เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 625
เขาถลกเสื้อขึ้นมา และค่อยๆ เดินไปข้างหน้า
ฟิ่ว!
ฟิ่ว!
ฟิ่ว!
และในเวลานั้น
ก็มีเสียงโซนิคบูมดังขึ้นนับไม่ถ้วน!
มีเงาคนจากที่ไกล กำลังบินเข้ามาใกล้!
จำนวนนับพันคน!
ตึง!
ตึง!
ตึง!
ควันฝุ่นลอยขึ้นมา
แล้วเมื่อควันฝุ่นจางหายไป
ร่างของผู้คุมกฎสิบและคนอื่น ๆ ก็ปรากฏขึ้น
“หยางเฟิง… ในที่สุด พวกเราก็ตามเจ้าทันแล้ว!”
หลังจากที่เจอหยางเฟิง
ผู้คุมกฎสิบและคนอื่น ๆ
ต่างก็จ้องหยางเฟิงตาถลนด้วยความโกรธ!
ในดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและอาฆาตแค้น!
ตลอดทางมานี้
พวกเขาโดนกลั่นแกล้งอย่างยับเยิน!
ตอนกลางวัน ต้องต่อสู้กับสัตว์ร้ายและผู้คน
ตอนกลางคืน ยังต้องมาต่อกรกับกับดักของหยางเฟิงอีก!
เพียงแค่คืนที่ผ่านมา ก็มีนักบู๊ตายไปหลายพันคนแล้ว
แม้แต่กุ่ยเหมินและศูนย์พันธมิตรบู๊เอง ก็ยังต้องลำบากมาก และสูญเสียผู้คนไปหลายร้อยคน!
ตอนนี้
คนเกือบทั้งหมดล้วนได้รับบาดเจ็บ
เรียกได้ว่าสารรูปดูไม่ได้สุดๆ!
“เฮ้! ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้พวกขี้แพ้นี่เอง!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้
หยางเฟิงจึงหยุดเดิน และทำสีหน้าหยอกล้อ
เหลิงฉานรู้ว่าหยางเฟิงเป็นคนปากหมา จึงไม่พูดพร่ําทําเพลงและกล่าวไปตรงๆ ว่า
“หยางเฟิง อย่าเหิมเกริมให้มันมากนัก ตอนนี้ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรอยู่ที่นี่ พวกเราเหล่าพี่น้องคนโลกบู๊ จะสังหารเจ้า!”
ในขณะเดียวกัน
นักบู๊ราวห้าพันคนมองไปที่หยางเฟิง
ด้วยสายตาที่เยือกเย็น!
ทุกคนต่างก็รู้ดีกว่า
หากไม่ฆ่าหยางเฟิง
พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะได้ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร!
มีเพียงฆ่าหยางเฟิงให้ตายเท่านั้น
พวกเขาถึงจะมีโอกาสแย่งชิงชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรได้!
“ฮ่าๆ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
หยางเฟิงหัวเราะเบาๆ ชี้ไปที่บันไดสวรรค์และพูดว่า
“พวกเจ้าต้องการชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรไม่ใช่หรือ? ขึ้นบันไดนี้ไป ก็จะสามารถเข้าไปถึงสุสานของเย่เวิ่นได้ ก็ไม่รู้ว่า พวกเจ้าจะมีความกล้ามากพอหรือไม่?
พูดจบ
หยางเฟิงยืนหันข้าง เปิดทางให้เดินไป
อะไรกัน?
เมื่อเห็นเช่นนี้
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน
และอ้าปากค้าง
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?
เดิมทีเตรียมใจไว้ว่าจะต้องเปิดฉากต่อสู้ฆ่าฟันกันเป็นแน่ แต่หยางเฟิงจู่ๆ เกิดกลัวขึ้นมาหรือ?
เขาเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ?
สุสานของเย่เวิ่นอยู่แค่ตรงหน้า
แต่กลับให้ทุกคนเข้าไปก่อน?
หรือว่าเขาไม่ต้องการชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรแล้ว?
ทันใดนั้น
ทุกคนต่างก็รู้สึกงงงวยไปตามๆ กัน
และความเงียบสงัดก็มา
เงียบราวกับความตาย
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับ
นี่คือความกลัว!
ตลอดทางมานี้
ทุกคนต่างก็โดนหยางเฟิงเล่นงานกันซะจนกลัวไปหมด!
หยางเฟิงไอ้คนชั่วร้าย
เล่นงานคนจนตายโดยไม่รับผิดชอบ!
เมื่อไม่เห็นมีใครก้าวมาข้างหน้า
หยางเฟิงก็พูดจาดูถูกขึ้นมาทันที: “พวกขี้ขลาด! ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์เอง!”
“เจ้า……”
เมื่อได้ยินเช่นนี้
ทุกคนต่างก็รู้สึกโกรธเกลียด
และแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกปากของหยางเฟิงออกมาเป็นชิ้นๆ!
“หยางเฟิง เจ้าอย่ายโสให้มันมากนัก มันก็แค่ขั้นบันไดผุๆ ไม่ใช่เหรอ? วันนี้ข้ากุ่ยเหมินจะล่วงหน้าไปก่อน รอข้าได้ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาได้แล้ว เจ้าอย่ามาร้องไห้ก็แล้วกัน!”
ผู้คุมกฎสิบยืนก้าวออกมา
“ชิ!”
หยางเฟิงกลอกตามองบน: “คุยโม้โอ้อวดใครก็ทำได้ แน่จริงก็ลุยเลยสิ!”
ในขณะเดียวกัน
สายตาของพวกเสือขาวที่มองไปยังผู้คุมกฎสิบ ก็เต็มไปด้วยความดูถูก
ชั่วขณะหนึ่ง
ผู้คุมกฎสิบรู้สึกโกรธแค้นในใจ
โดนหยางเฟิงดูหมิ่นก็ว่าแย่แล้ว
ตอนนี้แม้แต่ลูกน้องของหยางเฟิง ก็ยังกล้าดูถูกเขาอีก?
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?
แย่งชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาได้เมื่อไหร่
จะฆ่าพวกมันให้ตายทีละคน!
“พวกเจ้า จงลุยให้หมด!”
ทันใดนั้น
ผู้คุมกฎสิบมองไปที่นักบู๊ 3,000 คนที่เหลืออยู่และออกคำสั่ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ฝูงชนต่างก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาทันใด
เดิมทีทุกคนคิดว่าผู้คุมกฎสิบพูดจาหยาบคายกับหยางเฟิง เพราะต้องการที่จะลุยเอง
ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นว่า ให้พวกเขาเป็นคนลงมือ
แม่งเอ๊ย!
แบบนี้ก็ได้เหรอ!!!
“ผู้คุมกฎสิบ คนของกุ่ยเหมินมียอดฝีมือมากมาย หรือไม่ท่านลองลงมือก่อน…”
“ใช่เลย! กุ่ยเหมินมีคนฝีมือระดับปรมาจารย์ตั้งมากมาย…”