กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 999
ปัง……
ฮวาอิ่งจัดการปัดทำลายชุดมังกรที่แปดเปื้อน
โกรธ
ความโกรธระดับบ้าคลั่ง
บรรยากาศโดยรอบลดลงถึงจุดเยือกแข็งในทันที และชั้นพลังอำมหิตของการสังหารก็พลุ่งพล่านออกมา
ทุกคนและรวมถึงเหล่าอสูรร้ายต่างตัวสั่น
พลังสังหารที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
พวกเขารู้สึกได้ว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่มทลายลงมา
เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานตะโกนออกมาพร้อมกัน “ระวัง หนีไปเร็วเข้า”
“ตู้ม……”
พลังฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับบรรยากาศที่กัดกร่อนได้เคลื่อนไปทางกู้ชูหน่วนอย่างเกรี้ยวกราด
รัศมีของพลังฝ่ามือนั้นกว้างไกล แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะใช้วิชาตัวเบาเพื่อหลบหนีหนีไปไม่ทัน
เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานหยิบขลุ่ยหยกและฉินหิมะออกมาพร้อมกันโดยบังเอิญ
ฉินและขลุ่ยร่วมมือกัน ทำให้เกิดพลังทำลายล้างอย่างน่าสะพรึง และพลังฝ่ามือก็ถูกต้านทานด้วยเสียงบรรเลงที่ดังออกมา
“อั่ก……”
ผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างกลายเป็นชิ้นเนื้อที่ไหม้เกรียม
ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำและกลิ่นอายแห่งการฆาตกรรมก็แผ่ออกมา
เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานคิดว่ากู้ชูหน่วนจะหนีไป ทว่ากู้ชูหน่วนไม่เพียงไม่วิ่งหนีไป แต่กลับเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏออกมา
ในใจของพวกเขาลุ้นระทึกอย่างมาก และรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มักมีแผนการลับมือได้เสมอ
ควับ…..
ทั้งสองต่างเก็บขลุ่ยและฉินและไปอยู่ข้างกายของกู้ชูหน่วน จากนั้นนำตัวกู้ชูหน่วนวิ่งออกไป
เมื่อไม่มีการควบคุมของขลุ่ยและฉิน พลังฝ่ามือก็รุนแรงมากขึ้น และต่อให้พวกเขาวิ่งเร็วมากแค่ไหน พวกเขาทั้งเขาก็ต้องตายลงอย่างน่าอนาถในเงื้อมมือนี้
พื้นดินปรากฏเป็นรอยลึกขนาดใหญ่
ไม่นานก็มีเสียงดังกึกก้องขึ้นมา
พลังนั้นไม่ด้อยไปกว่าฮวาอิ่งเลย
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องและกลุ่มควันหนาทึบก็พวยพุ่ง ทำให้หายใจไม่ออกจนผู้คนอดไม่ได้ที่จะปิดปากและจมูก
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋คิดไม่ถึงว่าอาวุธลับนี้จะมีอานุภาพร้ายกาจขนาดนี้
วรยุทธ์ระดับเจ็ดยังถูกจัดการถึงขนาดนี้
นี่คืออาวุธไฟที่นางพัฒนาขึ้นมาล่าสุด ซึ่งเทียบได้กับระเบิด นางใช้ในปริมาณมหาศาล ว่ากันว่าเพียงแค่ใส่เข้าไปไม่ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ล้วนถูกแผดเผาทั้งสิ้น
ทว่านางกับไม่ตายและแทบไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ
ช่างน่าหวาดกลัวอย่างมาก
“เจ้าสมควรตาย”
ฮวาอิ่งทำหน้าเกรี้ยวกราดและเบิกตากว้าง จากนั้นลานพิธีก็เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวและลมพายุที่พัดกระหน่ำ
บรรยากาศเปลี่ยนไปทำให้รู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดกำลังจะถูกพรากชีวิตไป
โดยเฉพาะดอกไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว
“มหาเวทปีศาจชั่วร้าย มันคือมหาเวทชั่วร้าย”
ผู้ที่มีความสามารถด้านการต่อสู้ต่างขัดขวางสกัดกั้นแรงกัดกร่อนของมหาเวทชั่วร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้วรยุทธ์ในร่างกายถูกดูดไป
ส่วนผู้ไม่มีศิลปะการต่อสู้ต่างมีเลือดไหลออกมาและตายลงในที่สุด และเหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น
กู้ชูหน่วน เยี่ยจิ่งหาน เหวินเส่าอี๋ต่างอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของมหาเวทมากที่สุด เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของนางคือพวกเขาสามคน
สิ่งมีชีวิตต่างถูกลิดรอนชีวิตไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองใช้ขลุ่ยและฉินเข้ามาต้านทานสกัดกั้น เพื่อหวังจะทำลายมหาเวทชั่วร้ายของนาง
ทว่ามหาเวทยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออก
ทั้งสองจำเป็นต้องให้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อพยายามสกัดกั้น
สองคนที่มีวรยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุดและอีกหนึ่งคนที่มีวรยุทธ์ระดับห้าขั้นสูงสุดต่อสู้กับผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นกลาง ทว่ากลับเสียเปรียบอย่างรุนแรง
หากไม่ได้สัมผัสและเห็นได้ด้วยตาตัวเอง พวกเขาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน
กู้ชูหน่วนจิตใจแน่วแน่และสงบ จากนั้นใช้ขลุ่ยหยกวาดอะไรบางอย่างที่พื้น ไม่นานบริเวณที่นางวาดก็เปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิต จากนั้นอสูรร้ายในตำนานต่างเงยหน้าคำรามและพุ่งตรงเข้าไปหาฮวาอิ่ง
โห่ว……
ทั้งเมืองหลวงกึกก้องไปด้วยเสียงคำรามของอสูรร้าย จากนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีอีกครั้ง
วินาทีนี้ แม้แต่รองหัวหน้าเผ่า เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานก็ต่างสั่นสะเทือนไปด้วยเช่นกัน
เป็นพลังที่แข็งแกร่งและร้ายกาจอย่างมาก
นางทำได้อย่างไรกัน?
ฮวาอิ่งถอนหายใจ “ทักษะกลายร่างอสูรร้าย เจ้ารู้ทักษะนี้ได้อย่างไร”
นี่คือทักษะความสามารถเฉพาะของเผ่าหยกที่ไม่เคยเปิดเผยสู่ภายนอกมาก่อน และมีเพียงหัวหน้าเผ่าคนเดียวเท่านั้นที่มีทักษะนี้
แต่ที่ไม่เผยแพร่สู่ภายนอกก็เพราะหากอสูรร้ายตายลง พวกเขาก็จะต้องตายตามไปด้วย เท่ากับว่าได้หลอมรวมร่างไปพร้อมกับอสูรร้ายให้กลายเป็นหนึ่ง
หรือว่าความทรงจำของนางจะกลับมาแล้ว?
เป็นไปไม่ได้
ยังรวบรวมดวงวิญญาณไม่ครบ นางไม่มีทางจำอะไรได้
ฮวาอิ่งยกมือขวาขึ้นมาและรวบรวมกำลังภายในเพื่อก่อตัวโครงกระดูกออกมาต่อสู้
อสูรร้ายในตำนานมีทั้งหมดสี่ตัว แต่ละตัวล้วนมีความเกรี้ยวกราดและเหี้ยมโหด และแต่ละการจู่โจมก็สามารถทำให้เกิดเลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ
หลังจากเสียงคำรามของอสูรร้ายในตำนาน อสูรร้ายที่อยู่ข้างล่างต่างพากันขาอ่อน จนแทบยืนไม่ไหว
กระทิงเก้าเขาคุกเข่าลงด้วยความดีใจและตกใจ
“แม่นางเก่งกาจอย่างมาก แม้แต่อสูรร้ายในตำนานก็สามารถเรียกมาได้ ไม่ผิดเลยที่เป็นแม่นางของข้า”
“ปัดโธ่ ลูกพี่ หัวใจของข้าเต้นแรงมากจนแทบจะกระเด็นออกมาแล้ว ข้ากลัวเหลือเกิน ตัวข้าสั่นไปหมดแล้ว”
“สั่นอะไรกัน อสูรร้ายในตำนานที่แม่นางเรียกมาจะกล้ากินพวกเราเข้าไปงั้นหรือ”
“นี่คือความโหดเหี้ยมของสายพันธุ์ เจ้าไม่เข้าใจหรือ”
บรรดาอสูรร้ายต่างพากันตัวสั่นและหดตัวลงมากองกัน โดยไม่กล้าเงยหน้ามองการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
กระทิงเก้าเขาก็หวาดกลัวเช่นกัน
มันเพียงแค่ฝืนทนเท่านั้น
ตอนนั้นที่เห็นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าเสือน้อยยังไม่ตกใจขนาดนี้เลย
ถูกแล้วที่เขาคอยติดตามแม่นาง
โครงกระดูกไม่สามารถทำอะไรอสูรร้ายในตำนานทั้งสี่ได้ ทำให้พวกมันถูกกัดกระจัดกระจาย
ฮวาอิ่งใช้มือขวาดูด ทำให้โครงกระดูกที่อยู่บนพื้นถูกนางดูดจนกระเด็นลอยขึ้นมา และกลายร่างเป็นโครงกระดูกทั้งสี่ที่มีขนาดมหึมา
ตู้มๆๆ……
ทุกครั้งที่มีการปะทะกัน ลานพิธีทั้งหมดดูเหมือนจะหายไปในฝุ่น ซึ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัวอย่างมาก
เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานใช้โอกาสนี้เข้าโจมตี
คนหนึ่งขลุ่ยกลายเป็นมังกรไฟ ทะยานขึ้นและโฉบลง ตั้งใจที่จะกลืนฮวาอิ่งเข้าไปในท้องของมัน
คนหนึ่งดีดฉินกลายเป็นหงส์น้ำแข็ง หงส์คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า และบินโฉบลงมา พร้อมกับตั้งใจที่จะกลืนฮวาอิ่งเข้าไปในท้องของมัน
เป็นการจู่โจมพร้อมกันสามขั้น
ฮวาอิ่งโกรธแค้นอย่างมาก
ทว่ากลับถูกพวกเขาควบคุมอย่างหนักหน่วง
กู้ชูหน่วนตะโกนออกมา “เซี่ยวอวี่เซวียนอยู่ที่ไหน?”
“เซี่ยวอวี่เซวียน ฮ่าๆ ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาตายไปตั้งนานแล้ว เขาถูกข้าทรมานจนตายทั้งเป็น”
“เป็นไปไม่ได้ เซี่ยวอวี่เซวียนยังไม่ตาย”
“ต่อให้พวกเจ้าสามคนร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เซี่ยวอวี่เซวียนจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร”
“ปล่อยตัวเซี่ยวอวี่เซวียนมาเดี๋ยวนี้”
“ได้ เจ้าไปหาเขาในนรกสิ”
เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเยือกเย็น “ดวงวิญญาณของอาหน่วนล่ะ เจ้านำนางไปหลบซ่อนที่ใด”
“เจ้าอยากรู้? ฮ่าๆ บอกเจ้าก็ได้ ข้ารังเกียจผู้หญิงคนนั้น รังเกียจมาก ฉะนั้นข้าได้ทำลายดวงวิญญาณของนางไปแล้ว”
“เจ้าคิดว่าข้าเชื่ออย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าจะไม่เชื่อก็ได้ ข้าไม่ได้บังคับเข้า เยี่ยจิ่งหาน ข้าจะบอกอะไรเจ้า ความผิดของเจ้าในชีวิตนี้ก็คือการได้แต่งงานกับนาง”
“ข้าแต่งงานกับนางมันไปเกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าเป็นใคร”
“ข้าเป็นใคร ฮ่าๆ ข้าเป็นใคร ข้าไม่ได้เป็นคนของเจ้าแน่นอน ฮ่าๆๆ……”
กู้ชูหน่วนด่าทอออกมา “ประสาท”
เหวินเส่าอี๋ร้องตะโกนเสียงดัง “ระวัง”
“ตุ่บ…..”
ฮวาอิ่งกระตุ้นกำลังภายใน จากนั้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ทำให้อสูรร้ายในตำนานทั้งสี่สั่นคลอนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย และในที่สุดก็เปลี่ยนความว่างเปล่า
กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา และจากนั้นก็ทรุดตัวล้มลง
“วรยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด……นางมีวรยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด”