ความเจ็บปวดของอวี้จิงเหลยอวี้เฟยเยียนรับรู้ได้
นางเดินเข้าไปหาผู้เป็นปู่ แล้วจับต้นแขนของเขากล่าวว่า
“ท่านปู่ ท่านวางใจเถอะ ข้าจะต้องตามหาพี่ใหญ่ ท่านลุงรอง ท่านป้ารองกลับมาให้ได้ ครอบครัวเรา จะต้องกลับมาพร้อมหน้าอีกครั้ง!”
“ดี! เด็กดี!”
อวี้จิงเหลยตบที่มือของอวี้เฟยเยียนเบาๆ แล้วพยักหน้ารับ
“ปู่รู้ว่าเจ้าเป็นเด็กกตัญญู น้ำใจเจ้าปู่รับรู้แล้ว! เช่นนั้นความหวังตระกูลอวี้ ฝากไว้ที่เจ้าแล้ว!”
เมื่ออวี้เฟยเยียนออกไป อวี้เชียนก็เดินเข้ามา
“ท่านพ่อ ท่านคิดจะบอกความจริงกับเสี่ยวเยียนเมื่อไหร่กัน”
หากมิใช่แอบฟังในสิ่งที่อวี้จิงเหลยและอวี้เฟยเยียนพูดคุยกัน อวี้เชียนเสวี่ยก็คงคิดไปว่าอวี้เฟยเยียนรู้เรื่องที่ว่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าของนางคืออวี้เชียนหานและตี้อู่เยียนเอ๋อร์ตั้งนานแล้ว
“ไม่รีบร้อน…”
อวี้จิงเหลยทอดมองไปที่กลุ่มก้อนเมฆที่กำลังล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า
“หากข้าคาดการณ์ไม่ผิดละก็ เชียนหานและตี้อู่เยียนเอ๋อร์น่าจะอยู่ที่เมืองอู๋โยว ที่นั่นเป็นสถานที่อะไร เจ้าเองก็รู้ดี”
“ถึงแม้ว่าเยียนเอ๋อร์อยู่ที่หลัวอวี่จะเป็นจอมเทวาที่แสนเก่งกาจ แต่ในสายตาคนพวกนั้นที่เมืองอู๋โยว คนเช่นพวกเรานั้นต่ำต้อยราวกับมดตัวเล็กๆ ก็ไม่ปาน!”
“เยียนเอ๋อร์ยังต้องเติบโตอีกมาก! เพราะศัตรูนางแข็งแกร่งเกินไป ซึ่งข้าและเจ้ามิอาจช่วยเหลืออะไรนางได้เลย”
คำพูดของอวี้จิงเหลย กระแทกใจของอวี้เชียนเสวี่ยอย่างแรง
ใช่นะสิ ตอนนี้เขาสำเร็จเพียงขั้นราชันเท่านั้น หากพบเจออันตรายจริงๆ ไม่แน่ว่าเขาเองนี่แหละที่จะเป็นตัวถ่วงอวี้เฟยเยียน
“ท่านพ่อ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะต่อสู้อย่างเต็มที่!”
เมื่อคิดถึงได้เช่นนี้ อวี้เชียนเสวี่ยก็กำหมัดแน่น
“ข้าจะช่วยเยี่ยนเอ๋อร์ ข้าคอยช่วยเหลือสนับสนุนและเป็นเกราะกำบังให้กับนาง!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่แน่วแน่ของอวี้เชียนเสวี่ย อวี้จิงเหลยก็พยักหน้าเบาๆ
“ใช่! พวกเราจะต้องฝึกฝนเพิ่มพูนพลังให้กับตนเอง เราไม่จะไม่นิ่งดูดายรอคอยโดยที่ไม่ทำอะไรเลย พวกเราจะต้องช่วยนาง!”
สองพ่อลูกความคิดเห็นตรงกัน และผลจากความคิดเห็นนี้นำมาซึ่งการร่วมกันปฏิบัติจริงนั่นก็คือ สองพ่อลูกไปที่สนามฝึก แล้วเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกให้กับกองทัพตระกูลอวี้อีกเท่าตัว
หลังจากใช้วิธีฝึกปรือของอวี้เฟยเยียน ร่วมกับยาบำรุงที่อวี้เฟยเยียนปรุงขึ้นเพื่อบำรุงกำลังให้กับทุกคนโดยอิงตามโครงสร้างร่างกายของแต่ละคน เพื่อเป็นตัวช่วยอีกแรง เดิมกองทัพตระกูลอวี้ที่มีเพียงขั้นธรรมดาก็กลายเป็นขั้นวีรชนกันไปหมด
ทำให้อวี้เชียนเสวี่ยยกดดันเป็นอย่างมาก!
เจ้าทหารหนุ่มเหล่านั้น ส่วนใหญ่เคยเป็นลูกน้องของเขาทั้งสิ้น มาตอนนี้มีบางคนวรยุทธ์เหนือกว่าอวี้เชียนเสวี่ยด้วยซ้ำ ทำให้เขามีแรงกดดันพยายามฝึกฝนตนเองให้หนักขึ้น
ไม่นาน ซย่าโหวจวินอวี่ก็ประกาศว่าต้าโจวจะยกทัพไปสำเร็จโทษซีเย่ว์
แม่ทัพที่จะนำทัพในครั้งนี้นั่นก็คืออวี้จิงเหลย โดยมีแม่ทัพกองหน้าคืออวี้เชียนเสวี่ย
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทำให้ประชาชนดีอกดีใจเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันที่ซีเย่ว์ก็ได้รับหนังสือจากต้าโจว เมื่อเห็นคำว่า ‘รบ’ ฮ่องเต้แห่งซีเย่ว์หลิวปี้ก็ทรุดลงบัลลังก์
สู้รบกับอีกแล้ว เพราะเหตุใดกัน!
ซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่งจะแสดงแสนยานุภาพไปมิใช่หรือ
หลิวปี้รู้ข่าวตั้งแต่แรกแล้ว จึงรู้สาเหตุที่ต้าโจวยกทัพมา
งานมงคลกลายเป็นโศกนาฏกรรม ให้เป็นใครก็คงของขึ้น!
ยิ่งกว่านั้นต้าโจวคอยจ้องหาโอกาสโจมตีซีเย่ว์มาโดยตลอด ตอนนี้สบโอกาส ที่ลูกชายของเขาเลอะเลือนกระทำการโง่เขลาเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับลากซีเย่ว์มาถึงทางตันหรอกหรือ!
จนกระทั่งถึงตอนนี้หลิวปี้ก็ยังไม่รู้ว่าหลิวเปยไปอยู่เสียที่ไหน ส่วนคณะทูตแห่งซีเย่ว์ต่างก็ถูกต้าโจวจับกุมเอาไว้ทั้งหมดและสังหารไปแล้ว
ลูกเอย เจ้าไปอยู่ที่ไหนกันแน่
หลังจากเกิดเรื่อง ทุกวันฮองเฮาก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าพระพักตร์ให้ฮ่องเต้แห่งซีเย่ว์หลิวปี้หาทางช่วยชีวิตหลิวเปย ฮ่องเต้ได้ฟังก็พลอยจิตใจหดหู่ไปด้วย
จะชั่วดีอย่างไรนี่ก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่โอบอุ้มมาสิบกว่าปี หลิวปี้จึงคิดที่ปกป้องหลิวเปยเช่นกัน
เพียงแต่ว่า แผนการเขายังไม่ทันข้ามวันก็ต้องพังทลายโดยสิ้นเชิง
องค์ชายใหญ่แห่งซีเย่ว์หลิวเฉิง ถือศีรษะของหลิวเปยบุกเข้ามาในวัง แคว้นซีเย่ว์เปลี่ยนแปลงเหนือหัวภายในชั่วข้ามคืน หลิวเฉิงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ ทั้งยังประกาศให้ประชาชนหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อต่อสู้กับศัตรูภายนอก
แต่สิ่งที่น่าสงสัยนั่นก็คือ หลิวเฉิงครองราชย์ได้ไม่ถึงสองวัน ก็ถูกคนลอบสังหารเสียแล้ว
ราชนิกุลสายตระกูลหลิวทั้งหมดถูกฆ่าตัดศีรษะไม่มีเหลือ
คนผู้นั้นยังเอาศีรษะของราชนิกุลทั้งหมดแขวนไว้ที่ประตูเมือง เขียนด้วยอักษรเลือดที่หน้าประตูวัง ผู้ใดกล้าต่อกร ฆ่าไม่เว้น!
ประโยคที่เด็ดขาดเพียงประโยคเดียวทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน
ดังนั้นเมื่ออวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยยกทัพไปถึงซีเย่ว์ ผู้คนส่วนใหญ่จึงวางอาวุธยอมแพ้ แน่นอนว่านี่ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
สำหรับคดีนองเลือดที่เกิดขึ้นที่ซีเย่ว์ อวี้เฟยเยียนอดคิดไม่ได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับซย่าโหวฉิงเทียน
หลังจากกองทัพต้าโจวเดินทัพออกไปไม่กี่วัน สองสามวันให้หลังที่จู่ๆ ซย่าโหวฉิงเทียนก็หายตัวไป อวี้เฟยเยียนจึงไม่มีทางเลือกทำได้แต่เพียงสวมชุดและเกล้าผมอย่างเรียบง่ายเท่านั้น
ภายหลัง ข่าวคราวเรื่องคดีนองเลือดที่ซีเย่ว์ก็แพร่สะพัด เวลามันช่างประจวบเหมาะกันเหลือเกิน!
เมื่อได้พบซย่าโหวฉิงเทียนอวี้เฟยเยียนจึงสอบถามเขาซึ่งหน้า ซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่ได้ปฏิเสธทั้งยังพยักหน้ายอมรับออกมาตรงๆ อีกด้วย
“เพราะอะไร”
อวี้เฟยเยียนอยากรู้เหตุผลที่เขาลงมือ
หรือว่าเขาต้องการแก้แค้นให้กับซย่าโหวเสวี่ยอย่างนั้นหรือ
เป็นไปไม่ได้!
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่ชอบหน้าซย่าโหวเสวี่ยด้วยซ้ำ!
ไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ แล้วเพราะอะไรกัน
“ขุนนางสำคัญมากมายแห่งแคว้นซีเย่ว์เคารพเชื่อถือในตัวหลิวเฉิง หากเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ รวมใจประชาชนเป็นหนึ่ง ซีเย่ว์จะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งจนมิอาจล้มได้ เช่นนั้น…”
ซย่าโหวฉิงเทียนหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
“ท่านปู่และท่านลุงสามต้องต่อสู้กับศัตรูมากมาย ศึกที่เดิมจัดการเผด็จศึกได้ง่ายและรวดเร็วก็จะกลายเป็นยืดเยื้อยาวนาน ถึงตอนนั้นทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ต้องสูญเสียทหารเป็นจำนวนมาก อีกทั้งศึกที่ยาวนานไม่เป็นผลดีต่อต้าโจวอย่างมาก”
แท้ที่จริงแล้วซย่าโหวฉิงเทียนต้องการจะบอกว่า พี่ไปกรุยทางเก็บกวาดให้ก่อน เมื่อท่านปู่และท่านลุงสามเดินทางไปถึงจะได้สบายขึ้นมาก!
เพียงแค่จัดการกำจัดหัวหอกของพวกเขา เมื่อฝูงแกะไร้ซึ่งผู้นำ ก็จัดการได้โดยง่าย เจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลท่านปู่ ท่านลุงสามและท่านป้าสามจะได้รับบาดเจ็บอย่างไรเล่า!
แต่การเรียกร้องความดีความชอบเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยปากไม่ออกจริงๆ
หากกล่าวออกไปตรงๆ ก็ไม่รู้ว่าแมวน้อยจะคิดอย่างไรด้วย!
ก่อนหน้านี้ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เคยมีความคิดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเห็นอวี้เฟยเยียนอดหลับอดนอนปรุงยาบำรุงต่างๆ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เข้าใจในทันที
ถึงแม้ว่าภายนอกอวี้เฟยเยียนจะไม่แสดงท่าทีเป็นกังวลใดๆ เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังนิ่งเงียบเป็นปกติทุกอย่าง แต่แท้ที่จริงแล้วในใจของนางเป็นห่วงคนในครอบครัวที่รักเป็นอย่างมาก
ดังนั้นอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ย รวมทั้งมู่เหนี่ยนซีจะเกิดเรื่องไม่ได้
มิเช่นนั้นแมวน้อยก็ต้องเสียใจ เขาก็คงเสียใจไปด้วย!
ไม่ว่าจะอย่างไร ตระกูลอวี้ก็ดีกับอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนบิดามารดาของเขา…อวี้เฟยเยียนมีวาสนา ได้ครอบครองความสุขเช่นนี้ เขาจะทำให้ความสุขนี้อยู่กับนางให้นานที่สุด!
เพราะว่าเขาชอบที่จะเห็นแมวน้อยยิ้ม…
คำอธิบายของซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
ประชาชนตาดำๆ ล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ กลับต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำและคำพูดของกษัตริย์
หากประชาชนชาวซีเย่ว์ร่วมกันสู้รบจนตัวตาย ภายใต้การนำของหลิวเฉิง ก็ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากลูกเมียและครอบครัว ต้องล้มตายบ้านแตกสาแหรกขาด
ยิ่งกว่านั้นซย่าโหวจวินอวี่ต้องการยึดครองซีเย่ว์ให้จงได้ อวี้จิงเหลยเองก็ไม่อาจจะขัดพระบัญชา เมตตาประชาชนชาวซีเย่ว์ได้บ้าง เพราะศึกแห่งความเลือดเย็นเช่นนี้ หากเมตตาต่อศัตรูก็เท่ากับทรมานตัวเอง
ดังนั้น ล้มเลิกการสู้รบจึงจะมีโอกาสที่จะรอดชีวิต
“ซย่าโหวฉิงเทียน ข้าเพิ่งค้นพบว่าที่แท้แล้วท่านก็อ่อนโยนเช่นกัน จริงๆ นะ!”
อวี้เฟยเยียนใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของเขาตรงตำแหน่งหัวใจ
“ข้าหมายถึงตรงนี้!”