บทที่ 1753 - แทรกแซงการต่อสู้ เหตุการณ์กลับตาลปัตร

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1753 – แทรกแซงการต่อสู้ เหตุการณ์กลับตาลปัตร
  ในไม่ช้าพลังของหยางเคินก็ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นและพยายามกดดันเหยียนอวี้เจียงกลับ
  ความแข็งแกร่งไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ใช้วัดการต่อสู้ระหว่างยอดยุทธประสบการณ์การต่อสู้และความเชี่ยวชาญในวิทยายุทธ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจทุกวินาที ฉะนั้นเหล่ายอดยุทธทุกคนก็ไม่ควรประเมินค่าปัจจัยภายนอกต่ำเกินไป
  ในช่วงพริบตาหยางเคินสามารถกดดันเหยียนอวี้เจี้ยงได้โดยอาศัยทักษะการต่อสู้ของเขา เขาปลดปล่อยทักษะที่น่ากลัวเหมือนว่าตัวเขากำลังจะพลิกผืนทะเลให้กลับด้าน เขาจงใจจะกำจัดเหยียนอวี้เจี้ยงภายในกระบวนท่าเดียว
  แต่ดูเหมือนการกระทำของเขาก็ยังไม่อาจตัดสินชี้ขาดได้แม้ว่าเหยียนอวี้เจียงจะเสียเปรียบ แต่เขาก็ไม่ได้โดนกดดันจนถึงจุดที่เขาพลาดท่า ในช่วงพริบตา ควันสีขาวโพลนก็ปรากฏรอบตัวของเหยียนอวี้เจียง มันเหมือนไอน้ำที่คอยพรางตัวเขา
  บทเพลงแห่งอสูรสมุทร!!
  นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชิงสุ่ยได้เผชิญหน้ากับบทเพลงแห่งอสูรสมุทร!!อย่างไรก็ตามพลังของมันในครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าครั้งที่แล้วที่เขาได้ยินจากเหยียนสือหยุน มันคือบทเพลงแห่งสงคราม ที่ใช้เพิ่มพลัง และความมุ่งมั่นของตนเองและบั่นทอนความมั่นใจของศัตรู
  ในไม่ช้าหยางเคินก็ต้องสูญเสียความได้เปรียบที่เขามี ในขณะที่เหยียนอวี้เจียงก็เริ่มเหมือนปลาที่แหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ ในช่วงแรกของการต่อสู้ เหยียนอวี้เจียงเหมือนเร่งรีบที่จะสังหารหยางเคิน แต่ในตอนนี้ เขากลับเต็มไปด้วยความสงบนิ่งเหมือนไม่รีบร้อนที่จะทำเช่นนั้นอีกต่อไป ท่าทางของเขาเหมือนแมวที่กำลังเล่นกับหนู
  ทรราชหอกราชันย์!!
  ร่างกายของหยางเคินส่องประกายแสงสีทองสดใสหลังจากนั้นกลิ่นอายที่ทรงพลังก็ระเบิดพุงพล่านออกมาจากร่างกายของเขา เขายื่นหอกในมือของเขาออกไปข้างหน้าและเอนเอียงร่างกายเหมือนกับคันธนู
  เหยียนอวี้เจียงไม่ประมาทหยางเคินอีกต่อไปทันใดนั้นกำแพงน้ำแข็งขนาดยักษ์ก็ปรากฏ น้ำแข็งที่ถูกสร้างขึ้นเกิดจากพลังปราณก่อกำเนิด ซึ่งทับซ้อนกันจนมีความหนาและความแข็งแกร่งเหล็กลี้ลับหลายเท่า
  โฮกกกกก!!
  หยางเคินแทงหอกออกไปพร้อมกับร่างกายของเขาท้องฟ้าก็เกิดประกายรอยแยกสีดำทมิฬ พร้อมกับแสงวาบ กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
  ปังงงงง!!
  เศษน้ำแข็งกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้าภายในนั้นปรากฏร่างมนุษย์ที่กำลังยืนอยู่กันคนละฝั่ง หยางเคินสภาพทางอ่อนแรง หน้าอกของเขายุบพองในลักษณะที่กำลังหายใจหอบหืด บริเวณมุมปากของเขาปรากฏให้เห็นเป็นคราบเลือด อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยที่กำลังมองดูอยู่ด้านล่าง บ่งบอกได้ทันทีว่าทั้งสองคนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  ”จงปล่อยทักษะสังหารของเจ้าซะมิฉะนั้นก็จงตาย!!”ขณะที่เหยียนอวี้เจียงกล่าวอาวุธที่มีลักษณะคล้ายกับซ้อมที่อยู่ในมือของเขาก็กลายเป็นสีโปร่งใส มันผู้ออกไปจนกลายเป็นลำแสงหิมะ พร้อมกับเสียงขู่ร้องเหมือนงู
  หยางเคินรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยในตอนนี้เขาไม่รู้วิธีที่จะเอาชนะศัตรู แต่เขาก็ยังพยายามรักษาความสงบ และควบคุมตนเอง ไม่ให้หลงกลในคำยั่วยุศัตรู
  ”ตายยยยย!!”
  ยักษาพิโรธ!!
  รัศมีรอบร่างกายเหยียนอวี้เจียงขยายอาณาเขตเป็นวงกว้างอย่างฉับพลันหลังจากนั้นเขาก็ขว้างส้อมตรงเข้าใส่หยางเคิน
  สีหน้าของหยางเคินถูกแรงกดดันจนเริ่มบิดเบี้ยวแต่ดวงตาของเขายังคงมั่นคง พร้อมกับขว้างหอกออกไปโดยไม่ลังเล
  หนึ่งเพลงหอกขจัดวารี!!
  ทันทีที่เขาปลดปล่อยพลังกลิ่นอายรอบร่างกายของเขาก็พวยพุ่ง มันให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังสวมชุดเกราะหนา โดยที่ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน
  ทางด้านของเหยียนอวี้เจียนเขากลับรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนมหาศาลในขณะที่พลังรอบตัวของเขากำลังถูกดูดหายไป ความเร็วของเขากำลังลดลง และความแข็งแกร่งก็เริ่มหมดไป หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เหยียนอวี้เจียนก็เริ่มตื่นตระหนก จนลืมไปว่าเขากำลังทำการต่อสู้อยู่
  ปังงงงงง!!
  เหยียนอวี้เจียงถูกอัดกระแทกกระเด็นไปข้างหลังพร้อมกับกระอักเลือดคำโตออกมากลางอากาศ ตอนนี้กระแสทิศทางผู้ชนะกำลังถูกควบคุมอยู่ภายใต้เงื้อมมือของชิงสุ่ย เขาทำให้ผู้ที่ได้เปรียบ กลายเป็นผู้ถูกกระทำ จนบาดเจ็บหนัก
  เหยียนอวี้เจียงในตอนนี้บาดเจ็บสาหัสอย่างมากจะมีโอกาสที่เขาจะตายได้ตลอดเวลาในขณะเดียวกันหยางเคินก็รู้ดีว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีโอกาสที่จะพรากชะตาชีวิตของเขาไปได้ตลอด เขาจึงยอมรับความจริง และปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มี เพื่อต้านทานการโจมตีของเหยียนอวี้เจียง
  และเมื่อสภาพอากาศโดยรอบกลับสู่ปกติทั้งสองคนยังคงรู้สึกงงงวย ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะอะไร
  หยางเคินไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีแม้แต่น้อยขณะที่เหยียนอวี้เจียงกำลังเผชิญหน้ากับความปราชัยอย่างแท้จริง
  หยางเคินเป็นทั้งคนที่ฉลาดและโหดเหี้ยมเขาพร้อมจะสังหารศัตรูแม้ว่าศัตรูจะบาดเจ็บก็ตาม เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจ จึงกระทำการรัดกุม เพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีก
  หยางเคินร่างกายกลายเป็นเพียงแค่แสงเงาก่อนจะไปปรากฏเพื่อโจมตีเหยียนอวี้เจียงจากทางด้านหลัง
  ”บังอาจจจจ!!”
  ยอดยุทธคนอื่นๆที่อยู่ฝั่งของเหยียนอวี้เจียงเมื่อเห็นสถานการณ์เสี่ยง พวกเขาก็พุ่งออกไปเพื่อพยายามหยุดการโจมตีของหยางเคิน novel-lucky
  แน่นอนว่าทางฝั่งคนของพระราชวังหยางแดนเหนือก็ไม่ได้มาเพื่อยืนดูเหตุการณ์เฉยๆผู้อาวุโสของพระราชวังหยางแดนเหนือรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว “พระราชวังอสูรแดนมหาสมุทร เจ้าคิดจะใช้จำนวนคนเข้ารังแกผู้อื่นอีกอย่างนั้นหรือ”
  ทั้งชิงสุ่ยและมูหยุนชิงเก้อได้เคลื่อนย้ายตัวเองขึ้นไปยืนอยู่บนหลังมังกรหยกขาวเพื่อเฝ้าดูการต่อสู้ที่วุ่นวายอยู่เบื้องหน้าแม้ว่ากลุ่มพระราชวังอสูรแดนสมุทรจะไม่ได้สูญเสียกำลังพลไปทั้งหมด แต่ก็ถือว่ามันคือความเสียหายร้ายแรง พวกเขาคงไม่อาจฟื้นคืนกำลังได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และด้วยพลังของชิงสุ่ย มันจะทำให้พวกเขาเหมือนตกนรกทั้งเป็น
  ผู้คนจากพระราชวังอสูรแดนสมุทรหนีหัวซุกหัวซุนครึ่งนึงถูกสังหาร แต่พวกเขายังโชคดีที่สามารถพาตัวเหยียนอวีเจียงหนีไปได้
  เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงหยางเคินก็รีบกลับลงมาที่พื้นดิน และมองไปหาชิงสุ่ยพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสมาก”
  แม้ว่าหยางเคินจะไม่รู้ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นแต่ด้วยสัญชาตญาณของเขา เขาเชื่อมั่นว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มคนนี้ โลกที่เต็มไปด้วยพลังและผู้แข็งแกร่ง อายุจึงไม่ใช่ตัวบ่งบอกความสามารถที่แท้จริง คนที่แข็งแกร่งย่อมได้รับความนับถือ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่หยางเคินจะแสดงความนับถือชิงสุ่ยในฐานะผู้อาวุโสของเขา
  ชิงสุ่ยยิ้มขณะจ้องมองหยางเคิน”อย่าได้กังวล ข้าเป็นเพียงคนที่เผอิญเดินผ่านมาแถวนี้เท่านั้น พวกพระราชวังอสูรแดนสมุทร ทั้งไร้เหตุผลและหยิ่งทะนงเกินไป พวกมันจะต้องพบเจอกับหายนะในไม่ช้านี้แน่”
  ”พวกเราคือคนจากตระกูลหยางต้องขออภัยจริงๆที่ทำให้ท่านต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถ้าหากพวกมันคิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับท่าน ท่านก็บอกพวกข้าได้เลย แม้ว่าข้าจะต้องบุกน้ำลุยไฟเผชิญหน้าภัยอันตราย ข้าก็จะตอบแทนบุญคุณของท่านให้ได้”หยางเคินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  ”ข้าขอขอบคุณและท่านก็ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อข้าเลย”
  ”พระราชวังหยางแดนเหนือของพวกเราอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนักข้าอยากจะเชิญท่านผู้อาวุโสไปเยี่ยมชมพระราชวังหยางแดนเหนือของพวกเรา เพื่อให้ข้าได้มีโอกาสขอบคุณท่านอย่างถูกต้องได้หรือไม่?”หยางเคินกล่าวคำพูดด้วยความระมัดระวัง
  ”เรียกข้าว่าชิงสุ่ยเถิดตัวข้านั้นน่าจะมีอายุน้อยกว่าท่าน ถ้าหากท่านไม่รังเกียจ ก็จงคิดซะว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน และอีกอย่างหากไม่เป็นการหยามเกียรติเกินไป ข้าขอเรียกท่านว่าพี่หยาง ท่านคิดว่าอย่างไร?” ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าวถาม ด้วยความรู้สึกของเขา เขาเชื่อมั่นว่าผู้นำของพระราชวังหยางแดนเหนือเป็นคนที่มีความสามารถในการวางตัวที่ดี และยังมีบุคลิกที่ดีอย่างมาก
  ”ดีเยี่ยม!!ทีแรกข้าก็ต้องการเช่นนั้น แต่ข้าเกรงว่ามันจะเป็นการหยามเกียรติของน้องชิงสุ่ย”
  ”อืมถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวลา ไว้ข้าจัดการธุระทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะกลับมาเยี่ยมชมพระราชวังหยางแดนเหนือของพี่หยาง”
  ”น้องชายชิงสุ่ยข้าดูออกว่าเจ้ากำลังรีบร้อน จะเป็นไรหรือไม่ ถ้าหากข้าจะขอถามถึงปัญหาที่ท่านกำลังเผชิญ ในฐานะที่ข้าได้เป็นพี่ชายของท่าน มีสิ่งใดที่พี่ชายคนนี้พอจะช่วยเหลือได้บ้าง?”หยางเคินกล่าวถามหลังจากสังเกตเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของชิงสุ่ย
  หลังจากลังเลสักพักหนึ่งชิงสุ่ยก็พยักหน้า “ข้ากำลังออกตามหาดอกมุทราศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยเหลือใครบางคน และจุดหมายที่ข้ากำลังมุ่งหน้าไปคือถ้ำมหาสมุทรเสียงสวรรค์”