ตอนที่ 101 ซื่อจื่อผู้หาเรื่องให้ถูกทุบตี

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

“ข้าบอกเรื่องที่ฮูหยินเหวินถูกวางยาพิษจนคลอดทารกตายคลอดออกไปแล้ว ตอนนั้นมีสาวใช้นางหนึ่งหลังจากได้ยินเรื่องนี้สีหน้าของนางก็แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน ข้าได้แจ้งแก่ฮูหยินเฝิงได้ทราบแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าต่อไปพวกเขาจะจัดการอย่างไรนั่นเป็นเรื่องภายในจวนตระกูลเฝิง พวกเราไม่สะดวกก้าวก่ายมากเกินไปนัก”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “กับแค่ควานตัวสาวใช้นางหนึ่งออกมาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่คณามือจวนตระกูลเฝิงหรอก เจ้าแค่นั่งสบายๆ รอข่าวจากพวกเขาก็พอ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนโน้มตัวเข้ามาใกล้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือซ้ายออกไปดันอกเขาไว้หยุดไม่ให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ ก่อนจะชูนิ้วสองนิ้วขึ้นแล้วพูดออกไปว่า “สองทางเลือก หนึ่งเจ้าทำสำเร็จ แต่หลังจากนั้นรีบไสหัวกลับจวนอ๋องไปเสีย สองนั่งลงอย่างเชื่อฟัง เป็นเด็กดีแล้วกลับจวนไปพร้อมกับข้า”

 

 

แน่นอนข้าย่อมเลือกทางเลือกที่สองอยู่แล้ว หวงฝู่อี้เซวียนร่นถอยกลับไปจากนั้นก็นั่งลงวางมาดเคร่งขรึม

 

 

ตลอดเส้นทางจนกระทั่งกลับถึงบ้านไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

 

 

หวงฝู่อี้คุ้นที่คุ้นทางเป็นอย่างดี เดินตรงไปยังห้องยามที่ประตูใหญ่ด้วยรอยยิ้มคิกคักเต็มใบหน้า

 

 

ทันทีที่คนเฝ้าประตูเห็นว่าหวงฝู่อี้เซวียนตามเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาด้วย ก็รู้ได้โดยพลันว่าอะไรเป็นอะไร หลังจากเขาปิดประตูลงโดยไร้ซุ่มเสียง ก็เดินกลับห้องพักของตนเองไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้หวงฝู่อี้หลับอยู่ในห้องยามที่ประตูใหญ่เพียงลำพัง

 

 

กัวเฟยพอนำรถม้าเข้ามาจอดในจวนเสร็จ เขาก็รีบไปรายงานให้กับเมิ่งฉีทราบทันทีว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาแล้ว นางเหนื่อยล้าเล็กน้อยและกลับไปพักผ่อนที่เรือนของตนเองแล้ว

 

 

เมิ่งฉีไม่คิดอะไรมาก เพียงขานรับลงไปคำหนึ่งจากนั้นก็เป่าตะเกียงให้ดับลงแล้วกลับเข้าไปพักผ่อน

 

 

ชิงหลวนกับจูหลียกน้ำเข้ามา หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวพอทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยก็เตรียมตัวเข้านอน

 

 

อดทนรอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ได้โอบหญิงงามไว้ในอ้อมแขน แน่นอนว่าหวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ซื่อสัตย์ว่าง่ายถึงเพียงนั้น อาศัยจังหวะที่กกกอดร่างบางรังแกเมิ่งเชี่ยนโยวไปหลายคำรบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเชื่อว่าเขารู้ขอบเขตดีจึงได้ปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ห้ามเขา ร่างนวลผ่อนคลายลงมาก ยอมให้เขาลูบไล้จุมพิตตามอำเภอใจ

 

 

ท้ายที่สุดก็เป็นตัวหวงฝู่อี้เซวียนเองที่แทบจะควบคุมความต้องการของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เขาปล่อยตัวเมิ่งเชี่ยนโยวออกเร็วราวกับต้องของร้อน ตะแคงข้างปรับลมหายใจที่หนักหน่วงนั้นให้สงบลงก่อนจะสาบานกับตัวเองว่า “ข้าจะรีบแต่งนางเข้าจวนให้เร็วที่สุด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็สูดหายใจเข้าลึก ปรับลมหายใจของตนเอง หลังจากสงบลงแล้วจึงพูดออกไปว่า “ยามนี้จวนราชเลขายังคงนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ยินดียกเลิกการหมั้นหมายระหว่างพวกเจ้า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนแค่นเสียงหึไปคำหนึ่ง “ข้าจะให้เวลาพวกเขาอีกสองสามวันเท่านั้น หากว่าพวกเขายังไม่รู้ดีชั่ว ข้าไม่รังเกียจหากต้องขุดความผิดของหลินจ้งออกมาประจาน สั่งสอนพวกเขาให้รู้บทเรียนสักหน่อย”

 

 

“อย่าได้หุนหันพลันแล่นไป คู่อาฆาตพึงละมิพึงผูก ศัตรูลดน้อยลงไปหนึ่งก็คือหนึ่ง แค่จวนเสนาบดีแห่งเดียวก็จัดการยากแล้ว หากยังต้องรับมือกับจวนราชเลขาอีกนี่ออกจะตึงมือมากเกินไปหน่อย”

 

 

“ข้ารู้” หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ข้าคิดวิธีแก้ปัญหาไว้แล้ว รอเพียงท่านลุงกลับมา ถึงตอนนั้นหากพวกเขายังรั้นรั้งข้าไว้ไม่ยอมปล่อยอีก ก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ถามเขาว่าวิธีการนั้นคืออะไร

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพลิกตัวกลับมากอดนางไว้อีกครั้ง ผ้าห่มผืนบางถูกดึงขึ้นคลุมตัวคนทั้งคู่ “นี่ก็ดึกมากแล้ว นอนเถิด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยถามขณะที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา “เมื่อเช้านี้ท่านออกไปยามไหนกัน เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกตัวสักนิด”

 

 

“กลัวว่าพี่รองของเจ้าจะมาพบเข้า ย่ำรุ่งข้าก็ออกไปแล้ว พรุ่งนี้ก็คงเป็นในเวลาเดียวกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจข้า แค่นอนพักผ่อนอย่างสบายใจก็พอ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ปิดตาลงแล้วล่วงสู่นิทราไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างพึงพอใจนัก ปิดตาตามนางไปอีกคน

 

 

ความคิดนั้นมักจะสวยงามเสมอ สวนทางกับความเป็นจริงที่ช่างโหดร้ายทารุณ หวงฝู่อี้เซวียนไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าในเช้าตรู่ของวันที่สอง ขณะที่กำลังย่องออกไปจากเรือนพักของเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบา จะไปจ๊ะเอ๋เข้ากับเมิ่งฉีที่ตื่นแต่รุ่งสางเนื่องจากว่าขบวนรถม้ากำลังจะกลับมาในเช้าวันนี้พอดี

 

 

ดวงตาทั้งสี่สบประสาน หวงฝู่อี้เซวียนยกมือขึ้นลูบจมูกแก้เก้อ ท่าทีเหมือนคนมีชนักติดหลังเด่นชัด ก่อนจะตะโกนออกไปอย่างใจฝ่อว่า “พี่รอง”

 

 

เมิ่งฉีจ้องเขา ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

 

 

เมิ่งฉียังไม่พูดไม่จาตามเดิม แต่แววตาของเขากลับเปลี่ยนไปเป็นเ**้ยมเกรียมดุดันขึ้น

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกระวีกระวาดแก้ตัว “พี่รอง พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยนะขอรับ ก็แค่เมื่อคืนนี้กลับมาดึกเกินไปหน่อย ไม่มีทางเลือกจริงๆ จึงได้แต่ค้างแรมอยู่ที่ห้องของโยวเอ๋อร์”

 

 

เสียงบดฟันกรอดของเมิ่งฉีดังขึ้น

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก้าวถอยหลังไปอีกสองสามก้าวอย่างหวาดผวา ร่นไปจนถึงในลานบ้าน “พี่รอง พี่อย่าเพิ่งโกรธไป ฟังข้า…”

 

 

ทันใดนั้นเองเมิ่งฉีก็เข้าไปประชิดตัวของหวงฝู่อี้เซวียน ไม่สนว่ากระบวนท่าไหนเป็นกระบวนท่าไหนแล้ว ศีรษะของหวงฝู่อี้เซวียนดิ่งลงพสุธาทันทีตามแรงตบของเขา “ข้าเตือนเจ้าแล้วใช่ไหมว่าก่อนที่พวกเจ้าจะแต่งงานกันห้ามทำเรื่องข้ามเส้นเป็นอันขาด แต่เจ้าก็ยังกล้าละเมิดข้อตกลงนี้ ทำตัวหยินรับหยางฝืน* แอบย่องเข้าห้องโยวเอ๋อร์ลับหลังข้า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่กล้าสวนกลับ ได้แต่ปล่อยให้เมิ่งฉีทุบตีซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้ง

 

 

ทันทีที่หวงฝู่อี้เซวียนออกจากห้องมา ชิงหลวนกับจูหลีที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็รีบแต่งตัวแล้วตามออกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขายืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องของเมิ่งเชี่ยนโยว ครั้นพอได้เห็นฉากที่เมิ่งฉีกำลังทุบตีหวงฝู่อี้เซวียนอย่างโกรธเคือง พวกเขาก็ตกใจมากจนดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่กำลังหลับอยู่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากด้านนอกด้วยเช่นกัน ร่างบางพรวดพราดลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนจะตะโกนถามออกไปว่า “ชิงหลวน เกิดอะไรขึ้น”

 

 

ชิงหลวนที่แต่ไหนแต่ไรมาพูดจาลื่นไหลชัดแจ้งมาโดยตลอดไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเป็นครั้งแรก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสวมเสื้อคลุมทับลงไปโดยตรง กระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งออกไปข้างนอกทันที ไม่แม้แต่จะได้ใส่รองเท้าด้วยซ้ำ

 

 

และพอนางได้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า นางก็ให้อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก

 

 

เมิ่งฉีลงมือหนักมากจริงๆ หวงฝู่อี้เซวียนหลังจากถูกทุบตีได้ไม่กี่ครั้งก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เริ่มหลบหลีกขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

เมิ่งฉียิ่งมาก็ยิ่งโกรธขึ้ง การเคลื่อนไหวจึงเร็วขึ้นตาม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวในชุดเสื้อคลุมตัวบางปรี่เข้าไปห้ามทั้งคู่ด้วยความลนลาน “พี่รอง…”

 

 

“กลับไปแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกมาใหม่” เมิ่งฉีหยุดมือแล้วพูดออกไปอย่างโกรธๆ

 

 

ตั้งแต่เด็กเมิ่งฉีไม่เคยพูดกับนางแบบนี้เลยสักครั้ง ดูท่าวันนี้เขาคงจะโกรธมากจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กล้าหือด้วย ยิ่งไม่กล้าช่วยพูดแทนหวงฝู่อี้เซวียนอีกแล้ว เพียงปรายตามองเขาไปอย่างเห็นใจครั้งหนึ่ง ก่อนจะรีบแจ้นกลับไปที่ห้องอย่างเชื่อฟัง

 

 

ชิงหลวนกับจูหลีตามนางเข้าไปในห้อง คิดจะปรนนิบัตินางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คุ้นชินกับอะไรแบบนี้ จึงได้โบกมือให้ทั้งสองคนแล้วปฏิเสธไป

 

 

ขณะที่ชิงหลวนต้องการจะออกไปยกน้ำมาให้นางล้างหน้า ครั้นหวนคิดถึงสถานการณ์ภายนอกตอนนี้ พลันก็ให้ชะงักแล้วตัดใจทิ้งอย่างไม่ดี

 

 

ภายในลานบ้าน เสียงร้องโอดโอยโหยหวนของหวงฝู่อี้เซวียนดังเข้ามาให้ได้ยินไม่หยุด เมิ่งเชี่ยนโยวรีบแต่งตัวแล้วเปิดม่านวิ่งออกไปข้างนอกอีกครั้ง พลางอธิบายออกไปด้วยเสียงสูงว่า “พี่รอง พวกเราไม่ได้ทำอะไรเกินขอบเขตจริงๆ นะเจ้าคะ เขาก็แค่พักอยู่ในห้องข้าคืนหนึ่งก็เท่านั้นเอง”

 

 

หลังจากวิ่งไล่หวดหวงฝู่อี้เซวียนไปได้สักพัก เมิ่งฉีก็เริ่มจะหมดแรงลงบ้างแล้ว ลมหายใจของเขาหอบแฮก ประกอบกับเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของเมิ่งเชี่ยนโยวอธิบายมาให้ได้ฟัง จึงหยุดมือลงแล้วดุออกไปว่า “ยังจะช่วยเขาแก้ตัวอีก เจ้ากลับเข้าไปส่องกระจกในห้อง ดูเสียว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย่อมไม่รู้เป็นธรรมดาว่าเกิดอะไรขึ้นและเมิ่งฉีหมายถึงอะไร สายตาที่มองไปทางหวงฝู่อี้เซวียนจึงดูแปลกพิกล

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหลบสายตา เริ่มร้อนตัวขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกแปลกเล็กน้อย จึงเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วส่องกระจกจริงๆ แต่พอได้เห็นริ้วแดงเป็นจ้ำที่บริเวณซอกคอ ฉับพลันความโกรธก็พลันปะทุ กระจกบานนั้นถูกเขวี้ยงทิ้งไปอย่างไม่ไยดี เท้าเล็กสาวพรวดพุ่งออกนอกประตูไปด้วยความเร็วดุจจรวด น้ำเสียงซึ่งเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธดังขึ้น “พี่รอง ท่านตีเขาให้หนักเลย เขาทิ้งร่องรอยไว้บนตัวข้าจริงๆ”

 

 

เมิ่งฉีผ่านการแต่งงานมาแล้ว ได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็พาให้เข้าใจผิดไปยกใหญ่ ความโกรธในใจพุ่งขึ้นอีกครั้งชนิดที่ยั้งไว้ไม่อยู่อีกต่อไป สายตาคมกริบตวัดมองไปรอบๆ ก่อนจะไปตกบริเวณหนึ่งของลานบ้านที่มีท่อนไม้อันหนึ่งนอนนิ่งอยู่ เขาเดินขึ้นไปหยิบท่อนไม้อันนั้นขึ้นมา จากนั้นก็ฟาดมันลงไปบนตัวหวงฝู่อี้เซวียนอย่างแรง

 

 

ไม่เพียงแค่หวงฝู่อี้เซวียนเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถึงกับผงะไปพูดอะไรไม่ออก รีบถามหวงฝู่อี้เซวียนออกไปอย่างเป็นกังวลว่า “เจ้ามันโง่จริง ไยไม่หลบเล่า จะให้พี่รองตีเจ้าจริงๆ หรือ ขืนเป็นเช่นนั้นกว่าเจ้าจะลุกขึ้นมาได้คงผ่านไปครึ่งเดือนเลยกระมัง”

 

 

—————————-

 

 

* หยินรับหยางฝืน(阴奉阳违)หมายถึง ต่อหน้าก็ทำเป็นปฏิบัติตาม แต่ลับหลังกลับฝ่าฝืน