เล่มที่ 19 เล่มที่ 19 ตอนที่ 542 ข้าจะพาเจ้ากลับไป

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เพียงชั่วพริบตา จงซูอี้และมู่หรงเฟิงก็ไล่ตามมาจนทัน

“จับเป็นสตรีนางนั้น ส่วนคนที่เหลือ… ไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นหรือตาย” มู่หรงเฟิงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เหล่าทหารกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทว่าถูกจงซูอี้ขวางไว้ เขาต้องการลงมือด้วยตนเอง

เมื่อได้เห็นวิชาของจงซูอี้ก่อนหน้านี้ ภายในใจของซูจิ่นซีก็ตระหนักว่า การต่อสู้นองเลือดในวันนี้คงยากที่จะหลีกเลี่ยง และมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจเพลี่ยงพล้ำให้จงซูอี้

เวลานี้ ซูจิ่นซีรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่เดินทางมาเยือนสำนักโอสถ นางประมาทเกินไป ไม่ควรรีบร้อนบุกเข้ามาโดยไม่ทราบรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว

แววตาของจงซูอี้ปรากฏความเคร่งขรึมเย็นชา เขาต้องการลงมือด้วยตนเอง และในไม่ช้า พลังฝ่ามือที่รุนแรงก็เคลื่อนที่เข้ามา

ซูจิ่นซียกดาบในมือขึ้น นางกำลังจะเข้าไปต่อสู้ ทว่าถูกอู๋จุนรั้งไว้ด้านหลัง “แม่นางพิษน้อย มีพี่จุนอยู่ จะให้เจ้าลงมือเองได้อย่างไร”

อู๋จุนพูดพลางยกมือขึ้นและโบกแส้สีแดงรับมือจงซูอี้ อวิ๋นจิ่นเข้าใจโดยปริยาย จึงเข้าไปร่วมมือต่อสู้พร้อมกับอู๋จุน

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น บุรุษผู้นี้กำลังพูดบ้าอันใด สามคนร่วมมือกันต่อสู้ก็นับว่ายากลำบากแล้ว เวลานี้ยังคิดจะแสดงความสามารถอีกหรือ

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่มีเวลามาครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ เพราะมู่หรงเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังพุ่งเข้ามาโจมตีนางแล้ว

ตอนอยู่ที่ตำหนักจื่อเฉิน ซูจิ่นซีได้เห็นพลังภายในของมู่หรงเฟิงแล้ว นางไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ดังนั้นนางจึงไม่กล้าทำสิ่งใดโดยไม่ระมัดระวัง

ซูจิ่นซีรีบกวัดแกว่งดาบป้องกัน

หลังจากการเคลื่อนไหวหลายสิบกระบวนท่าของมู่หรงเฟิง ซูจิ่นซีพยายามรับมือ ทว่าทันใดนั้น มุมปากของมู่หรงเฟิงก็เผยรอยยิ้มเย็นชา

“อวิ๋นคาย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ข้าฝืนใจทำร้ายเจ้าไม่ได้ ดังนั้น ข้าจะใช้พลังเพียงห้าส่วน เจ้ากลับมาหาข้าเสียเถิด ข้ารับรองว่าตราบใดที่มีข้าอยู่ ทั่วทั้งแคว้นหนานหลีจะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกเจ้า”

ใช้พลังเพียงห้าส่วนก็เอาชนะได้แล้วหรือ?

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเครียด

แม้พลังภายในของนางจะไม่เลว ทว่ากระบวนท่ายังดีไม่พอ!

มู่หรงเฟิงใช้พลังเพียงห้าส่วนก็ทำให้นางรับมือได้ยากลำบากถึงเพียงนี้แล้ว หากมู่หรงเฟิงใช้พลังทั้งหมด เขาจะไม่บดขยี้นางให้ตายภายในพริบตาหรือ?

แม้ซูจิ่นซีจะรู้ดีแก่ใจว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่หรงเฟิง ทว่านางไม่มีทางยอมรับความเสียเปรียบนี้แน่นอน

นางยังคงแย้มยิ้มเย็นชา “จริงหรือ? ทว่าพระชายาอย่างข้าก็ใช้พลังไปเพียงห้าส่วนเช่นกัน”

ดูเหมือนมู่หรงเฟิงจะไม่สนใจคำพูดที่จริงใจของซูจิ่นซี แต่กลับนำเอาคำว่า ‘พระชายา’ มาเก็บไว้ในใจ

เขาแย้มยิ้มและพูดว่า “เรียกตนเองว่าพระชายา ที่แท้ในใจของเจ้าก็เต็มใจ เพียงข้ายังไม่ได้แต่งตั้งเจ้าตามขั้นตอนเท่านั้น อวิ๋นคาย อย่าสร้างปัญหาอีกเลย กลับไปกับข้า เจ้าอยากได้สิ่งใด ข้าจะมอบให้เจ้าทุกอย่าง”

ซูจิ่นซีแทบจะสำรอกออกมาด้วยความรังเกียจ

“ถุย! มู่หรงเฟิง เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง ข้าเรียกตนเองว่าพระชายา เพื่อเป็นการเตือนเจ้าว่าข้าคือพระชายาของเยี่ยโยวเหยา ไม่คิดว่าเจ้าจะน่าขยะแขยงเช่นนี้ ยังสามารถพูดจาโอ้อวดตนเองได้อีก”

เมื่อครู่ มู่หรงเฟิงไม่ได้นึกถึงประเด็นนี้ สีหน้าของเขาพลันปรากฏความเคร่งเครียด

เวลานี้ อู๋จุนที่กำลังต่อสู้กับจงซูอี้อยู่ด้านข้างยังหาโอกาสด่ามู่หรงเฟิงได้อีก “เจ้าคนแซ่มู่หรง หากข้าเป็นเจ้า ข้าคงวิ่งเอาหัวชนกำแพงไปแล้ว เจ้าไม่ลองเอาฉี่ของเจ้าราดหัวตนเองดูเล่า อายุปาไปห้าสิบกว่าแล้ว หากบิดาของแม่นางพิษน้อยยังอยู่ เจ้ากับเขาคงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกระมัง? วัวแก่เลิกฝันจะกินหญ้าอ่อนเสียเถิด เจ้ามันหน้าไม่อาย ข้าดูแล้วว่าเจ้ามันหน้าไม่อายจริงๆ ”

อู๋จุนด่ามู่หรงเฟิงได้แสบถึงทรวงยิ่งนัก เขาไม่ไว้หน้ามู่หรงเฟิงแม้แต่น้อย

โดยเหตุผลแล้ว เวลานี้มู่หรงเฟิงควรโมโหจึงจะถูก ทว่าท่าทีขุ่นเคืองของเขากลับลดลงเล็กน้อย ก่อนจะพลิกฝ่ามือเร่งความเร็วพุ่งเข้าโจมตีซูจิ่นซี โดยไม่รู้ว่าเขาเพิ่มพลังภายในไปเท่าไร

ความเร็วเช่นนี้ ซูจิ่นซียากที่จะป้องกันได้ นางกวัดแกว่งดาบในมืออย่างรวดเร็ว ทว่าดาบนั้นกลับค่อยๆ แตกสลายภายใต้มือของมู่หรงเฟิง และแปรสภาพเป็นเหมือนแป้งข้าวเหนียว

มือของเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ไม่มีร่องรอยบาดแผลแม้แต่น้อย

หลังจากนั้น ระหว่างที่ซูจิ่นซีกำลังตกตะลึง มือของมู่หรงเฟิงก็พุ่งเข้ามาบีบลำคอของนาง แววตาพลันเผยความเย็นชา

“บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เจ้ากับจงซีจือมีความสัมพันธ์กันอย่างไร? ”

มู่หรงเฟิงบีบคอซูจิ่นซีจนใบหน้าของนางแดงก่ำในชั่วพริบตา ทั้งยังหายใจติดขัด จนไม่สามารถพูดอันใดได้

“แม่นางพิษน้อย! ”

“พระชายา! ”

อู๋จุนกับอวิ๋นจิ่นหันหน้าไปพร้อมกัน ทั้งสองมุ่งความสนใจไปทางมู่หรงเฟิง โดยลืมไปเสียสนิทว่าตนเองกำลังต่อสู้อยู่กับจงซูอี้ การกระทำนี้เปิดโอกาสให้จงซูอี้ และการหันหลังให้ศัตรูนับเป็นการกระทำที่อันตรายที่สุด

จงซูอี้รวบรวมพลังภายในทั้งหมดพุ่งเข้าโจมตีอู๋จุนกับอวิ๋นจิ่นจากทางด้านหลัง พลังภายในมหาศาลราวกับตาข่ายยักษ์ มันปกคลุมอู๋จุนและอวิ๋นจิ่น จากนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ครืน’

อู๋จุนและอวิ๋นจิ่นเพิ่งหันกลับมา พวกเขายังไม่ทันได้เข้าไปช่วยเหลือซูจิ่นซี ก็ถูกจงซูอี้ทำร้ายไปหนึ่งกระบวนท่าจนล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง

ซูจิ่นซีหลับตาลงอย่างอ่อนแรง พลางสบถอยู่ในใจด้วยความเจ็บปวด ‘เจ้าโง่เอ๊ย! ’

สภาพของอวิ๋นจิ่นพอดูดีอยู่บ้าง แม้เขาจะ ‘เสียสมาธิ’ เหมือนอู๋จุน ทว่าเขายังมีกระบวนท่ารับมือหลงเหลืออยู่ และยังมีพลังภายในที่แข็งแกร่ง เมื่อตกลงบนพื้นจึงกระอักเลือดออกมาเพียงหนึ่งคำ

ทว่าอู๋จุนที่เห็นซูจิ่นซีตกอยู่ในเงื้อมมือของมู่หรงเฟิง กลับสูญเสียพลังในการป้องกัน เขาถอนพลังภายในทั้งหมดออกมาเพื่อตอบโต้ ในใจคิดเพียงจะเข้าไปช่วยเหลือซูจิ่นซี ด้วยเหตุนี้ เขาจะหลงเหลือพลังไว้รับมือกับฝ่ามือของจงซูอี้ที่เต็มไปด้วยไอสังหารได้อย่างไร?

นอกจากนั้น พลังภายในของเขาเพิ่งได้รับการฟื้นฟู จึงอยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคงนัก

ตอนที่ล้มลงบนพื้น อู๋จุนอาเจียนออกมาเป็นเลือดหลายครั้ง ทั้งเลือดยังไหลรินออกจากปากดั่งประตูน้ำที่ถูกเปิดออก

ซูจิ่นซีตกตะลึง ทว่านางถูกมู่หรงเฟิงควบคุมไว้ อย่าว่าแต่ขยับตัวเลย กระทั่งพูดยังยากลำบาก

อวิ๋นจิ่นพลิกตัวลุกขึ้นและรีบวิ่งไปยังข้างกายอู๋จุน เพื่อห้ามเลือดให้เขา

ทว่าเมื่อป้อนเม็ดยาเข้าไปในปากอู๋จุน เขากลับไม่สามารถกลืนลงไปได้ ไม่นานก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

เมื่อใช้ยารักษาไม่สำเร็จ อวิ๋นจิ่นจึงใช้การฝังเข็ม

ซูจิ่นซีไม่เคยเห็นอวิ๋นจิ่นฝังเข็มด้วยวิธีการที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน เข็มเงินหลายสิบเล่มถูกฝังไปที่จุดฝังเข็มสำคัญบนร่างกายของอู๋จุน

ทว่าไม่ได้ผลแม้แต่น้อย

เลือดยังคงไหลออกจากปากอู๋จุน ทั้งยังมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ

ในไม่ช้า รอบตัวอู๋จุนก็เต็มไปด้วยกองเลือด และเลือดที่อยู่รอบตัวเขาก็เกือบจะกลายเป็นลำธารขนาดเล็ก

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อู๋จุนต้องตายเป็นแน่

ทำอย่างไรดี?

ทำอย่างไรดี?

ทำอย่างไรดี?

ซูจิ่นซีถูกมู่หรงเฟิงบีบคอจนแทบจะหายใจไม่ออก ทว่านางไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย นางพยายามทำให้ตนเองมีสติ พยายามทำให้ตนเองสงบ ก่อนจะครุ่นคิดหาวิธีรับมืออย่างรวดเร็ว

ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีเวลาให้นางได้ครุ่นคิดนานนัก

จงซูอี้โน้มตัวลง เขาขยับฝ่ามืออย่างเชื่องช้า และรวบรวมพลังภายในทั้งสิบส่วนอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินไปหาอู๋จุนและอวิ๋นจิ่น

มู่หรงเฟิงเห็นท่าทางกังวลใจของซูจิ่นซีที่มีต่ออู๋จุน จึงยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองมากขึ้น เขาเอื้อมมือมาบีบเอวของซูจิ่นซี และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาชั่วร้ายว่า

“ไม่สำคัญว่าเจ้าจะเป็นซูอวิ๋นคายหรือซูจิ่นซี! ในเมื่อเจ้ามีใบหน้าเช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้ เจ้าก็ถูกกำหนดให้เป็นคนของข้า เป็นเพียงคนของข้าเท่านั้น ข้าจะพาเจ้ากลับไป เจ้ากับข้ายังไม่ได้เข้าหอด้วยกันเลย! ”