1858-2 vs 1859-1 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1858-2
คุณตาพ่อบ้านเอ่ยกลั้วยิ้ม “นายน้อยของผมให้ความสำคัญต่อคุณชายฉินมากครับ ครั้งนี้ที่คุณชายฉินออกไปปฏิบัติภารกิจ เธอตามไปด้วยครับ แถมพาตัวคุณชายฉินที่บาดเจ็บกลับมาซ่อนตัวไว้ที่บ้าน คุณคงทราบว่าเธอถือว่าคุณชายฉินเป็นผู้ล้ำค่ามาก ไม่รู้ว่าเธอไปเจรจากับฝ่ายทหารยังไง ถึงได้เก็บตัวคุณชายฉินไว้ได้”
คุณท่านอานได้ยินแล้ว เกิดความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ “ที่แท้แม่หนูนั่นก็พาตัวกลับมานี่เอง” การออกไปปฏิบัติภารกิจของหลานท่านถือเป็นความลับเสมอ กระทั่งคนเป็นตาที่มีทั้งพลังและอำนาจยังไม่อาจรู้ แต่ยิ่งเป็นความลับระดับสูง ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความอันตราย ท่านเองก็มีเพื่อนที่ทำธุรกิจที่สามเหลี่ยมทองคำเช่นกัน ซึ่งได้บอกท่านว่าเกิดอะไรขึ้นคร่าวๆ
ท่านนอนไม่หลับหลายวัน เกรงว่าหลานท่านจะอยู่กลางกองเพลิงในแม่น้ำสายนั้น ต่อมาท่านติดต่อหลานไม่ได้เลย ฝ่ายโน้นแจ้งข่าวมาว่าฉินมั่วอยู่ในสภาวะจิตใจไม่แน่นิ่ง เขาที่คำสั่งที่ฝังทางจิตกำเริบ อาจจะกลายเป็นอาชญากรสากล ยิ่งเขาฉลาดแค่ไหนก็ยิ่งอันตรายมาก
เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว ท่านรู้สึกหนาวใจ หลานท่านที่เด่นเป็นเลิศกลับต้องตกอยู่ในสภาพนั้น ไม่มีใครสักคนที่เชื่อใจหลานท่านเลยหรือ?
ตอนนั้นท่านก็ไปที่บ้านสกุลฉินเช่นกัน ถึงได้พบว่า ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อ แต่เพราะอันตรายมากต่างหาก นอกจากพ่อแม่แท้ๆแล้ว ใครบ้างที่กล้าอยู่ใกล้เขา เว้นแต่พวกทหารที่อยู่ในความดูแลของฉินมั่วที่เอาร่ำร้องขอพบหัวหน้าตัวเองให้ได้
ทว่ายังไม่อาจช่วยอะไรบ้าง คนที่หาเขาเจอ คอยดูแลเขา ทั้งยังเลือกอยู่ข้างเขาในเวลานั้น ได้ยินมาว่าเป็นคนแซ่ฟู่ ทำไมถึงได้กลายเป็น…
คุณท่านอานขมวดคิ้ว “แล้วตระกูลฟู่…”
สำหรับเรื่องนี้ คุณตาแต่งเรื่องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว “หลังจากที่นายใหญ่ลาโลกไป ก็มีขบวนการที่จะทำลายความมั่นคงของโลกแฮกเกอร์ ซึ่งอยากหลอกใช้แฮกเกอร์มาก่อเรื่อง ถ้านายน้อยปลอมตัวเป็นเด็กม.ปลาย จะยิ่งมีประโยชน์ต่อการพรางตัว เธอรู้ว่าคุณชายอยู่เมืองเจียงเฉิน ก็เลยเลือกมาที่นี่”
คุณท่านอานเคยเห็บภาพเธอคนนั้นผ่านโลกออนไลน์มาก่อน ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย มาคิดดูในตอนนี้ มิน่าล่ะถึงได้คุ้น
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมเองก็ไม่มีเหตุผลจะไม่ตกลง” คุณท่านยิ้ม “แต่ แอลเลน คุณเข้าใจผิดแล้ว การจะเจรจาเรื่องการแต่งงานต้องเป็นฝ่ายชายมาขอฝ่ายหญิง ไม่ใช่ฝ่ายหญิงมาขอฝ่ายชาย”
เวลานี้ทั้งสองนั่งลง ผู้ช่วยรินชาให้
คุณตารับชามาอย่างสง่า ดื่มนิดหน่อยแล้วเอ่ยขึ้น “คุณอานครับ ผมไม่ได้เข้าใจผิดหรอก คือนายน้อยเป็นคนเอ่ยขึ้นเอง เธอว่าตอนนั้นเธอเอาเงินค่าขนมมาซื้อตัวเจ้าหญิงน้อยของเธอไว้ คุณตาอานเองก็รับปาก ตอนนี้จะมาเบี้ยวไม่ได้นะครับ”
คุณตาอานอึ้ง ท่านไม่คิดเลยว่า ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว กลับมาได้ยินคำพูดดังกล่าวซ้ำอีกครั้ง ทำให้ภาพของที่พวกท่านไปถึงเมืองนอกใหม่ๆ ปรากฏขึ้นในความคิด…
………………………………………………………..
ตอนที่ 1859-1
ลอสแอนเจลิสตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเมืองใหญ่ลำดับที่สองของสหรัฐอเมริกา ได้รับการขนามนามว่าเมืองแห่งทูตสวรรค์ เมืองนี้มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน อุณหภูมิอบอุ่น อากาศแห้งแล้ง มีฝนตกน้อยทั้งปี ฝนจะตกมากหน่อยในช่วงฤดูหนาว แสงตะวันสาดส่องสดใสตลอดปี น้อยครั้งที่อุณหภูมิจะติดลบ จึงไม่ค่อยได้เห็นหิมะ
ทว่าวันนี้กลับมีหิมะตกอย่างยากจะได้เห็น!
หิมะในยามค่ำคืนดูสวยเหลือเกิน ปกคลุมต้นไม้จนเหมือนเป็นอาภรณ์ประดับตัว รวมถึงโคมไฟรถฟักทองที่อยู่ตรงรั้วบ้านด้วย
บ้านหลังใหญ่แบบคลาสสิกสไตล์ยุโรป เข้ากันกับแสงไฟที่อบอุ่น แถมมีต้นคริสมาสต์ที่เห็นได้ทั่วไป และยังมีผู้คนสวมเสื้อโค้ทคอสูงที่เดินไปมา น้อยคนจะมีผมดำสนิท พวกเขามีเส้นผมหลากหลายสีสัน ผิวขาว จมูกโด่ง ราวกับพ่อมดแม่มดในหนังเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์
เมื่อบรรยากาศเหมือนเทพนิยาย คนที่อยู่ที่นี่จึงดูลึกลับ
ท่ามกลางแสงไฟข้างถนน รถยี่ห้อหงฉีผลิตจากประเทศจีนจอดอยู่นอกรั้วบ้าน เป็นที่รู้กันว่า น้อยครั้งจะได้เห็นรถยี่ห้อดังกล่าวในสถานที่แบบนี้ ตัวรุ่นของรถค่อนข้างเก่าแก่ แต่คนที่เล่นเรื่องรถต่างรู้ดีว่า รถยี่ห้อหงฉียิ่งเป็นรุ่นเก่าแก่ก็จะยิ่งราคาแพง
ไม่สิ ไม่ใช่แค่ราคาแพง แต่ยิ่งแสดงถึงสถานะของผู้เป็นเจ้าของด้วย เพราะในสมัยนั้น คนที่ขับรถยี่ห้อนี้ แถมยังขับในลอสแอนเจลิสได้อีก เกรงว่าจะมีชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น
คุณพ่อบ้านเป็นผู้มาเปิดประตูรถให้ โดยสวมถุงมือสีขาวคุณภาพดีไว้ เจ้าตัวเป็นชายหนุ่มผมสีทอง ทั้งยังพูดภาษาอังกฤษ “คุณครับ ถึงแล้ว”
คนบนรถไม่ได้รีบลงมา แต่หันหน้าไปชี้ชวนให้เด็กชายที่นั่งข้างตัวมองดูนอกหน้าต่างรถ “ต่อไปเราสองคนตาหลานจะอยู่ที่นี่ เป็นไงลูก ชอบไหม?”
พ่อหนูน้อยสวมเสื้อขนเป็ดสีขาวโดยมีฮู้ดติดตัว ปกเสื้อมีแถบขนสีขาว ทั้งยังคาดผ้าปิดปากสีดำไว้บนหน้า จึงเห็นหน้าตาของเขาไม่ชัด ได้ยินแค่เสียงที่เย็นแต่ดูเด็กมาก “อื้ม”
แค่ ‘อื้ม’ สำหรับเด็กแค่สี่ห้าขวบ ถือว่าเงียบเกินไป ทว่าผู้ชราที่นั่งในรถคงจะชินแล้ว จึงยื่นมือลูบศีรษะอีกฝ่าย “งั้นลงรถกันเถอะ”
“ครับ” พ่อหนูน้อยเดินตามลงมา ไม่ยอมให้พ่อบ้านช่วยถือกระเป๋าให้ แต่ลากตัวลากกระเป๋าด้วยตัวเอง
เป็นครั้งแรกที่คุณพ่อบ้านชาวต่างชาติได้เห็นหนูน้อยที่ทั้งมีมารยาทและดูลึกลับอย่างบอกไม่ถูก จึงก้มมอง “โอ้ กระเป๋าน่ารักจังเลยครับ”
หนูน้อยมองตามสายตาอีกฝ่าย กระเป๋าเดินทางรูปหมีแพนด้าที่ไม่เข้ากับบุคลิกเจ้าตัวเลยสักนิด ทว่าข้าวของจำพวกกระเป๋าเดินทาง ไม่ใช่สิ่งที่หนุ่มน้อยจะเลือกเองได้ เพราะเจ้าตัวมีแม่ที่ยังมีหัวใจสาวน้อยอยู่
เวลานี้ผู้สูงวัยกว่าหัวเราะขึ้นมา ท่านยังไม่เหมือนคนที่เป็นคุณตาได้ แค่มีจอนผมขาวทั้งสองข้างเท่านั้นเอง
“ข้างบ้านเรามีเด็กเอเชียคนหนึ่ง คุณชายมาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกลัวจะเหงานะครับ พวกคุณเล่นกันได้” คุณพ่อบ้านชาวต่างชาติคิดว่าพ่อหนูน้อยนิ่งไปเพราะแปลกถิ่น แต่พอเห็นเจ้าตัวยืนใต้แสงไฟก็รู้ว่าตัวเองคิดมากไปเอง เขาไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายที่ไหนที่เหมือนเจ้าชายน้อย
………………………………………….