กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1000
มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนยังไม่ทันหายตกใจจากวรยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด เหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือดออกมา
รองหัวหน้าเผ่ารู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
วรยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด?
เช่นนั้นก็จะเข้าขั้นมนุษย์แล้วไม่ใช่หรือ?
หากวันนี้นางไม่ถูกกำจัด วันข้างหน้าใครจะกำจัดนางได้?
เมื่อเห็นหัวหน้าเผ่าของตัวเองหน้าซีดเผือดและเอามือขวาค้ำยันกับพื้น โดยไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อยู่นาน
รถเข็นของเยี่ยจิ่งหานก็กระเด็นออกไป
กู้ชูหน่วนกลับไม่สามารถขยับได้และลมหายใจอ่อนแรง
รองหัวหน้าเผ่ากัดฟันกรอด
เขาฝืนพยายามเพิ่มระดับวรยุทธ์เพื่อให้ปะทุเป็นพลังมหาศาลออกมา และโจมตีฮวาอิ่งอย่างซึ่งหน้าตายเป็นตาย
เหวินเส่าอี๋รีบร้องอุทาน “รองหัวหน้า ถอยไป”
“หัวหน้าเผ่ารีบหนีไป เผ่าเพลิงฟ้าต้องการเจ้า”
“ปัง ปัง ปัง…..”
รองหัวหน้าเผ่าระดมเพลิงฟ้าร้องเพื่อโจมตีฮวาอิ่ง และในขณะเดียวกันก็ใช้พลังของตัวเองเพื่อก่อร่างเกราะแสงขึ้นมาปกคลุมฮวาอิ่งด้วยคิดอยากกำจัดนางให้เร็วที่สุด
เหวินเส่าอี๋กัดฟันลุกขึ้นมา ทว่ากลับเป็นการใช้แรงมากเกินไปและทำให้กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
เขาพยายามควบคุมกำลังที่ไม่คงที่ของตัวเอง และจากนั้นก็หยิบขลุ่ยหยกออกมาบรรเลง
เสียงขลุ่ยหยกดังขึ้นและทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป และน้ำใสๆ ก็กลายเป็นกรวยน้ำแข็งที่พุ่งโจมตีไปที่ฮวาอิ่ง
ฮวาอิ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้กรวยน้ำแข็งทำอะไรนางไม่ได้
เพราะรองหัวหน้าเผ่าอยู่ไม่ไกลจากนาง ทำให้ถูกนางจัดการได้อย่างง่ายดาย
นางลงมือใช้ฝ่ามือจัดการรองหัวหน้าเผ่าครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่ารองหัวหน้าเผ่ากลับไม่ยอมไปไหนและคิดพยายามยื้อเวลาให้กับเหวินเส่าอี๋
เหวินเส่าอี๋จะไปไหนได้อย่างไร
เขารู้ดีเหลือเกิน
ว่าการที่พวกเขาต้องมารวมตัวกันที่นี่นั้น หากไม่สามารถกำจัดนางไปได้ และหากคิดจะรวบตัวกันอีกครั้งคงทำได้ยาก
เหวินเส่าอี๋เผยประกายความโหดเหี้ยมในแววตา
จากนั้นเสียงขลุ่ยหยกก็เร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องและอุณหภูมิในอากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง
เกล็ดหิมะตกลงมาราวกับกลุ่มนางฟ้ากำลังเต้นระบำ
ผู้คนต่างหนาวเหน็บจนตัวสั่น
อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้บริเวณลานพิธีกลายเป็นน้ำแข็ง
น้ำแข็งรวมตัวเป็นอาวุธร้ายแรงหลากหลายชนิดและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อไล่ตามและต่อสู้รอบๆ ฮวาอิ่ง
รองหัวหน้าเผ่าร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างมาก
เขาต้องใช้พลังภายในอย่างมากในการเปลี่ยนสภาพอากาศจากร้อนเป็นเย็นด้วยพลังของตัวเอง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้หัวหน้าเผ่าของเขาไม่ตาย อย่างน้อยวรยุทธ์ของเขาจะต้องหายไปอย่างแน่นอน
เยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกได้
ทว่ากู้ชูหน่วนกลับล้มลงไม่ไกลจากเขาและลมหายใจก็อ่อนแรง
เขาทำได้เพียงพยายามคลานไปข้างกู้ชูหน่วนและใช้กำลังภายในของตัวเองเพื่อรักษาการเต้นของหัวใจนางไว้
“มู่หน่วน เจ้าจะตายไม่ได้ ข้าไม่ให้เจ้าตาย เจ้าจะตายไม่ได้รู้หรือไม่”
“ฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาเร็วเข้า เจ้ายังต้องการล้างแค้นให้กับตระกูลมู่ไม่ใช่หรือ เจ้ายังจะตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนไม่ใช่หรือ หากเจ้าตายลงใครจะช่วยแก้แค้นแทนเจ้า ใครจะคอยช่วยเจ้าตามหาเซี่ยวอวี่เซวียน”
เยี่ยนจิ่งหานแทนอยากจะโอนถ่ายกำลังของเขาให้นางทั้งหมด
เขารู้สึกประหม่าและตื่นตระหนกอย่างมาก
กลัวว่ากู้ชูหน่วนจะตายลงที่นี่
เหตุใดเขาถึงรู้สึกเสียใจมากเช่นนี้
เพราะเหตุใดกัน
กระทิงเก้าเขาและเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รีบเข้ามาและต่างพากันโอนถ่ายกำลังของตัวเองให้กู้ชูหน่วนอย่างต่อเนื่อง
“แม่นางจะตายไม่ได้ หากท่านตายไปใครจะคอยดูแลพวกข้า”
“ฮือๆ……ฟื้นขึ้นมาเถอะ เหล่าอสูรร้ายต่างก็ต้องการท่าน”
ปวด
ปวดศีรษะเหลือเกิน
ร่างกายของนางก็รู้สึกเจ็บปวด เจ็บราวกับถูกรถม้าเหยียบย่ำ
ใครกำลังพูดอะไรอยู่ข้างๆ หูนาง?
กู้ชูหน่วนคิดจะลืมตาขึ้นมา ทว่ากลับไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
“ปัง…..”
“ตุ่บ……”
รองหัวหน้าเผ่าล้มลงอย่างอ่อนล้า
เยี่ยจิ่งหานเงยหน้ามองและเห็นว่าเหวินเส่าอี๋กำลังพยายามรวบรวมกำลังภายในด้วยทักษะผนึกน้ำแข็ง การแข็งตัวของน้ำแข็งรวดเร็วมากและพุ่งโจมตีไปที่ฮวาอิ่งอย่างบ้าคลั่ง
เพื่อคิดจะผนึกฮวาอิ่งให้ได้
น้ำแข็งสีขาวบริสุทธิ์มีเลือดไหลออกมา
นั่นคือเลือดแห่งความพยายามของเหวินเส่าอี๋
หากเขาใช้แรงจนหมด เหวินเส่าอี๋จะต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนพ้นขีดอันตรายแล้ว เยี่ยจิ่งหานก็ถือขลุ่ยไว้ในอ้อมแขนของเขา กระแทกฝ่ามือขวาลงบนพื้น ลอยขึ้นไปในอากาศ และนั่งอย่างมั่นคงบนรถเข็นของเขา
เสียงขลุ่ยอันไพเราะได้กลายเป็นมังกรไฟสีทองสองตัว
มังกรไฟสีทองทะยานขึ้นสู้ท้องฟ้า พัวพันกันและทะยานผ่านเมฆและขี่หมอกด้วยความผ่าเผยและยิ่งใหญ่
“โฮ่ว…..”
หลังจากเสียงคำราม เปลวไฟสีแดงทองสองกลุ่มพ่นออกมาจากปากของมังกรไฟและโจมตีไปยังฮวาอิ่ง
อยู่ไกลออกไปมากก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของมังกรไฟสองตัวนี้ได้
ผู้คนต่างกังวลใจเพราะเหวินเส่าอี๋ใช้ทักษะผนึกน้ำแข็งเพื่อคิดจะทำให้ฮวาอิ่งถูกผนึก
ทว่าตอนนี้เยี่ยจิ่งหานกลับใช้การโจมตีด้วยไฟ จะกลายเป็นการช่วยเหลือฮวาอิ่งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงกลับพลิกความรู้ความเข้าใจของพวกเขา หนึ่งเย็นและหนึ่งร้อน ซ้ายและขวาจู่โจมพร้อมกัน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเสียเปรียบเท่านั้น ทว่าฮวาอิ่งกลับกระอักเลือดออกมา
“ชนะแล้ว ชนะแล้ว เราชนะแล้ว”
ไม่รู้ว่าใครร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจท่ามกลางกลุ่มผู้คนที่เฝ้าดูอยู่
ไม่นานก็มีคนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่น “ยัง….ไม่ชนะ ไม่ง่ายเช่นนั้น เจ้าอย่าเพิ่งรีบพูดไป”
มังกรไฟถูกควบแน่นจากพลังงานดั้งเดิมของเยี่ยจิ่งหาน ซึ่งเป็นตัวแทนของทักษะทั้งหมดของเยี่ยจิ่งหานและแม้แต่ชีวิตของเขา
เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ที่ที่มันพ่นออกมากลับมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านทั้งหมด
แม้แต่เหล็กก็ละลายได้ในทันที
เสมือนว่าลิ้นมังกรไฟจะมีดวงตายังไงยังงั้นที่สามารถไล่ตามเพื่อโจมตีฮวาอิ่ง
เมื่อมีเยี่ยจิ่งหานเข้ามาร่วมด้วย ทำให้เหวินเส่าอี๋ฝืนความเจ็บปวดและเพิ่มระดับพลังขึ้นสูงสุด โดยไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลยสักนิด และหวังเพียงว่ามังกรไฟจะสามารถกำจัดฮวาอิ่งไปได้
ทั้งสองต่างทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อจัดการลงมือ
ฮวาอิ่งถูกมังกรไฟโจมตีได้โดยบังเอิญ
ทำให้ร่างกายของนางก็แผดเผาเป็นรูเลือดและมีเลือดไหลออกมา นางเจ็บปวดจนขมวดคิ้ว
“ก่อตัวขึ้นจากเลือดที่ควบแน่นของแหล่งพลังดั้งเดิมอีกแล้วหรือ เจ้าอยากจะฆ่าข้าขนาดนั้นเลยหรือ?”
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะอย่างเย้ยหยัน และเลียนแบบน้ำเสียงของกู้ชูหน่วน “ไม่ฆ่าเจ้า เหลือไว้ทำหม้อไฟหรืออย่างไร?”
“อวดดีที่สุด เจ้าไม่กลัวถูกฟ้าผ่าหรืออย่างไร”
“เจ้าฆ่าผู้บริสุทธิ์เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว เจ้ายังไม่กลัวฟ้าผ่า เช่นนั้นข้าจะกลัวไปเพื่ออะไร”
เยี่ยจิ่งหานเพิ่มพลังขึ้นอย่างต่อเนื่องและผสานเข้ากับขลุ่ยหยก จากนั้นใช้ขลุ่ยหยกเพื่อควบคุมการโจมตีของมังกรไฟอันเกรี้ยวกราด
เหวินเส่าอี๋ไม่ได้ดูอ่อนล้าเลยสักนิด ทว่ากลับเกรี้ยวกราดมากขึ้น
ความเย็นและความร้อนสลับกันและเป็นการลงมือที่ดุเดือดอย่างมาก อีกทั้งเป็นการร่วมมือกันอย่างดี แม้ว่าฮวาอิ่งจะมีวรยุทธ์ระดับขั้นสูงสุด แต่ก็ถูกพวกเขาจัดการอย่างน่าเวทนา
“ผนึกน้ำแข็งพันลี้…..”
เหวินเส่าอี๋ตะโกนออกมาเสียงดัง จากนั้นเกือบทั้งเมืองหลวงและลานพิธีก็กลับกลายเป็นน้ำแข็ง
ผนึกน้ำแข็งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างครึ่งหนึ่งของฮวาอิ่งถูกผนึกเป็นน้ำแข็ง
นางรวบรวมกระตุ้นกำลังเพื่อคิดจะละลายผนึกน้ำแข็งเหล่านั้น ทว่าทักษะผนึกน้ำแข็งนี้แข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งยังมีอักขระอักษรรูน ทำให้นางไม่สามารถทำสำเร็จได้ในเวลาสั้นๆ
มังกรไฟของเยี่ยจิ่งหานรวมตัวกันเป็นหนึ่งและพ่นไฟออกมา ทำให้ร่างครึ่งหนึ่งของนางถูกเผาทำลาย
ผนึกน้ำแข็งพันลี้และมังกรพ่นไฟหมื่นลี้ถือเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหาน
พวกเขาไม่ค่อยนำมันออกมาใช้
และเมื่อนำออกมาใช้ หลังจากการต่อสู้จบลง พวกเขาจะต้องนอนพักฟื้นอยู่บนตียงเป็นเวลานานและพลังทักษะของพวกเขาก็จะลดลงไปมาก
ทว่าตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงนำออกมาใช้
และยังใช้อย่างต่อเนื่อง
พลังของไฟและน้ำแข็งสะท้านฟ้าไปทั่วทุกบริเวณ
ทำให้ฮวาอิ่งเจ็บปวดอย่างมาก
นางมีวรยุทธ์ถึงระดับเจ็ดขั้นสูงสุด ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้และทำได้เพียงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
มุมปากของเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่องและสีหน้าก็ซีดเผือดอย่างมาก
รองหัวหน้าเผ่าอดทนกับความเจ็บปวดและพยายามระดมสายฟ้าและไฟอีกครั้งเพื่อโจมตีไปที่ฮวาอิ่ง เพื่อหวังว่านางจะถูกฟ้าผ่าตาย
“ตู้ม……”
การโจมตีพร้อมกันสามทาง
ฮวาอิ่งเริ่มเสียเปรียบ
และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้แปลงร่างกลายเป็นราชางูเหลือมหยกเก้าเศียร และเลื้อยคลานมาอย่างรวดเร็วตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ จากนั้นก็กัดไปที่ศีรษะของฮวาอิ่ง
ไม่รู้ว่าวรยุทธ์ของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เพิ่มไปถึงระดับหกตั้งแต่เมื่อไร
และความสามารถของมันก็ไม่ด้อยไปกว่ารองหัวหน้าเผ่าเลย
และที่ที่มันกัดลงไปคือศีรษะ ช่างเป็นอะไรที่ดูถูกเหยียบหยามที่สุด