ตอนที่ 558 ให้ฉันส่งคุณกลับบ้านนะคะ / ตอนที่ 559 เพื่อนคุณได้เปรียบนะ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 558 ให้ฉันส่งคุณกลับบ้านนะคะ 

 

 

           ชักจะพึ่งอะไรไม่ได้เข้าไปทุกที คราวหน้าจะต้องเปลี่ยนคนให้ได้ 

 

 

           เขาค่อนขอดอยู่ในใจ ตัดสินใจที่จะพยายามอีกสักรอบ พยายามลุกขึ้นยืน แต่พอยืนขึ้นมาได้ก็มึนจนล้มลงไปอีก ขามันพันกันไปหมด ร่างกายเซไปมาคุมไม่อยู่ 

 

 

           ความหงุดหงิดงุ่นง่านเริ่มก่อตัวขึ้นมา 

 

 

           ดูท่าว่าคงจะต้องรอให้มันมาแล้วล่ะมั้ง เหอะ โคตรหงุดหงิดเลย 

 

 

           เขาต้องนั่งลงกลับไปที่เดิมอย่างไม่มีทางเลือก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ ที่ด้านหลังของเขาจะมีมือของใครบางคนยื่นเข้ามาประคองร่างตัวเองเอาไว้  

 

 

           ไอ้บ้าหลินจื้อเฉิงโผล่หัวมาได้แล้วหรือไง 

 

 

           ในใจของเขาเริ่มโล่ง พอกำลังจะหันกลับไปมอง กลับได้กลิ่นจางๆ ของน้ำหอมที่คุ้นเคย 

 

 

           เขาขมวดคิ้ว ในในเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา 

 

 

           “ใคร?” เขานวดคิ้วตัวเอง พยายามที่จะทำให้ตัวเองมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เขาหันกลับไปเพื่อที่จะมองว่าเป็นใคร แต่ทั้งร่างกลับเซจนเกือบจะล้มลงกับพื้น 

 

 

           คนข้างหลังร้องขึ้นอย่างตกใจ แต่ก็เข้ามาคว้าตัวเขาไว้ได้ทัน จากนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงนั้นคือใคร คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน “ทำไมถึงเป็นเธอ” 

 

 

            เจียงจื่อเสียนค่อยๆ ย้ายตัวไปอยู่ข้างๆ เขา มือทั้งสองข้างยังเข้าไปประคองแขนของเขาอย่างมุ่งมั่น บนใบหน้ามีรอยยิ้ม ราวกับว่าไม่ได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของจิ้นหยวนอย่างไรอย่างนั้น “พี่ใหญ่จิ้น พี่ดื่มมากไปหรือเปล่าคะ ให้ฉันพาไปส่งที่บ้านเถอะค่ะ” 

 

 

           พูดจาได้อย่างอ่อนน้อมและนุ่มนวล สำหรับสายตาของคนนอกแล้วคงจะคิดว่าเธอเป็นแฟนสาวของเขา พอเธอพูดจบ มือคู่นั่นก็เริ่มออกแรงเบาๆ จิ้นหยวนเองก็เซไปตามแรงจนไปอยู่ข้างตัวเธอ ท่าทางการกระทำดูสนิทสนมไม่น้อย  

 

 

           ท่าทางแบบนั้นทำเอาเหล่าหญิงสาวที่ยังไม่ยอมแพ้ถูกทำลายความหวังสุดท้ายจนหมดสิ้น  

 

 

           ดูจากท่าทางที่สนิทสนมคุ้นเคยกันแบบนั้น จะบอกว่าเธอไม่ใช่แฟนสาวของเขา ใครจะไปเชื่อ 

 

 

           แต่ในใจของจิ้นหยวนจะสมยอมหรือไม่นั้นก็มีแค่ตัวเขาเองที่รู้ 

 

 

           อย่างไรซะตอนนี้เจียงจื่อเสียนก็เป็นคนพาจิ้นหยวนไปแล้ว ถึงแม้ว่าแต่ละก้าวจะก้าวไปอย่างเชื่องช้า แต่มันก็มั่นคงพอที่จะเดินผ่านประตูไปได้ 

 

 

           โชคดีที่ถึงแม้ว่าบาร์ที่นี่จะมีคนมาคู่เดทเยอะ แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วเป็นคนที่มีคุณสมบัติดี มีหลายคนที่ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่ง อย่างมากก็แค่ส่งสายตาไม่พอใจให้เจียงจื่อเสียนเท่านั้น 

 

 

           ใบหน้าของเจียงจื่อเสียนยังคงเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน แต่จริงๆ แล้วในใจของเธอมันกำลังเต้นแรงสุดๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้  

 

 

           เพราะก่อนหน้านี้ถูกจิ้นหยวนต่อว่าอย่างโหดร้าย ต้องหนีไปร้องไห้ในห้องเสียยกใหญ่ ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นฉินเพ่ยหรงจะขึ้นมาปลอบใจ แต่เธอก็ยังสงบใจไม่ลงเสียทีก็เลยกะว่าจะออกหาเพื่อนเพื่อสนุกเสียหน่อย เรื่องพวกนี้ตอนที่อยู่เมืองนอกเธอก็ทำเป็นประจำ 

 

 

           แต่ไม่นานนักเธอก็พบว่าตัวเองช่างโชคดีเสียจริง ถึงได้มาเจอเข้ากับคนในใจที่กำลังใช้เหล้าย้อมใจและดูเหมือนจะเมาแล้วด้วยเสียอย่างนั้น  

 

 

           ในเวลาแบบนี้ถ้าเธอไม่ลงมือละก็คงจะต้องรู้สึกผิดต่อโชคชะตาที่สวรรค์อุตส่าห์มอบให้เธอมาแน่ๆ  

 

 

           ในใจของเธอมันสับสนสุดๆ ใจหนึ่งก็กำลังนึกถึงช่วงเวลาที่เธอและเขาจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง อีกใจก็กำลังกลัวว่าเดี๋ยวเขาจะได้สติขึ้นมาหรือเปล่า ในขณะที่กำลังสับสนอยู่นั้นก็ดันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่รดรินอยู่บนลำคอของตัวเอง ทำเอาเธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้แต่ในใจก็ยังรู้สึกแบบนั้น  

 

 

           โคตรจะโชคดี ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจิตใจของจิ้นหยวนเองก็กำลังย่ำแย่ ถึงได้ดื่มจนเมามายแบบนี้ จากที่เธอสังเกตดูมาตลอดทางแล้วไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้สติขึ้นมาเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะเมายิ่งกว่าเดิมด้วย ดูไปก็เหมือนว่ากำลังจะหลับไปอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

           ขนาดเธอยัดเขาเข้าไปในที่นั่งเบาะหลังของรถตัวเองอย่างไร้มารยาทเขาก็แทบจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ  

 

 

           จิตใจของเธอยิ่งตื่นเต้นขึ้นมาทุกที  

 

 

           เธอปิดประตูรถลง ในใจรู้สึกดีเป็นอย่างมากที่วันนี้ตัวเองขับรถออกมา  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 559 เพื่อนคุณได้เปรียบนะ 

 

 

           ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงจะทำไม่ได้ง่ายๆ แน่ 

 

 

           แต่ในขณะที่เธอกำลังจะขับรถออกไปนั้น จิ้นหยวนก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที หางตาของเธอเหลือบไปเห็นรถคุ้นตาคันหนึ่งวิ่งเข้ามาในโรงจอกรถ จากนั้นก็จอดลง 

 

 

           เธอรีบหดตัวลงทันที แอบร่างของตนเองไว้หลังรถ จากนั้นก็มองดูหลินจื้อเฉิงที่พอลงมาจากรถก็มองมาทางนี้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้ายาวออกจากโรงรถไปในทันที 

 

 

           แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เหมือนจะเห็นว่าจิ้นหยวนโทรศัพท์หาใครบางคน  

 

 

           ใจเธอตระหนกขึ้นมาทันที หลังจากที่เห็นว่าหลินจื้อเฉิงไปจากตรงนี้แล้ว เธอก็รีบพุ่งตัวไปหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกของเขาแล้วจัดการปิดเครื่อง 

 

 

           พอจัดการเสร็จแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็เริ่มคิดต่ออย่างตื่นเต้นว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่พอหันตัวกลับไปอีกทีก็พบว่าจิ้นหยวนกำลังลืมตาอยู่ และสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นพอดี 

 

 

           การสบตาในครั้งนี้มันเกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เธอใจเสีย รู้สึกตกใจจนแทบจะลุกหนีออกไปอยู่แล้ว ในหัวมันมีแค่คำเดียวที่นึกออก ‘ซวยแล้ว’ 

 

 

           เธอรีบเปลี่ยนความคิดของตัวเอง และพยายามหาคำแก้ตัวสวยหรู แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะแค่มองเธออยู่ครั้งเดียว ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงไปอีกครั้ง 

 

 

           นี่มัน… 

 

 

           เธอรู้สึกโล่งอกแล้วเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าที่เขาลืมตาขึ้นมาเมื่อกี้นี้ มันเหมือนว่าเขาไม่ได้มองอะไรเลยสักอย่าง เห็นได้ชัดว่าที่เขาลืมตาขึ้นมานั่นไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย จริงๆ แล้วสมองของเขาอาจกำลังหลับอยู่ก็ได้ 

 

 

           พอเธอรู้แบบนั้นแล้วก็โล่งอก ให้ความรู้สึกเหมือนได้รับของมีค่าหลังจากที่ผ่านอะไรหนักๆ มา  

 

 

           หลังจากมั่นใจแล้วว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆ เธอก็ไม่คิดที่จะรอช้าอีก รีบเหยียบคันเร่งออกไปทันที รีบขับออกไปให้ไกลจากตรงนั้น 

 

 

           ส่วนในบาร์ หลินจื้อเฉิงมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังสนุกสนานอยู่ตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจ ทำไมถึงไม่เห็นแม้แต่เงาของจิ้นหยวน เขายกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงงวย ในใจก็รู้สึกกลัดกลุ้ม ไหนบอกว่ารอเขาอยู่ที่นี่ไง? แล้วทำไมถึงไม่เห็นเลยล่ะ? 

 

 

           เขาคิดๆ แล้วลองมองหาอีกทีก็ยังไม่เจออยู่ดี สุดท้ายก็ต้องยกมือถือขึ้นมาโทรหาอย่างไม่มีทางเลือก แต่กลับพบว่ามือถือถูกปิดเครื่องไปแล้ว 

 

 

           นี่มันอะไรกัน 

 

 

           เขาคิดๆ อีกที สุดท้ายก็มองไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยุ่งอยู่ตรงหลังบาร์ 

 

 

           หนุ่มหล่อคนนั้นได้ยินสิ่งที่เขาพูด เหมือนคิดอะไรบางอย่างแล้วถามออกมา “กำลังหาผู้ชายใส่สูทที่บุคลิกดีดูมีฐานะหรือเปล่าครับ” 

 

 

           “ใช่” หลินจื้อเฉิงตื่นตัวขึ้นมาทันที 

 

 

           ชายหนุ่มยักไหล่ “หมอนั่นน่ะ เมื่อครู่นี้มานั่งดื่มอยู่ตรงหน้าผมเองแหละ ดื่มไปได้เยอะพอดู จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาพาออกไป” 

 

 

           ในสายตาของเขาเรื่องพวกนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปจึงพูดออกมาตรงๆ 

 

 

           แต่หลินจื้อเฉิงสนใจขึ้นมาทันที ขมวดคิ้วถามออกไป “ผู้หญิงแบบไหน? นายรู้จักหรือเปล่า?” พูดพลางวางธนบัตรลงบนโต๊ะ ชายหนุ่มจากตอนแรกที่กำลังรู้สึกเซ็งๆ ก็ตาเป็นประหายขึ้นมา คว้ามันไปก่อนที่จะมีท่าทีดีขึ้น “เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวสวยทีเดียว ดูท่าทางมีสง่าราศี น่าจะเป็นพวกบ้านมีเงินน่ะนะ” 

 

 

           เขาพูดจบก็มองหลินจื้อเฉิงที่มีสีหน้าประหลาดใจแล้วหัวเราะออกมาอย่างมีนัยยะ “ถ้ากำลังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขา ฉันว่าไม่จำเป็นหรอกนะ ผู้หญิงคนนั้นเห็นได้ชัดว่าสนใจในตัวเขา เพื่อนคุณไม่มีอะไรเสียหายหรอก แถมไม่แน่ว่าอาจจะได้เปรียบด้วยซ้ำ ถือเป็นเรื่องดีสิถึงจะถูก” 

 

 

           หลินจื้อเฉิงยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป กล่าวขอบคุณคนคนนั้นแล้วเดินออกไปทันที 

 

 

           ผู้ชายเมากับผู้หญิงที่เกิดถูกใจเขาขึ้นมาอยู่ด้วยกันทั้งคืนจะทำเรื่องอะไรได้ใครๆ ก็เดาออก ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาก็ควรที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกลับบ้านใช่ไหม แล้วถ้ามันไม่ใช่แบบนั้นล่ะ 

 

 

           เขาไม่ลืมหรอกนะว่าธุรกิจของตระกูลจิ้นนั้นมีศัตรูมากน้อยแค่ไหน