นั่งลงได้ไม่นาน อวี้จิงเหลยก็อดรนทนไม่ไหวเอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจตนเองมานานขึ้น
“ใช่!”
เมื่อมองเห็นสีหน้าท่าทางพร้อมรบของอวี้จิงเหลย ก็พานคิดถึงอวี้เชียนสวิน อวี้เชียนหาน ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่ละอายแก่ใจยิ่งนัก
ซย่าโหวฉิงเทียนสายตาเฉียบคมจริงๆ !
ตระกูลที่ดี ทั้งยังเป็นขุนนางที่จงรักภักดีเช่นนี้ หากแต่งงานกับอวี้เฟยเยียนได้ละก็ ก็เท่ากับได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอวี้ นับเป็นวาสนาของซย่าโหวฉิงเทียนโดยแท้!
“ข้ามาคราวนี้ จะขอเชิญท่านแม่ทัพออกโรง!”
ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวเจตนาของตนออกไปตรงๆ
ในตอนนั้น อวี้จิงเหลยกรำศึกกลับถึงเมืองหลวง ก็มอบอำนาจทางการทหารคืน ถึงแม้ว่าจะรักษาตำแหน่งตระกูลชั้นสูงเอาไว้ได้ แต่ในความเป็นจริงเขากลับมีเพียงตำแหน่ง แต่ไร้ซึ่งอำนาจ
ครานี้ถึงเวลาแล้วที่จะเรียกคืนอำนาจให้กับตระกูลอวี้อีกครั้ง
ใช้ตระกูลอวี้ เป็นสิ่งที่ซย่าโหวจวินอวี่ไตร่ตรองหลายต่อหลายครั้ง
ด้านหนึ่ง อวี้เชียนเสวี่ยฟื้นฟูพลังวัตรกลับมาแล้ว ตระกูลอวี้มีผู้สืบทอด ดังนั้นจึงสมควรให้อวี้เชียนเสวี่ยฝึกฝนให้มาก ให้เขาแบกธงรบของตระกูลอวี้ ต่อไปจะได้รับช่วงต่อตำแหน่งบิดา
อีกด้าน ตระกูลอวี้ตั้งค่ายปกป้องผืนมหาสมุทร ความสามารถในการทำศึกสูงส่ง ประสบการณ์โชกโชน หากให้พวกเขาว่างเว้นไม่ได้ทำอะไร ก็นับว่าน่าเสียดาย
แต่ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ซย่าโหวจวินอวี่ทำเช่นนี้ก็เพื่อซย่าโหวฉิงเทียน
มีเพียงแต่ให้ตระกูลอวี้ได้กุมอำนาจอย่างแท้จริง ซึ่งต้องเป็นอำนาจทางการทหารอย่างมั่นคง ภายหน้าหากยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับซย่าโหวฉิงเทียน พวกขุนนางน้อยใหญ่จะได้ไม่กล้าต่อต้าน
ถึงแม้ว่าการใช้กำลังมิใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ในบางครั้ง มีกำลังที่กล้าแข็ง จึงจะรวบรวมจิตใจคนเอาไว้ได้
ตระกูลอวี้ เป็นตระกูลที่ประชาชนนับหน้าถือตาให้ความเคารพเป็นที่สุด อวี้เฟยเยียนเองก็มีอิทธิพลและชื่อเสียง บางทีชื่อเสียงในด้านดีของพวกเขาจะสามารถลดทอนชื่อเสียงในด้านไม่ดีของซย่าโหวฉิงเทียนไปได้บ้าง
อดพูดไม่ได้ว่า ซย่าโหวจวินอวี่ก็เป็นพ่อที่ดีคนหนึ่งทีเดียว!
“ฝ่าบาท…”
คำพูดของซย่าโหวจวินอวี่ ทำให้เลือดนักรบในกายของอวี้จิงเหลยเดือดพล่าน
“หม่อมฉันจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ!”
นอกจากซาบซึ้ง ก็คือซาบซึ้ง
อวี้จิงเหลยยอมตายในสนามรบ ดีกว่าว่างเว้นอยู่แต่ในจวน
ตอนนี้เป็นโอกาสดี ที่ตระกูลอวี้จะได้รับใช้ประเทศชาติอีกครั้ง แล้วอวี้จิงเหลยจะไม่ดีใจได้อย่างไรเล่า!
“ฝ่าบาท แล้วหม่อมฉันล่ะ”
เมื่อเห็นว่าฝ่าบาททรงใช้สอยผู้เป็นบิดาโดยไม่สนใจบุตรชายเช่นเขา อวี้เชียนเสวี่ยก็ร้อนใจขึ้นมา
“ไม่เช่นนั้น พระองค์ให้หม่อมไปเป็นขุนพลทัพหน้าเถอะ พ่ะย่ะค่ะ!”
สีหน้าร้อนใจของอวี้เชียนเสวี่ย ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่ชอบใจยิ่งนัก
“ท่านแม่ทัพน้อยเพิ่งจะแต่งงานเข้าหอ ต้องจากเมียรักไปไกล คงไม่ค่อยดีกระมัง”
ซย่าโหวจวินอวี่หยอกล้ออย่างอารมณ์ดี
ใครจะคาดคิด มู่เหนี่ยนซีกลับเดินขึ้นมาหยุดที่ข้างกายอวี้เชียนเสวี่ยกล่าวว่า
“ฝ่าบาท หม่อมฉันยินดีร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับสามี เด็ดหัวศัตรู ตอบแทนประเทศชาติเพคะ!”
ความกล้าหาญของมู่เหนี่ยนซี ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่ชื่นชมไม่หยุด
“ดี เป็นหญิงก็มิได้ด้อยไปกว่าชาย ข้าอนุญาต!”
“จริงหรือ พระองค์มิได้หลอกหม่อมฉันนะเพคะ!”
มู่เหนี่ยนซีจ้องมองฮ่องเต้ด้วยสายตาตื่นตะลึง รู้สึกแทบไม่เชื่อหู
เดิมทีนางก็เตรียมตัวเอาไว้พร้อมอยู่แล้ว หากว่าอวี้เชียนเสวี่ยต้องไปที่ซีเย่ว์ นางก็จะติดตามไปด้วย นางไม่ยอมแยกจากเขาเด็ดขาด!
คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่นางเสนอไปซย่าโหวจวินอวี่กลับอนุญาต
“คำพูดข้าศักดิ์สิทธิ์ แล้วข้าจะโกหกเจ้าได้อย่างไรกัน!”
“เยี่ยมไปเลย ขอให้ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี! พระองค์คือฮ่องเต้ที่ดีที่สุดเลยเพคะ!”
มู่เหนี่ยนซีดีใจจนกระโดดโลดเต้น นางโอบรอบคอของอวี้เชียนเสวี่ยเอาไว้แล้วกล่าว
“เสวี่ย พวกเราไปด้วยกัน ข้าจะไปกับเจ้า!”
“แค่กๆ ยังมีคนอยู่ตรงนี้นะ!”
อวี้เชียนเสวี่ยกล่าวเสียงเบา ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข
เมื่อเห็นใบหน้าที่เปี่ยมสุขของมู่เนียนซี ซย่าโหวจวินอวี่ก็อิจฉายิ่งนัก
ในชีวิตหนึ่ง สามารถได้พบกับคนที่ชอบ ทั้งอีกฝ่ายก็ชอบเราเช่นกัน เดิมทีก็ไม่ง่าย
คนทั้งสองที่ชอบพอซึ่งกันและกัน สุดท้ายสามารถอยู่ด้วยกัน แต่งงานกันเป็นสามีภรรยา อยู่กินกันจนแก่เฒ่า นั่นยิ่งไม่ง่ายใหญ่
ทำบุญร่วมกันมาเป็นร้อยปีถึงได้มาเจอกัน แต่ทำบุญร่วมกันเป็นพันปีกว่าจะได้ร่วมเรียงเคียงหมอน!
“พี่เยียน ชาติก่อนเราสองคนคงจะขี้เกียจเกินไปใช่หรือไม่ ทำบุญร่วมกันมาน้อยใช่หรือเปล่า ดังนั้นข้าถึงได้คลาดกับท่าน…แต่ขอให้ท่านโปรดวางใจ ข้าจะไม่ให้ลูกของเรา ต้องคลาดจากสตรีที่เขารักเป็นแน่!”
คิดถึงตรงนี้ ซย่าโหวจวินอวี่จึงเหลือบมองไปที่อวี้เฟยเยียนที่นั่งเงียบกริบอยู่ข้างๆ
นางกำลังมองสำรวจซย่าโหวจวินอวี่ สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ช่างเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดจริงๆ !
เพียงแค่มองเห็นดวงตาคู่สวยที่ฉายแววความเฉลียวฉลาดออกมาชัดเจน ซย่าโหวจวินอวี่ก็รู้ได้ในทันที
พูดคุยกับคนฉลาด ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองแรงใดๆ
เขามาหาถึงที่บ้านด้วยตนเอง คิดว่าอวี้เฟยเยียนคงเกิดความสงสัยแล้วละ!
ทุกสิ่งทุกอย่างในใต้หล้านี้ล้วนแต่ไม่เที่ยง มีหลอมรวมก็มีแบ่งแยก มีแบ่งแยกย่อมต้องมีหลอมรวม พูดได้ดีจริงๆ
ว่าที่ลูกสะใภ้ของข้า ไม่ต้องสงสัยหรอก ที่ข้าทำลงไปก็เพื่อเป็นสินสอดให้ลูกชายไปขอเจ้ามาเป็นลูกสะใภ้อย่างไรเล่า สินสอดสำหรับสะใภ้จอมเทวาทั้งคน น้อยหน้าได้อย่างไรกัน ไม่รู้ว่าแคว้นซีเย่ว์ทั้งแคว้นจะเพียงพอหรือเปล่า!
เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีอวี้หลัวช่า แล้วก็แมวน้อยที่ยังไม่รู้ชื่อแซ่อีก ฝ่าบาทก็ทรงปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมา
ต้าโจว ซีเย่ว์ มีสองแคว้นแล้ว!
แต่เขามีสะใภ้ถึงสามคน!
เห็นที เรื่องแคว้นฉินจื้อจะชักช้าไม่ได้ ต้องรีบวางแผนเสียแล้ว!
ลูกเอ๋ย เจ้านี่ช่างว่างสรรหาลูกสะใภ้เด็ดๆ มาทั้งนั้นเลย เจ้าจะให้พ่อทุบหม้อข้าว ยกแคว้นยกบ้านเมืองเข้าแลกเลยหรือ เห็นทีปีนี้ คงจะไปขอลูกสะใภ้ไม่ไหวแล้วกระมัง!
รอจนกระทั่งซย่าโหวจวินอวี่และซย่าโหวฉิงเทียนกลับไป อวี้จิงเหลยจึงค่อยเรียกอวี้เฟยเยียนเอาไว้เพื่อพูดคุยกับนางลำพัง
“เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าก็โตแล้วเป็นสาวแล้ว เจ้าวางแผนอนาคตไว้ว่าอย่างไรกัน”
เดิมทีอวี้จิงเหลยคิดจะถามหลานสาวว่าคิดอย่างไรกับซย่าโหวฉิงเทียน แต่เขาเกรงว่าแม่นางน้อยเช่นนางจะเขินอายหน้าบาง ดังนั้นจึงเปลี่ยนวิธีการ ถามถึงความคิดและแผนการในอนาคตแทน
“ข้าอยากที่จะตามหาพี่ใหญ่ให้เจอ ยังมีท่านลุงรองและท่านป้ารองให้กลับมา ถึงตอนนั้นครอบครัวของเราจะได้อยู่พร้อมหน้า ครื้นเครงมีความสุข!”
อวี้จิงเหลยนึกไม่ถึงเลยว่าอวี้เฟยเยียนจะพูดถึงอวี้เชียนหานและตี้อู่เยียนเอ๋อร์ขึ้นมา
หรือว่า…นี่คือสายเลือดที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดอย่างนั้นหรือ
ทำให้อวี้จิงเหลยคิดทบทวนและเสียใจในเวลาเดียวกัน
อวี้เฟยเยียนอายุสิบห้าปีแล้ว ซึ่งอวี้เชียนหานและตี้อู่เยียนเอ๋อร์หายสาบสูญไปสิบหกปีเต็มแล้ว!
สิบหกปีเชียวนะ!
เด็กหญิงตัวน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์ในตอนนั้น เติบโตขึ้นแล้ว ทั้งยังเป็นถึงจอมเทวาและจักรพรรดิโอสถ
นางสืบทอดสายเลือดแห่งความแข็งแกร่งและยอดเยี่ยมมาจากพวกเจ้า เจ้าเห็นหรือยัง