บทที่ 328 ถูกก่อกวน
ขณะนี้เหวินลู่หยานเริ่มทำการถ่ายทอดเนื้อหาของคัมภีร์บุปผาสยบมาร ให้กับผู้อาวุโสของสำนักนางคนอื่น ๆ ให้พวกเขาทุกคนเริ่มบ่มเพาะทันที
ในฐานะเจ้าสำนักและเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญ เหวินลู่หยานจึงได้ทดลองฝึกวิชาบุปผาสยบมารก่อนคนอื่น ๆ ในสำนัก แต่หลังจากที่นางได้ทดลองฝึกมันไป นางก็รู้สึกว่าความเร็วของนางในการบรรลุวิชาบุปผาสยบมารของนางนั้นค่อนข้างเชื่องช้า ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสระดับสวรรค์สามัญทั้ง 2 คนของสำนักนางเช่นกัน
แต่ในทางกลับกัน ปัญหาการฝึกวิชานี้กลับไม่ได้เกิดขึ้นผู้อาวุโสขอบเขตครึ่งสวรรค์อีก 3 คนที่ได้ลองฝึกฝนวิชาบุปผาสยบมาร พวกนางที่ได้ทดลองฝึกเพียงไม่นานก็สัมผัสได้ถึงโอกาสที่จะทะลวงผ่านขอบเขตสวรรค์สามัญของพวกนางในทันที
“ท่านเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสหวง พวกเราต้องการปิดด่านบ่มเพาะเป็นเวลาครึ่งเดือนเพื่อที่จะทะลวงขอบเขตไปสู่ระดับสวรรค์สามัญ!” ผู้อาวุโสทั้งสามต่างพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน
เหวินลู่หยานพูดด้วยสีหน้ายินดี “ข้าอนุญาตให้พวกท่านสามารถปิดด่านได้เลยทันที ข้าขออวยพรให้พวกท่านทะลวงขอบเขตไปสู่สวรรค์สามัญได้อย่างราบลื่น”
หลังจากที่ผู้อาวุโสทั้งสามจากไปปิดด่านบ่มเพาะ เหวินลู่หยานมองไปที่หวงลี่ และพูดว่า “ผู้อาวุโสหวง ข้าคิดว่าชายผู้นั้นคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำร้ายเราหรอก ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถที่เขาแสดงออกมาให้พวกเราเห็น หากเขาต้องการจะทำอะไรพวกเราจริง ๆ สำนักของเราคงไม่สามารถต่อต้านอะไรเขาได้หรอก”
หวงลี่พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน นี่อาจเป็นพรจากสวรรค์สำหรับเรา”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็ไม่ควรต้องคอยระวังเขา มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นว่าเราไปทำลายน้ำใจของเขาที่มอบให้กับเรา” เหวินลู่หยานคิดอยู่พักหนึ่ง “นอกจากนี้เนื่องจากเราได้ฝึกฝนวิชาของเขาแล้ว เราก็ควรจะทำตามที่เขาพูด เราควรจะเริ่มถ่ายทอดวิชาบุปผาสยบมารให้กับบรรดาศิษย์ทุกคนเพื่อที่พวกเขาจะได้ฝึกบรรลุไปจนถึงขั้นสองของมันได้โดยเร็วที่สุด”
“โชคดีที่วิชาการบ่มเพาะนี้คล้ายคลึงกับวิชาบุปผาล่องลอยของเราเล็กน้อย ดังนั้นการฝึกมันน่าจะง่ายมากสำหรับศิษย์ของเรา อย่างไรก็ตามตอนนี้เราก็ยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ต้องรีบแก้ ก็คือจำนวนคนในสำนักของเราตอนนี้นั้นมีเพียงแค่พันกว่าคนเท่านั้น ดังนั้นเรายังต้องรับสมัครศิษย์เพิ่มอีก 2,000 คน เพื่อชดเชยจำนวนที่ขาด”
หวงลี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าคิดว่า ถ้าเรารับสมัครศิษย์ทีเดียว 2,000 คน มันจะมีผลกระทบกับทรัพยากรบ่มเพาะของเราที่อาจจะไม่เพียงพอ และยิ่งไปกว่านั้นเราอาจจะมีปัญหาการจัดการดูแลเหล่าศิษย์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมมากเกินไป”
นี่เป็นเพราะการรับสมัครคนเข้าสำนักไม่อาจทำได้โดยไม่วางแผนล่วงหน้า
การเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของคน 2,000 คน มันจะเป็นภาระอันหนักอึ้งของสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ที่แต่เดิมมีคนอยู่เพียงแค่พันกว่าคน
และที่สำคัญการที่มีจำนวนศิษย์ใหม่มากกว่าจำนวนศิษย์รุ่นเก่า มันอาจจะก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในสำนักได้โดยง่าย
เหวินลู่หยานกัดฟันของนางและพูดว่า “แม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เราต้องลำบากสักหน่อย แต่เราก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับวิชาการบ่มเพาะจากคุณชายหลิง ดังนั้นเราจึงต้องอธิบายให้ลูกศิษย์คนอื่น ๆ เข้าใจหากพวกเขาต้องการฝึกฝนวิชานี้ ในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้าสำนักจะหยุดแจกจ่ายทรัพยากร ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม และการบังคับใช้กฎนี้เราจะสามารถทดสอบได้ว่ามีกี่คนในสำนักที่ยอมเสียสละอย่างแท้จริง”
“ถ้างั้นก็ทำอย่างที่ท่านว่าก็แล้วกัน!” หวงลี่ครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็เริ่มทำตามแผน
เป็นเรื่องปกติที่ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดๆ มันมักจะมีเหล่าคนที่ภักดี เหล่าคนที่เอาแต่กินนอนและรอวันตาย และเหล่าคนที่มีความคิดสวนทางกัน
หลังจากที่เหวินลู่หยานประกาศกฎใหม่นี้ออกไป จากเหล่าศิษย์พันกว่าคน มีมากกว่า 200 คนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของสำนักที่หยุดการแจกจ่ายทรัพยากร
แต่สำหรับคนอื่น ๆ ที่เหลือพวกเขาต่างยอมรับกฎใหม่ของสำนักแต่โดยดี
เมื่อเหวินลู่หยานเห็นจำนวนผู้ที่ยอมรับกฎใหม่ของสำนักมากกว่าผู้ที่ไม่ยอมรับอยู่หลายเท่า นางก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากและจากนั้นนางก็เริ่มการถ่ายทอดวิชาบุปผาสยบมารให้กับเหล่าศิษย์ทุกคนในสำนัก
หลังจากได้รับการถ่ายทอดวิชาใหม่ที่เหนือกว่าเดิมเช่นนี้ เหล่าศิษย์ที่ไม่เห็นด้วยกับการหยุดจ่ายทรัพยากรก็ผ่อนคลายความอัดอั้นที่สุมอยู่ในใจของพวกเขาได้อยู่หลายส่วน
หลังจากนั้น เหวินลู่หยานก็ได้สั่งให้บรรดาศิษย์ทุกคนออกไปช่วยกันประกาศรับสมัครศิษย์เพิ่มทันที เพื่อที่พวกเขาจะสามารถรับสมัครคนได้ครบ 2,000 คนได้ในเวลาที่สั้นที่สุด
เมื่อมีการประกาศรับสมัครศิษย์ใหม่จำนวนมากขนาดนี้ บรรดาสำนักอื่นรอบ ๆ ก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ในทันที
เกี่ยวกับการรับสมัครคนอย่างดุเดือดของสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ สำนักอื่น ๆ ต่างก็ตื่นตัวและส่งคนออกไปตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์
“วิชาการบ่มเพาะแบบใหม่งั้นเหรอ? หรือว่าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ดวงดีไปเจอขุมทรัพย์ที่สูญหายไปของสำนักโบราณ?! และยิ่งไปกว่านั้นสำนักที่ยากจนเช่นสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ หากว่ากันตามปกติแล้วพวกเขาจะไปมีปัญญาเลี้ยงดูศิษย์จำนวนมากที่กำลังจะรับมาเพิ่มได้ยังไง ถ้าพวกนางไม่ได้ค้นพบขุมทรัพย์ที่ล้ำค่ามากพอจนทำให้จู่ ๆ พวกนางก็สามารถขยายขนาดสำนักให้ใหญ่มากกว่าเดิมเกือบ 3 เท่าแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเช่นนี้!”
หลายคนต่างเดาเหตุผลของการกระทำของสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์กันยกใหญ่ ซึ่งยิ่งพวกเขาเดา พวกเขาก็เริ่มมีความคิดที่แปลก ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ
“คุณชาย ตอนนี้เรามีศิษย์ 1,500 คนที่พร้อมจะฝึกบุปผาล่องลอยแล้ว” เหวินลู่หยานนั่งอยู่ตรงหน้าหลิงตู้ฉิงและพูดด้วยความเคารพว่า “และนี่เวลาก็ผ่านไปเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น และการฝึกวิชาบุปผาสยบมารสองขั้นแรกนั้นก็ง่ายต่อการฝึกฝน ดังนั้นข้าคาดว่าเราจะสามารถทำตามกำหนดการของคุณชายได้ทันอย่างแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าจงไปเตรียมคนให้ครบ 3,000 คนและรอคำสั่งต่อไปของข้า เจ้าจงมั่นใจ ถ้าเจ้าปฏิบัติตามที่ข้าสั่งอย่างตั้งใจและทำผลงานได้ดี ไม่เพียงแต่ข้าจะให้ผลประโยชน์แก่เจ้าเท่านั้น แต่ยังมีผู้อื่นอีกที่จะมอบผลประโยชน์ให้แก่เจ้าเช่นกัน!”
“ยังมีคนอื่นที่จะให้ผลประโยชน์กับเรา?” เหวินลู่หยานถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย แต่ในขณะที่นางกำลังจะได้ถามอะไรต่อ จู่ ๆ พลังอันกล้าแกร่งสายหนึ่งก็ถาโถมลงมากดทั่วบริเวณของสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ของนาง จากนั้นเสียงตะโกนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “สาวน้อยออกมาเดี๋ยวนี้!”
พลังกดทับที่ถาโถมใส่ทั่วบริเวณสำนักของนางตอนนี้นั้นถูกปลดปล่อยออกมาจากผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับเหนือล้ำ ซึ่งมันส่งผลให้ผู้คนที่อยู่ในสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ ทั้งหมดขยับตัวได้อย่างยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม เหวินลู่หยาน ในตอนนี้นางไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นางยิ้มให้หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีคนนิสัยไม่ดีบางคนมาหาเรื่องพวกเราเข้าให้แล้ว คุณชาย ข้าขอตัวไปจัดการกับพวกเขาก่อน”
หลิงตู้ฉิงได้พูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาจะไม่แทรกแซงกับเรื่องขัดแย้งของสำนักของนาง ดังนั้นเหวินลู่หยานจึงไม่มีเจตนาที่จะขอให้หลิงตู้ฉิงช่วยเหลือใด ๆ
หลังจากที่เหวินลู่หยานออกไป โม่เอ๋อก็กระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “นายท่าน ต้องการให้ข้าไปช่วยเหลือพวกเขาไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ตัดสินใจด้วยตัวเองเถอะ ถ้าเจ้าต้องการที่จะช่วยเจ้าก็ช่วย แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะช่วยเจ้าก็ไม่ต้องช่วย”
“ถ้างั้นข้าจะไม่ทำอะไร!” โม่เอ๋อถามทันที “นายท่านเหนื่อยไหม? ให้โมเอ๋อนวดไหล่ให้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย
อีกด้านหนึ่ง เหวินลู่หยานที่เดินออกมาจากห้องของหลิงตู้ฉิงเรียบร้อย นางมองไปที่ร่างของคนคนหนึ่งที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและตะโกนถามขึ้นว่า “ข้าก็คิดอยู่ว่าเป็นใครกันที่มาเยือนสำนักของข้า ที่แท้ก็ ผู้อาวุโสหลิว จาก สำนักกระบี่วารี นี่เอง”
หลิวซ่งหัวเราะออกมาดังลั่น ”ลู่หยาน อย่าแสร้งทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยว่าข้ามาที่นี่เพราะอะไร ข้าก็เคยบอกกับเจ้าไปหลายครั้งแล้วว่าให้เจ้ามาเสพสุขอยู่กับข้า เจ้าจะรั้นอยู่ที่สำนักของเจ้าไปทำไมในเมื่อมันมีแต่เรื่องให้ต้องปวดหัว จงปล่อยวางสามีของเจ้าที่ตายไปนานแล้วให้ได้สักที และเปิดใจรับรักข้าแทนจะดีกว่า!”
เหวินลู่หยานหัวเราะเยาะ “ก่อนที่เจ้าจะออกจากสำนัก เจ้าได้ส่องกระจกดูสารรูปตัวเองก่อนออกไปบ้างรึเปล่า? ข้าจะขอย้ำกับเจ้าอีกทีแม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้ ข้าก็จะไม่เลือกเจ้า และอย่าให้ข้ารู้ว่าการตายของสามีข้าเกี่ยวข้องกับเจ้า ไม่งั้นข้าสาบานข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งแน่นอน!”
หลิวซ่งหัวเราะและพูดว่า “ในเมื่อข้าจริงใจกับเจ้าแล้วเจ้าไม่สนใจ ดังนั้นวันนี้ข้าจะพาเจ้ากลับไปกับข้า เพื่อที่เจ้าจะได้เห็นความจริงใจของข้าสักทีก็แล้วกัน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อพูดจบ หลิวซ่งก็บินพุ่งเข้าหาเหวินลู่หยานทันที พร้อมกับปลดปล่อยอำนาจพลังระดับเหนือล้ำเข้ากดดันร่างของนาง
เหวินลู่หยานที่เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญ ด้วยความแตกต่างของระดับการบ่มเพาะระหว่างนางกับเขา ที่นางเองก็รู้ดีว่าถ้าหากปะทะกันตรง ๆ นางสู้เขาไม่ได้แน่นอน
เมื่อรู้เช่นนี้นางจึงรีบถีบตัวถอยออกห่างเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลิวซ่ง เจ้าคิดว่าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ของข้าอ่อนแอจนเจ้าสามารถข่มเหงกันได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ! ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้หากเจ้ายังโจมตีต่อไปก็อย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยม”
หลิวซ่งแสยะยิ้ม “เจ้าจะดื้อดึงต่อไปอีกทำไมกัน? ข้าให้สัญญาตราบใดที่เจ้ายอมตามข้ากลับไป ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี ไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”
ในขณะที่หลิวซ่งพูด เขาก็ยิ่งปลดปล่อยพลังที่กดดันเหวินลู่หยานให้ยิ่งหนักหน่วงขึ้น
เหวินลู่หยานที่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป นางจึงรีบเปิดใช้งานค่ายกลป้องกันสำนักของนางทันที…