ่อของข้าบังคับให้เจ้าเดิมพันนี้หรือ … !”

 

” โอ้ เขาต้องการควบคุมข้า ?!  หือ ?  ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงคิดว่าการพนันนี้เป็นความคิดที่แย่ … ในเมื่อความจริงข้าเลือกโอกาสนี้อย่างระมัดระวัง และส่งคำเชิญนั้นตามประสงค์ของข้าเอง  นอกจากนี้ ผู้ใดจะสามารถพิชิตนายน้อยผู้แข็งแกร่งนี้ได้ … “

 

จวินโม่เซี่ยลูบคาง ขณะดวงตาลุกโชย

แท้จริงแล้ว ขุนพลตู่กู้มิได้บังคับข้าในการเดิมพัน  นี่คือการกระทำของข้าเอง  การเดิมพันนี้มันจะทำให้ข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างนั้นหรือ …​?  มันไม่รื่นหูหากจะบอกว่าผู้ใดอยู่เหนือกว่า

 

นายน้อยจวินมิได้ลืมว่าสกุลตู่กู้ติดค้างเขามากมายหกาการประมูลสุราของเขาสำเร็จลุล่วง  แต่กระนั้น เมื่อเป็นเรื่องนี้ ขุนพลตู่กู้จะก้มหัวเพราะเรื่องการพนันหรือ ?

 

” เจ้ามั่นใจ ? “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ ถามด้วยสายตากังวล  เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการให้จวินโม่เซี่ยแพ้การเดิมพันนี้  ดังนั้น นางจึงต้องการให้พ่อของนางพ่ายแพ้ !

” แต่มันจะน่าเกลียดไหม … เป็นไปได้ไหมที่เจ้าจะไม่ซื่อตรงกับพ่อของข้าในการเดิมพันนี้ ? “

 

” เป็นการยากที่จะพูดว่า … ยุติธรรม… หรือ ไม่ยุติธรรม … “

จวินโม่เซี่ยหยุดหลังจากเขาพูดสามประโยคนี้อย่างเคร่งขรึม  เขาเชื่อมั่นในแผนการ  ความจริง หากจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับใครสักคน มันน่าจะไม่เป็นเช่นนั้นกับนายน้อยจวิน  อย่างไรก็ตาม หก ค้อนประธานของโลกใบนี้มิได้ตัดสินให้โอกาสเขา … เขาก็ยังคงมีเหตุให้บังเอิญอีกมากมาย

 

” จะเป็นไรไหมหากข้าจะตามท่านพ่อไปด้วยพรุ่งนี้ ? “

ดวงตาของตู่กู้วูตี้เปล่งประกายขณะที่สีหน้าของนางเปลี่ยนไป  นางก้มหน้าลง และกัดฟันขณะตัดสินใจ

” หากเขาทำให้เจ้ายุ่งยาก .. ข้าจะเริ่มร้อง และข้าจักแกล้งทำ … ข้าไม่ปล่อยให้เขกลั่นแกล้งเจ้า !  จงอย่าได้กังวลไป … “

 

หากบอกว่า หัวใจของหญิงสาวอยู่กับผู้ที่นางรัก นั้นไม่ผิดเพี้ยนนัก  ความคิดของสาวน้อยผู้นี้เต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของจวินโม่เซี่ย และนางเพียงครุ่นคิดถึงการป้องกันมิให้จวินโม่เซี่ยพ่ายแพ้ท่านพ่อของนาง  แต่กระนั้น นางลืมไปว่าหากผู้เฒ่าของนางพ่าย สกุลของนางจักมีหนี้สินมากมาย และมันมหาศาลยิ่งกว่า …

 

จวินโม่เซี่ยใจเย็น ใจแข็ง และเลือดเย็น เสมอ  แต่กระนั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่ใจอ่อน  สาวน้อยหมกมุ่นอยู่กับความสะดวกสบายของเขาเพียงผู้เดียว  จวินโม่เซี่ยมิได้เขลา เหตุใดเขาจึงมองไม่เห็น ?

 

ชายมิได้เป็นหิน พวกเขาจึงมิได้ไร้หัวใจ

 

” แม่นาง อย่างได้กังวล ข้าจะไม่พ่าย “

จวินโม่เซี่ย ยิ้มอบอุ่น และยื่นมือออกไปเพื่อลูบผม ตู่กู้เซี่ยวอี้  แต่เมื่อมือของเขาจะสัมผัสกับมัน เขารู้สึกบางอย่างคล้ายกระแสไฟอย่างรวดเร็ว และดึงมือกลับทันที  เขาเข้าใกล้หญิงสาวผู้นี้โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งมันขัดแย้งกับตัวตนมือสังหารของเขา  เขามักจะถือตัวในฐานะมือสังหารเสมอไม่ว่าจะชีวิตใหนก็ตาม  กระนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขากระทำเช่นนี้

 

แม้นว่าเขาจะมิได้เป็นมือสังหารในโลกนี้ …

 

จวินโม่เซี่ยยิ้มขณะยืนขึ้นและพูดอย่างนุ่มนวล

” ข้าขอตัว “

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้ ก้มต่ำขณะหัวใจของนางเต้นรัว  เป็นครั้งแรกที่เขาเลือกแตะต้องตัวของนาง แม้นมันจะเป็นเพียงเส้นผม  ทั่วทั้งร่างของนางรู้สึกราวกับปวกเปียก ขณะที่ใบหน้าเริ่มรู้สึกร้อนหนาว  ในอีกมุมหนึ่ง ความคิดของนางกำลังพุ่งพล่าน ….

 

เมื่อครู่เกิดสิ่งใดกัน ?  ข้ากำลังทำสิ่งใด ?  เหตุใดข้าจึงทำเช่นนี้ ?  เหตุใดพฤติกรรมของข้าจึงจู้จี้ยิ่งนัก …

 

อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกคลุมเครือว่ามีบางอย่างที่ต่างไปในการพบเจอครั้งนี้  พฤติกรรมของเขาต่างไปจากแต่ก่อน  ก่อนหน้านี้นายน้อยจวินเป็นเพียงเสเพลปากพล่อยผู้แกล้งทำเป็นเจ้าชู้ ดั่งเด็กเหลือขอ แต่ต่างไปในเวลานี้เหมือนว่าเขาจะหมกมุ่นกับการเอาจริงเอาจัง

 

” อื้อ “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ริมฝีปากสั่นขณะตอบอย่างนุ่มนวล นางยืนขึ้นด้วยก้มหน้า ดูเหมือนนางกำลังจ้องมองเท้า  เสียงของนางเบามากเมื่อนางพูดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนายน้อยจวินมิได้ยินสิ่งใดแม้นว่าเขาจะยืนอยู่ใกล้นางมาก

” เจ้า … จะไป ?  ข้า … ข้า … ไม่เป็นไร … “

 

แม้นว่าสาวน้อยผู้นี้ต้องการจะเอ่ย

” ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าในมุมที่ต่างออกไป “

อย่างไรก็ตาม ประโยคนี้ก็ติดอยู่ที่ปากของนาง  นางกลืนมันลงไป และพินิจซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดก็เงียบขณะนางรู้สึกเขินอายที่จะพูดมันออกมา

 

ใบหน้าของตู่กู้เปล่งประกายดั่งหยกสะท้อนประกายขาว  เส้นผมที่อ่อนนุ่มของนางดูเหมือนจะเต้นระบำท่ามกลางสายลม  ผมเส้นหนึ่งพลิ้วขึ้นมาถึงหน้าผากและติดอยู่ที่แก้ม ถัดไปจากจมูกที่สวยงามของนาง …

 

ขนตายาวของนางเคลื่อนลงอย่างแผ่วเบา และหยุดลงชั่วขณะในตอนเขากระพริบตา  ริมฝีปาดอวบอิ่มประกายชมพูเป็นรอยย่นเนื่องจากนางกัดด้วยฟันสีขาว  ใบหน้าของนางปฏิเสธเขาอย่างชัดเจน  เหตุการณ์เช่นนี้คือการที่หญิงสาวกำลังตกหลุมรัก ผู้ที่พยายามสุดความสามารถขณะปกปิดความรู้สึกของตัวเอง  ยิ่งนางพยายามปกปิดความรู้สึก นางยิ่งดูน่าเอ็นดู …

 

ความสวยงามอันน่าอัศจรรย์ของนางเริ่มทำให้นายน้อยจวินเกิดความหวาดกลัว  เขาคุ้นเคยกับการได้พบเห็นผู้มีชื่อเสียงมากมายในชีวิตที่แล้ว  ความจริง เขาเคยเห็นหญิงสาวสวยงามทุกรูปแบบ แต่กระนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความงดงามอันบริสุทธิเช่นนาง เขาพบมามันยากยิ่งจะห้ามปรามความรู้สึกอ่อนโยนและความรัก  ซึ่งกำลังอุบัติขึ้นในหัวใจของขา ความนี้นี้เกิดขึ้นครั้งแรกในชีวิตของเขา

เด็กสาวผู้นี้งดงามยิ่งนัก .. แม้นเมื่อเปรียบกับหญิงผู้งดงามมากมาย นางก็มิได้อ่อนด้อยเลยแม้แต่น้อย …

 

ในตอนนี้ ก่อเกิดความเงียบงันในโถง แม้แต่เสียงของลมหายใจอันละเอียดอ่อนของพวกเขาก็มิอาจดังกลบความเงียบนี้ได้ …

 

ใบหน้าอันสวยงามของตู่กูเซี่ยวอี้กลายเป็นสีแดง ราวกับสัมผัสได้ว่าเขากำลังจ้องมองมา  นางอดที่จะก้มต่ำต่อไปด้วยความเหนียมอายมิได้  นางเริ่มใช้ปลายเท้าวาดรูปวงกลมในขณะที่ลูบขนสีขาวนวลของเจ้าขาวน้อยด้วยมือ  ตู่กู้เซี่ยวอี้รู้สึกล่องลอยอยู่ท่ามกลางหมกควัน ราวกับว่ามีเพียงพวกเขาแค่สองที่อยู่ในโลกใบใหญ่นี้ …

 

เสียงจามของเจ้าขาวน้อยทำลายความเงียบลง และปลุกทั้งสองให้ตื่นขึ้น  ตู่กู้เซี่ยวอี้ เงยหน้าอันแดงก่ำด้วยความเขินอายขึ้น และเพ่งมองอย่างเหนียมอายไปที่เขา ขณะนางเอ่ยอย่างนุ่มนวล

 ” เจ้าโง่ .. เจ้า .. เจ้ายังไม่ไป ?  เหตุใดเจ้ายังไม่ไป ? “

 

จวินโม่เซี่ยตระหนักได้ว่าเขาไร้สติ และกำลังหยาบคาย  แต่กระนั้น นี่คือครั้งแรกที่เขาทำผิดพลาดตั้งแต่เขาจุติลงมา  เขาวางตัวอย่างรวดเร็วและหัวเราะขณะเอ่ย

” ข้าเกือบจะไม่อยากจากไปหลังจากได้เป็นหญิงสาวผู้งดงามเช่นนี้  ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังปลุกความวิปลาสของข้า … “​

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้ เพ่งมองเขาเล็กน้อยขณะพูดอย่างนุ่มนวย

” เงียบเสีย !  เจ้าคิดว่าข้ากลัวความวิปลาสของเจ้า ?  … ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเจ้ามีเรื่องต้องรีบไป เร็วเข้า ใส่ใจมันหน่อย … “

นางกันหน้าไปทางอื่นหลังจากพูดจบ แม้แต่ต้นของนางอนางแดงจนจวินโม่เวี่ยเห็นมันได้อย่างชัดเจน

 

เขาพูดคำเหล่านี้อย่างจริงจัง เหตุใดมันจำทำให้ขางเขินอาย ?

 

นายน้อยจวินมีความสุขกับการใกล้ชิดหญิงสาวอย่างมากในชีวิตที่แล้ว และด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เข้าใจหัวอกของ ตู่กู้เซี่ยวอี้   ในอีกมุมหนึ่ง นางเพิ่งตระหนักได้ว่าน้ำเสียงที่นางได้เอ่ยออกไปนั้น ละม้ายกับน้ำเสียงของภรรยาที่พูดกับสามีก่อนจะออกไปทำงาน  น้ำเสียงของนางอบอุ่น ราวกับแสดงถึงความเป็นห่วง  นางจำได้ว่าแม่ของนางก็เอ่ยเช่นนี้ก่อนที่พ่อของนางจะไปสงคราม เมื่อตระหนักเช่นนี้ นางจึงขวยเขินยิ่งขึ้น และอดเป็นกังวลมิได้

เราชอบเช่นนั้น ?

 

แล้วเขากับข้าละ ?

 

ยิ่งนางคิดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของนางยิ่งแดงขึ้น  ไม่นาน ใบหน้าของนางดูเหมือนจะเปล่งประกายสีแดงดั่งหมู่เมฆยามรุ่งอรุน จนนางมิอาจะเงยหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง

 

” ฮ่า ฮ่า ช่างน่ารัก !  น่าชังยิ่งนัก ! “

จวินโม่เซี่ย เชยชม  จากนั้นเขายื่นมืออกไป และป้องหน้าของนาง  จากนั้นเขาสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มของมันอยู่ชั่วครู่  เขากระดกลิ้น และอุทาน

” ช่างนุ่มนวล … หอมหวานยิ่ง … ฮ่าฮ่า ! “

เขาหัวเราะลั่น เสื้อผ้าของขากระพือขณะเสียงฝีเท้าของเขาค่อยๆจางหายไปตามระยะทาง

 

เขาทีเล่นทีจริงเพื่อปกปิดถึงหัวใจที่ ตื่นเต้น มือสังหารเกือบจะไร้มารยาท และหนีไปเป็นครั้งแรกในชีวิต … พบเพียงแต่หัวใจของเขาที่กำลังเต้นรัวประหนึ่งเสียงกลอง …