ตอนที่ 556 หล่อนไม่ธรรมดา / ตอนที่ 557 คนสมควรตายอย่างหลินจื้อเฉิง

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 556 หล่อนไม่ธรรมดา 

 

 

           แววตาของงจิ้นหยวนวูบไหว “ครับ” 

 

 

           จิ้นเฮ่าพยักหน้า เรือนผมสีขาวที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์นั่นประกายเงาสว่าง “แกไปเถอะ รีบพาเธอกลับมา จะปล่อยให้หลานของตระกูลจิ้นอยู่ข้างนอกนานไม่ได้” 

 

 

           คิ้วของจิ้นหยวนกระตุก เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เก็บเอาไว้ เขาหมุนตัวออกเดิน แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้จึงรีบหันกลับไป แล้วพูดกับพ่อว่า “ผมอยากขอให้พ่อช่วยผมสักเรื่อง” 

 

 

           “ว่ามา นอกจากจะให้ฉันไปหยุดแม่แก เรื่องอื่นๆ ฉันช่วยได้หมด” ตอนนี้หลังจากที่จิ้นเฮ่าได้ผ่านเรื่องหร่วนเซียงเซียงมาแล้ว นิสัยของเขาก็เหมือนจะเปลี่ยนจากเมื่อก่อนไปอย่างสิ้นเชิง 

 

 

           จิ้นหย่วนเองก็นึกขึ้นได้ น้ำเสียงที่พูดออกไปจึงอ่อนลงกว่าเดิม ดูเหมือนว่าระหว่างทั้งสองคนก็จะดีขึ้นด้วย “ผมอยากให้พ่อช่วยดูเจียงจื่อเสียนเอาไว้หน่อย” 

 

 

           จิ้นเฮ่าเลิกคิ้ว “ก็หล่อนบอกว่าจะย้ายออกแล้วไม่ใช่หรือ?” 

 

 

           จิ้นหย่วนส่ายหน้า “คงไม่ยอมง่ายขนาดนั้น ผมคิดว่าช่วงนี้เธอคงไม่คิดจะออกไปจากที่นี่แน่ๆ” 

 

 

           ที่จริงความคิดนี้จิ้นเฮ่าเองก็คิดอยู่บ้างจึงพยักหน้าให้เบาๆ “ได้ พ่อจะคอยดูให้” 

 

 

           ถึงแม้ว่าจิ้นเฮ่าจะอายุมากแล้ว ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง แต่สมองกับกระบวนความคิดยังเฉียบคมอยู่ ถึงเจียงจื่อเสียนจะมีแผนอะไรในใจ แต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ได้แสดงออกอะไรให้เห็นมากนัก 

 

 

           จิ้นหย่วนที่ได้ยินพ่อตอบแบบนั้นก็วางใจ ถึงขั้นทำสิ่งที่ไม่เคยทำด้วยการพูดออกไปอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณครับ” 

 

 

           จิ้นเฮ่าที่หันหลังให้เขาแล้วก็ชะงักไปทั้งร่าง จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านเหมือนว่าไม่ได้สนใจอะไร ทำเหมือนว่าไม่ได้ยินประโยคนั้นอย่างไรอย่างนั้น แต่ว่าถ้าหากตอนนี้มีคนยืนมองอยู่ตรงหน้าตนละก็ ตอนนี้ใบหน้าของจิ้นเฮ่ากำลังแสดงสีหน้าออกมาแล้ว ดวงตาของเขาเปล่งประกายแสงวาววับขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ 

 

 

           นานแค่ไหนแล้วนะ ตั้งแต่ที่ตนบังคับให้ลูกชายแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น เขาก็ไม่เคยได้ยินน้ำเสียงและคำพูดที่อ่อนโยนจากลูกชายอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เหมือนว่าได้กลับไปอยู่ในความทรงจำเหล่านั้นอีกครั้ง 

 

 

           ความรู้สึกแบบนี้มันช่างดีจริงๆ… 

 

 

           แล้วเขาก็ยิ้มบางๆ ออกมา 

 

 

           พอจิ้นหยวนออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลจิ้นแล้วก็ได้รับข้อความเข้าทำเอาเขานั่งเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นก็พังมือถือทิ้งไปในห้องหนังสือ 

 

 

           เขามั่นใจมากว่าเฉียวซือมู่จะต้องอยู่กับมันแน่ๆ แต่เขากลับไม่มีหลักฐานอะไรเลยสักอย่าง ฉีหย่วนเหิงป้องกันตัวเธอเอาไว้อย่างดี ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนก็ยังไม่สามารถหาได้ว่าเธออยู่ที่ไหนกันแน่ ข้างกายมีใครบ้างหรือเปล่า ร่างกายของเธอแข็งแรงดีไหม ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า 

 

 

           เขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ทำเอาเขาที่ปกติสามารถควบคุมทุกอย่างได้เกิดความกลัวขึ้นมา 

 

 

           ใช่แล้ว ความกลัว 

 

 

           คนที่ไม่เคยกลัวฟ้ากลัวดิน หรือถึงแม้ฟ้าจะถล่มดินจะทลายก็ยังคงเผชิญหน้าด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยได้เสมออย่างเขากำลังกลัว 

 

 

           เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด  

 

 

           เขาระบายอารมณ์ออกมาเต็มที่ ก่อนจะพยายามสงบจิตใจของตัวเองลงแล้วกำชับลูกน้องว่าให้จับตาฉีหย่วนเหิงเอาไว้ให้ดี ถ้ามีข่าวอะไรให้รีบรายงานเขาทันที 

 

 

           หลังจากที่ทำเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาถึงได้ลากสังขารร่างกายที่หนักอึ้งกลับไปอาบน้ำและพักผ่อน แต่ทว่าพอเอนตัวลงบนที่นอนก็ดันคิดถึงเวลาปกติที่ข้างกายตนจะมีหญิงสาวตนหนึ่งนอนอยู่ด้วย รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนั่น แววตาที่มองมาที่เขามันเปล่งประกายสวยงามเสียยิ่งกว่าดวงดาวบนฟ้า 

 

 

           ความคิดถึงเหล่านั้นมันกำลังกัดกินเขา ทำเอาร่างกายที่ถึงจะอ่อนล้าแค่ไหนก็ไม่มีท่าว่าจะหลับลง สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้แล้วลุกขึ้นมา รีบลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกจากบ้านไปกลางดึก 

 

 

           เขาแค่รู้สึกว่ามันอึดอัดในอกจนแทบจะระเบิดออกมา และจะต้องรีบหาที่ที่ระบาย ในค่ำคืนดึกดื่นแบบนี้ จะมีที่ไหนเทียบได้กับผับบาร์ที่เต็มไปด้วยเหล้าดีๆ ได้อีกเล่า 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 557 คนสมควรตายอย่างหลินจื้อเฉิง 

 

 

           เขานำรถมาจอดยังบาร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ไม่สนใจแม้กระทั่งหญิงสาวแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมังสาหน้าประตูที่พอเห็นเขาก็ตาเป็นประกายเลยสักนิด ขายาวก้าวเข้าไปข้างในทันที พอประตูถูกเปิดออกเสียงดังกระหึ่มก็พุ่งเข้าหูของเขาทันที  

 

 

           เสียงเพลงเหล่านั้นบางคนก็อาจจะคิดว่ามันน่าหนวกหู แต่กับสายตาบางคนมองว่ามันเป็นเสียงที่แสนไพเราะ 

 

 

           แต่ในสายตาของจิ้นหยวนนั้นไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น เขาไม่ได้สนใจมัน หรือแม้แต่สายตาหยาดเยิ้มที่ถูกส่งมาจากเหล่าสาวเซ็กซี่เขาก็ไม่สนใจ พอหาบาร์เจอเขาก็ตรงเข้าไปนั่งทันที 

 

 

           “วิสกี้ไม่ใส่น้ำแข็ง” 

 

 

           บาร์เทนเดอร์ชะงักมือไปเล็กน้อย แล้วมองเขาอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบหลบตาแล้วเทเหล้าให้เขาเสียเต็มแก้ว 

 

 

           เขาคว้ามันมาแล้วกระดกดื่มทีเดียวรวด จากนั้นก็วางกลับไปที่เดิมอย่างแรง “เทอีก” 

 

 

           ครั้งนี้บาร์เทนเดอร์ไม่มองเขาแม้แต่น้อย รีบเทให้เขาใหม่ 

 

 

           แล้วก็หมดภายในรวดเดียวอีกครั้ง 

 

 

           “เทอีก!” 

 

 

           เป็นแบบนั้นอยู่หลายรอบ แอลกอฮอล์ที่ฤทธิ์แสบร้อนไหลลงไปอยู่ในกระเพาะของเขา ความรู้สึกที่เหมือนกำลังถูกแผดเผาทำให้เขาลืมความเจ็บปวดในใจไปได้ชั่วขณะหนึ่ง ทำให้เขาเริ่มที่จะลองมองบรรยากาศที่อยู่รอบๆ ตัวเอง 

 

 

           ที่นี่เป็นที่ที่ดีเลย เขาสรุปเองอยู่ในใจ 

 

 

           ถึงแม้ว่าการตกแต่งของที่นี่จะไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย แต่มันก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนรู้สึกพอใจได้ แสงสีไม่มากไป ดนตรีก็ดี ที่สำคัญก็คือคนที่นี่ดูแล้วก็เหมือนจะรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ดูเหมือนไม่ใช่ที่ที่มามั่วสุมกัน 

 

 

           แต่ทว่า ที่นี่ก็มีจุดที่ไม่ดีเหมือนกัน อย่างเช่นในตอนนี้ เริ่มที่จะมีผู้หญิงหลายคนส่งสายตาหยาดเยิ้มมาที่ตนอีกแล้ว 

 

 

           เขาขมวดคิ้ว วันนี้เขาแค่อยากออกมาดื่มเหล้า แล้วปล่อยให้บรรยากาศรอบๆ มันพาอารมณ์เหงาจนแทบจะเป็นบ้านี่ออกไป ไม่ได้คิดที่จะมาหาผู้หญิงอะไรทั้งนั้น 

 

 

           แต่เขาไม่ทันรู้ตัวเลยสักนิด ว่าตั้งแต่ที่ตัวเองเดินเข้ามาก็มีสายตาของผู้หญิงนับถ้วนมองมาที่ตัวเองแล้ว  

 

 

           ในสายตาหลายๆ คนถ้าเกิดว่าตาไม่ได้บอดก็จะรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นของดี เพียงเสี้ยววินาทีสายตาของหญิงสาวเหล่านั้นก็กลายเป็นเหมือนเสือตัวเมียในป่าที่หิวโซมาหลายวันอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาเผยแววความกระหายอยากออกมาจนเหมือนอยากจะกลืนกินเขาลงท้องเสียให้ได้ 

 

 

           จิ้นหยวนไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นเลยสักนิด เขาเอาแต่ดื่ม จากนั้นก็กวาดสายตาเย็นชาไปยังกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจก็คือ มักจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายชื่อเข้ามานั่งอยู่ข้างๆ เขาตลอด หลังจากนั้นก็จะถูกเขาไล่กลับไปด้วยคำพูดต่างๆ 

 

 

           จนสุดท้าย เขาก็เริ่มหงุดหงิด ลุกขึ้นและเตรียมตัวที่จะเช็กบิล แต่พอลุกขึ้นยืน ร่างทั้งร่างก็มึนไปหมด ความรู้สึกอ่อนแรงของขาทั้งสองข้างทำให้เขาต้องนั่งลงกลับไปที่เดิมอย่างช่วยไม่ได้  

 

 

           แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเพิ่งจะดื่มเหล้าแรงไปตั้งหลายแก้ว และมันก็เกินลิมิตที่ตัวเองจะดื่มได้แล้วด้วย  

 

 

เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี 

 

 

อาการมึนหัวค่อยๆ เริ่มจู่โจมขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงใช้สติสุดท้ายที่เหลืออยู่ควักมือถือออกมาแล้วโทรหาหลินจื้อเฉิง พอโทรติดแล้วก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรอยู่ พูดออกไปสั้นๆว่า “ฉันอยู่ที่จีอาร์ มารับฉันที” พูดจบก็วางสายทันที 

 

 

จีอาร์คือชื่อของบาร์แห่งนี้ แต่ถ้าเป็นคนทั่วๆ ไปที่อยู่แถมนี้ก็ไม่มีมีใครไม่รู้จัก 

 

 

พอเขาโทรเสร็จก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา เหลือบสายตาไปมองฟลอร์เต้นรำที่เต็มไปด้วยผู้คน 

 

 

ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเขาก็ค่อยๆ เลือนราง ร่างของคนที่ขยับไปขยับมาตรงหน้าเริ่มแทนที่ด้วยเงาเข้ม แม้หูก็ยังได้ยินเสียงดนตรีเบาลงทุกที  

 

 

แต่จิตใจของเขายังตื่นดี รู้ได้ว่าเวลามันค่อยๆ ดำเนินไปเรื่อยๆ และข้างกายก็เริ่มมีผู้หญิงเดินเข้ามามากมาย แต่เขากลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงสาวที่ตัวเองอยากเจอ 

 

 

ให้ตายเถอะ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หลงทางอย่างนั้นเหรอ