เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 626
“ไอ้หย๋า จู่ๆ ข้าก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา”

“อย่าพูดเลย ขาข้าก็เหมือนจะบาดเจ็บนิดหน่อย”

นักบู๊สามพันคนเริ่มซุบซิบกัน และทยอยกันพูดขึ้นมา

เสียงของพวกเขา

เริ่มด้วยเสียงที่เบา

และยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ โช้งเช้งราวกับตลาดสด!

ทุกคนไม่ได้โง่

ณ ตอนนี้ จะลงมือก่อนได้อย่างไร

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก้าวออกมา

สีหน้าของผู้คุมกฎสิบก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น

ดวงตาของเขา

แผ่เจตจำนงสังหารอันเยือกเย็นออกมา!

“อะไรนะ? พวกเจ้าอยากตายนักหรือ!”

ในสายตาของผู้คุมกฎสิบ

นักบู๊เหล่านี้ล้วนเป็นกองหนุนไร้ประโยชน์

ในเมื่อเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์ ก็ต้องพร้อมที่จะตาย

ไม่อย่างนั้น จะเก็บไว้พวกมันไว้ทำไม?

“ฮ่าๆ!”

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้

หยางเฟิงก็หัวเราะออกมาก่อนที่ทุกคนจะได้พูดอะไร

“มิน่าล่ะถึงชื่อกุ่ยเหมิน เป็นกลุ่มคนที่รู้จักแต่หดหัวเก็บหาง คนไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง! ตัวเองไม่กล้าลุยเอง ก็ยังหวังให้นักบู๊คนอื่นๆ เป็นกองหนุนลุยแทน!”

“ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าว่าพวกเจ้ากุ่ยเหมินควรเปลี่ยนชื่อเป็นกุยเหมิน (แปลว่า กระดองเต่า) แทนนะ!”

“เพราะยังไง พวกเจ้าก็เป็นเพียงกลุ่มเต่าที่หดหัวอยู่แต่ในกระดอง!”

“เจ้าเด็กน้อย อยากตายนักเหรอ!”

“ไอ้สารเลว กล้าดียังไงมาลบหลู่กุ่ยเหมิน!”

“พวกเราฆ่าได้หยามไม่ได้ ท่านครับ ให้พวกเราลุยเถอะ!”

หยางเฟิงทำตัวเหมือนกำลังขี่อยู่บนคอ และถ่ายของเสียใส่พวกกุ่ยเหมิน

ผู้คนของกุ่ยเหมิน

ทนไม่ไหวแล้ว!

พวกเขารู้ว่าขั้นบันไดพวกนี้ อาจจะมีอะไรแปลก

แต่หากสู้กัน ก็ไม่สามารถเอาชนะหยางเฟิงได้

หรือจะให้ไม่ทำอะไร แล้วรอให้โดนด่าอยู่เฉยๆ หรือ?

ด้วยความปากเสียของหยางเฟิง ไม่ด่าพวกเขาให้ตายสิแปลก!

สีหน้าของผู้คุมกฎสิบค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว

แม้เขาจะควบคุมตัวเองได้ แต่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์คนของกุ่ยเหมินทั้งหมดได้

“ท่านครับ ให้ข้าลุยเถอะ!”

ณ ขณะนี้

เย่ชิวมาที่ข้างหน้าผู้คุมกฎสิบ

ผู้คุมกฎสิบมองไปที่เย่ชิว และพยักหน้า: “ได้ เจ้าลองนำพาคนจำนวนหนึ่งลุยขึ้นไปดู ดูซิว่าหยางเฟิงมีกลอุบายอะไรมั้ย และจงจำไว้ ต้องระวังตัวให้มาก!”

การออกหน้าของเย่ชิว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คือการช่วยกู้หน้าให้ผู้คุมกฎสิบ!

“ได้ครับ!”

เย่ชิวกวาดตามองกุ่ยเหมินทุกคน และพูดเสียงดัง “ใครที่ยินดีจะลุยไปกับข้า จงก้าวออกมา!”

พูดจบ

ฟิ่ว!

ฟิ่ว!

ฟิ่ว!

สาวกลูกศิษย์ของกุ่ยเหมินเกือบสามสิบคนก็ก้าวออกมา

“ดี!”

เย่ชิวพยักหน้าอย่างพอใจ: “สมแล้วที่เป็นคนของกุ่ยเหมินเรา วันนี้พวกเราจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่า กุ่ยเหมินของเราไม่ใช่เต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง!”

ในขณะเดียวกัน

เย่ชิวก็หันหน้าไปมองหยางเฟิงอย่างยั่วยุและท้าทาย

หยางเฟิงเบ้ปากและพึมพำกับตัวเองว่า “ไอ้โง่เอ๊ย!”

“ลุย!”

เย่ชิวแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่หยางเฟิงพูด และนำสาวกสามสิบคนพุ่งเข้าหาบันไดสวรรค์

จางเทียนซานและคนอื่น ๆ มองไปที่เย่ชิว และปรากฏสีหน้าเย้ยหยัน

จางเทียนซานก็เป็นเพราะประมาท ถึงได้ล้มอยู่ที่ล่างบันได

ตอนนี้เขาก็อยากจะดูว่า กุ่ยเหมินนี้มีความสามารถแค่ไหน?

ในขณะเดียวกัน

สายตาของทุกคนก็มองไปที่พวกเย่ชิว

ทุกคนกำลังรอดูอยู่

ว่าหยางเฟิงมีวางกลอุบายอะไรไว้หรือไม่?

เพียงครู่เดียว

เย่ชิวก็มาถึงขั้นบันไดสวรรค์

เขาพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม: “ทุกคนจงระวังตัวไว้ อย่าหุนหันพลันแล่น!”

“ครับผม!”

สาวกกุ่ยเหมินสามสิบคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน

แม้เย่ชิวต้องการจะพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่ใช่เต่าที่หดหัวในกระดอง

แต่เขาก็รู้ว่า

หยางเฟิงคนนี้ หน้าเนื้อใจเสือ เหลี่ยมจัดปลิ้นปล้อน

ถ้าการปีนขึ้นบันไดสวรรค์ไม่มีปัญหาอะไรจริง หยางเฟิงก็คงขึ้นไปตั้งนานแล้ว มีหรือจะรอพวกเขาอยู่ที่นี่?

ขั้นบันไดพวกนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่!

เห็นเพียงเย่ชิวสูดหายใจเข้าลึก และก้าวขึ้นบันไดไป

ทุกอย่างสงบเป็นไปด้วยดี

และไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น

เย่ชิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดอย่างเย้ยหยันว่า: “พูดทำเป็นเหมือนมีอะไร!”

ในความคิดของเขา

หยางเฟิงก็คือตั้งใจ