ตอนที่ 552 ทำไมถึงได้มองเธอในแง่ร้ายแบบนั้น
หรือว่าที่ท่าทีของแม่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้จะเกี่ยวข้องกับหล่อนกันนะ
ที่จริงแล้วจิ้นหยวนเองก็ฉลาดไม่ใช่น้อย ไม่ใช่คนที่จะคล้อยตามพ่อแม่ได้ง่ายๆ ก็แค่ยอมรับไปก่อนเพื่อที่จะได้หาทางหลีกเลี่ยงเอาทีหลัง เขารู้สึกว่าแม่ของเขาก็เป็นคนแข็งถึงได้ไม่ชอบมู่มู่ที่เป็นคนแข็งเหมือนกัน
แต่พอดูจากอารมณ์ของหล่อนในตอนนี้แล้ว พอลองคิดดูตั้งแต่ที่หล่อนเข้ามาอยู่ในชีวิตของแม่ก็เหมือนว่าแม่จะมีท่าทีต่อเฉียวซือมู่ที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก และรู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่าเหมือนช่วงนี้ตัวเขาเองก็มองข้ามอะไรไปหลายอย่าง
เขาลอบมองหล่อนอย่างพิจารณา หล่อนชะงักไปเล็กน้อย เหมือนกับว่าพอรู้สึกได้ว่าสายตาที่เขามองมาที่ตัวเองนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ร่างทั้งร่างก็ค่อยๆ สั่นขึ้นมา จากนั้นก็รีบหันหน้าไปไม่กล้ามองเขาอีก
ตอนนี้เองที่ฉินเพ่ยหรงสังเกตเห็นท่าทีของลูกชายตัวเองก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจมองไปที่ลูกชาย “ทำไมถึงมองคนอื่นแบบนั้น เธอไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ทำไมจะต้องมองเธอในแง่ร้ายแบบนั้นด้วย”
เขามองไปที่มารดา อยากจะโต้เถียงออกไป และอยากจะถามเจียงจื่อเสียนว่าหล่อนได้ไปพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเฉียวซือมู่ให้แม่เขาฟังหรือเปล่า แต่พอเขาได้ลองมองไปที่มารดาดีๆ แล้ว เขาก็ค่อยกลืนคำพูดที่อยากจะพูดลง
เพราะว่าเขาพบว่า ในความทรงจำของเขา มารดาของตัวเองนั้นสวยและสง่างามเป็นไหนๆ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ไม่เคยเสียบุคลิกเลย แต่ทว่าตอนนี้เมื่อเขาลองดูดีๆ แล้วก็พบกับบางอย่าง นั่นก็คือแม่ของเขาแก่แล้ว
ใบหน้าขาวนวลในตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นบางๆ ปลายหางตาและมุมปากเริ่มมีเส้นลึกอย่างชัดเจน และเรือนผมที่เคยดำสนิทก็เริ่มมีสีขาวแซม
แม่ของเขาแก่แล้ว
นี่คือสิ่งที่เขาคิดได้หลังจากที่ได้เห็นชัดๆ
แต่ไหนแต่ไรมาเขาเอาแค่คิดว่าแม่เป็นคนที่เข้มแข็ง ทำเอาคนที่แข็งแกร่งอย่างเขาใจอ่อนยวบลงทันที
เขาเบนสายตาไปมองพ่อที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรข้างๆ ในใจก็รู้ได้ทันทีว่าทำไปแม่ของเขาถึงได้กลายเป็นแบบนี้ และทำไมถึงได้แก่ลงเร็วนัก
เป็นเพราะเรื่องในบ้านนี่เอง ร่างกายของพ่อในหลายปีมานี้มันทำให้แม่รู้สึกกังวลและหวั่นใจเป็นอย่างมาก ปีๆ หนึ่งต้องส่งเข้าห้องฉุกเฉินถึงห้าครั้ง ทำเอาจิตใจของท่านตื่นกลัวไปหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่วงเวลาที่ท่านต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเลย ความระทมทุกข์แบบนั้นมันเกินพอแล้วสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
แล้วยังมีตัวเขาเองอีก เขาเองก็ไม่เคยทำให้ท่านสบายใจเลย
พอคิดได้แบบนั้น ความโกรธที่พล่านขึ้นมาในใจก็ค่อยๆ ดับลง แทนที่เข้ามาด้วยความใจอ่อนและสงสารผู้เป็นมารดา
หลายปีมานี้เป็นเพราะพ่อของเขาและตัวเขาเองที่ทำให้แม่ต้องใช้ชีวิตอย่างทรมาน จะทำให้ท่านรู้สึกแย่อีกไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงอ่อนเสียงลงแล้วพูดกับหล่อน “ผมทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ก็แค่มองเธอนิดหน่อยแม่ก็โกรธขึ้นมาแบบนี้แล้ว ผมว่าตอนนี้แม่คงเห็นเธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ส่วนผมเป็นแค่คนนอกแล้วละมั้ง”
ฉินเพ่ยหรงอุทานออกมาอย่างไม่พอใจ “ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ถ้าเป็นไปได้ละก็ ฉันก็ไม่ได้อยากได้ลูกชายที่เอาแต่ทำให้ร้อนใจแบบนี้หรอก”
พูดจบก็กวักมือเรียกเจียงจื่อเสียน “มานี่สิ มานั่งข้างๆ ฉัน”
ตอนนี้จิตใจของเจียงจื่อเสียนไม่ได้เป็นอย่างเมื่อครู่แล้ว ตั้งแต่ที่จิ้นหยวนเอาแต่มองหล่อนด้วยสายตาเย็นชา หล่อนก็รู้สึกเหมือนว่าความคิดของตัวเองมันถูกเขามองออกหมดแล้ว มันทำให้หล่อนรู้สึกไม่ปลอดภัย ราวกับว่ากำลังแก้ผ้าให้คนทั้งห้องเห็นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนว่าความคิดของหล่อนมันถูกเปิดเผยต่อหน้าจิ้นหยวน
ในขณะที่กำลังหวาดกลัวอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฉินเพ่ยหรงขึ้นมา หล่อนจึงลอบถอนหายใจราวกับว่าได้รับความช่วยเหลือแล้ว
ตอนที่ 553 ที่ผมพูดมันก็ความจริงทั้งนั้น
หล่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปข้างๆ ฉินเพ่ยหรง ยื่นมือออกไปคล้องแขนหล่อนแล้วนั่งลงข้างๆอย่างสนิทสนม พร้อมๆ กับรอยยิ้มหวานที่ส่งไปให้ “คุณน้าอย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ หนูว่าพี่ใหญ่จิ้นก็เป็นห่วงคุณน้ามากเหมือนกัน เพียงแค่ว่างานยุ่งไปหน่อยเท่านั้นเองค่ะ”
ฉินเพ่ยหรงอุทานออกมาอย่างเย็นชา “แต่น้าว่าไม่ใช่หรอก ไม่อย่างนั้นถ้ายุ่งอยู่จริงๆ ก็คงไม่มีเวลากลับมาหาน้าแล้วล่ะ น้าเองก็ไม่ใช่พวกหัวโบราณ ไม่ยอมให้ลูกหลานไปใช้ชีวิตของตัวเองเสียหน่อย แต่ว่าภายในหนึ่งเดือนคิดจะมาเยี่ยมเยียนหากันสักครั้งก็ไม่มี เหอะ น้าว่า เป็นเพราะผู้หญิงไม่ดีมากกว่า”
พูดไปพูดมาก็วกเข้าเรื่องของเฉียวซือมู่จนได้ หล่อนเองก็คิดมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเฉียวซือมู่ทำให้ลูกชายของเขาเสียคน แต่กลับไม่ได้คิดเลยว่าตั้งแต่ก่อนที่จิ้นหยวนจะได้เจอกับเฉียวซือมู่เขาเองก็ไม่ค่อยกลับบ้านอยู่แล้ว
คนเป็นแม่ก็เหมือนกันทุกคน ทุกครั้งที่เห็นลูกของตัวเองทำผิด สิ่งแรกที่จะทำคือการโทษว่าคนอื่นไม่ดี ทำให้ลูกของตัวเองเสียไปด้วย ไม่เคยคิดว่าลูกของตัวเองก็จะทำผิดได้เหมือนกัน
ความผิดทุกอย่างเป็นของลูกคนอื่น!
เจียงจื่อเสียนทำเป็นเหมือนว่าไม่เข้าใจ และไหลไปตามสิ่งที่หล่อนพูด “นั่นสิคะ แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างก็ดีขึ้นแล้ว หลังจากนี้พี่ใหญ่จิ้นก็คงกลับมาเยี่ยมคุณป้าได้บ่อยขึ้น ใช่ไหมคะพี่ใหญ่จิ้น”
พูดจบก็ทำใจกล้ามองไปที่จิ้นหยวน พอได้มาอยู่ข้างฉินเพ่ยหรงแบบนี้หล่อนก็เหมือนมีความกล้าแบบไม่สิ้นสุด ค่อยๆ ลบความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นภายใจในก่อนหน้านี้ออกไป
จิ้นหยวนมองเธอแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร ทำเหมือนว่าไม่ได้ยินที่หล่อนพูดอย่างไรอย่างนั้น
การเมินเฉยไม่เห็นอยู่ในสายตาทำเอาหล่อนหน้าขึ้นสีจัด แทบจะไปต่อไม่ถูกอยู่แล้ว
ฉินเพ่ยหรงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความไม่ชอบใจ “ทำแบบนี้ทำไม ไม่เห็นหรือไงว่าเธอกำลังพูดกับลูกอยู่ ไร้การศึกษา”
จิ้นหยวนมองมารดาครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับไป “ผมรู้แค่ว่านี่มันเป็นเรื่องในครอบครัว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปฟังคนนอกพูด แล้วอีกอย่าง ผมจะกลับหรือไม่กลับมันก็เป็นเรื่องของผม ไม่ต้องการให้คนอื่นมายุ่งวุ่นวาย”
แค่ประโยคเดียวก็ทำเอาเจียงจื่อเสียนอึดอัดจนหยาดน้ำตาเริ่มคลอเบ้าอีกครั้ง หล่อนก็รู้ว่าจิ้นหยวนไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับหล่อนนัก แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ หล่อนคิดว่าถ้าหล่อนทำตัวดีๆ ต่อหน้าเขา พูดจาให้อ่อนโยน ไม่เว้นแม้แต่กับตอนที่อยู่บริษัทหล่อนก็ทำแบบนี้มาโดยตลอด ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับสิทธิพิเศษอะไร คอยระมัดระวังและมีความรับผิดชอบเสมอ แต่ทำไม เพราะอะไรเขาถึงได้ไม่ชอบหล่อนนัก
หรือในระหว่างนั้นหล่อนทำอะไรผิดพลาดไปอย่างนั้นหรือ
หล่อนคิดไม่ออก จึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือจากฉินเพ่ยหรง “คุณน้าคะ…หนู…”
ตอนแรกฉินเพ่ยหรงก็รู้สึกอยู่แล้วว่าคำพูดจองลูกชายตัวเองไม่น่าฟังเลยสักนิด เจียงจื่อเสียนเองก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง แถมยังเป็นแขกด้วย แต่เขาก็ยังพูดอะไรที่มันเกินไปออกมาอีก ยิ่งได้เห็นว่าเจียงจื่อเสียนต้องมาได้รับการกระทบกระทั่งแบบนี้ ความโกรธที่เริ่มเบาบางลงก็พุ่งขึ้นมาอีก ตบมือลงบนโต๊ะด้วยความโมโห “จิ้นหยวนนี่ลูกยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า มีใครเขาพูดกับผู้หญิงแบบนี้กันบ้าง รีบขอโทษเดี๋ยวนี้ ได้ยินไหม!”
จิ้นหยวนมองผู้เป็นมารดาด้วยสีหน้าแววตาที่เรียบเฉยเหมือนเดิม “ที่ผมพูดมันก็ความจริงทั้งนั้น”
“ความจริงอะไร ที่ลูกพูดออกมาจะให้เธอคิดยังไงได้อีก ถ้าลูกยังเห็นว่าแม่เป็นแม่อยู่ละก็รีบขอโทษออกมาเดี๋ยวนี้!”
พอพูดแบบนั้นออกมา จิ้นหยวนก็ไม่มีทางเลือก เขามองมารดาแวบหนึ่ง แล้วเหลือบไปมองเจียงจื่อเสียนที่กำลังร้องไห้อย่างทุกข์ใจ พอคิดว่าจะพยายามที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจ และเตรียมคำพูดที่ดูน่าฟังอยู่นั้น จู่ๆ หล่อนก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ฉันไม่โทษพี่ใหญ่จิ้นหรอกนะคะ ฉันไม่ใช่คนในครอบครัวของพี่อยู่แล้ว ฉันไม่ควรที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้อีก พรุ่งนี้ฉันจะย้ายออกเองค่ะ…” พูดจบก็ลุกวิ่งขึ้นชั้นบนไปทันที