ตอนที่ 446 คู่แข่งด้านความรักหรือ

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

ถังซีไม่คาดคิดว่าเธอจะเป็นหนี้ธนาคารจำนวนมากถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่เดอะควีนเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ถ้าเธอจ้างนางแบบชั้นนำมาเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของเดอะควีน เธอต้องล้มละลายแน่ 

 

 

นอกจากนั้น… ถังซีเม้มริมฝีปาก หากเธอใช้ตัวเองเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ เธอก็จะประหยัดเงินค่าจ้างนางแบบไปได้มาก และยังได้ขยับเข้าใกล้จุดมุ่งหมายยิ่งขึ้นไปอีก 

 

 

[ระบบแจ้งเตือน : เทพธิดาแห่งชาติ จะต้องเป็นเทพธิดาผู้มีศักยภาพรอบด้าน] 

 

 

ถังซีอึ้ง “…” 

 

 

ให้ตายสิ! เทพธิดาผู้มีศักยภาพรอบด้านอย่างนั้นหรือ ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนตั้งแต่ทีแรก! ฉันโกรธแล้วนะ! 

 

 

[ระบบแจ้งเตือน : เทพธิดาจะต้องเป็นสุภาพสตรีที่มีมารยาทงาม ผู้ไม่มีวันสบถด่าผู้อื่น โดยเฉพาะอย่ายิ่ง ไม่ด่าระบบที่รักยิ่งของเธอ] 

 

 

ถังซีอึ้ง “…” ทำไมจู่ๆ ฉันก็รู้สึกอยากจะทุบเจ้าระบบบ้านี่ขึ้นมา 

 

 

เฉียวเหลียงสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของถังซี เขาจึงเลิกคิ้วถามว่า “มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” 

 

 

ฉู่หลิงวางสายไปแล้ว ถังซีจึงเก็บโทรศัพท์ มองตอบเฉียวเหลียง “ทำไมคุณไม่ยอมเอาใบเรียกเก็บเงินให้ฉันดูล่ะ” 

 

 

เฉียวเหลียงนิ่งไปครู่หนึ่ง มองหน้าเธอ “ฉู่หลิงบอกคุณเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วเหรอ” 

 

 

ถังซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ ถึงแม้เราจะได้ใช้กระจกนิรภัยแบบพิเศษและคานรับน้ำหนักโปร่งใสฟรีๆ แต่ฉันก็ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยเงินของฉันเอง ไม่อย่างนั้นฉันคงรู้สึกไม่สบายใจ ฉันไม่อยากพึ่งพาคุณไปหมดทุกอย่าง และฉันก็อยากใช้หนี้ธนาคารด้วยตัวของฉันเอง” 

 

 

เฉียวเหลียงจ้องหน้าถังซีนิ่งอยู่ด้วยสายตาลึกซึ้งครู่ใหญ่ ก่อนจะกล่าวเสียงทุ้มว่า “ซีซี ผมเป็นคนรักของคุณนะ” 

 

 

“ฉันรู้ค่ะ” ถังซีกอดแขนเขาและยิ้มให้ “ฉันรู้ว่าคุณคือคนรักของฉัน ฉันยินดีเสมอเวลาที่คุณเลี้ยงอาหารและซื้อของขวัญให้ แต่ฉันไม่อยากจะพึ่งพาคุณในการดำเนินงานบริษัทของตัวเอง อาเหลียงคะ คุณก็รู้ว่าฉันอยากจะยืนเคียงข้างคุณให้ได้ด้วยความสามารถของฉันเอง” 

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ถังซีกล่าวต่อไปว่า “คุณรู้ดีว่าฉันจะหันไปขอความช่วยเหลือจากคุณ ในเวลาที่ฉันเจอกับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าฉันจะเอาแต่ขอให้คุณช่วยทุกครั้งที่มีเรื่องยุ่งยาก ฉันก็คงไม่รู้จริงๆ ว่าฉันจะอยู่รอดด้วยตัวเองได้ยังไง เพราะฉะนั้นเอาใบเรียกเก็บเงินให้ฉัน แล้วปล่อยให้ฉันหาทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ตกลงไหมคะ” 

 

 

เฉียวเหลียงถอนใจ และยิ้มอย่างยอมแพ้ ถังซีเสริมอีกว่า “ดูสิคะ ฉันแทบจะให้คุณดูแลทั้งชีวิตทั้งการกินอยู่ทุกอย่างแล้ว ที่ฉันยอมให้เป็นแบบนี้ก็เพราะคุณเป็นคนรักของฉัน” 

 

 

“ตกลง ผมจะเอาใบเรียกเก็บเงินให้คุณ แล้วคุณค่อยใช้คืนผมทีหลังก็แล้วกัน” เขาจ่ายเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปแล้ว เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน 

 

 

“อะไรนะ คุณจ่ายไปหมดแล้วงั้นเหรอ” ถังซีกะพริบตาปริบๆ จ้องหน้าเขา 

 

 

เฉียวเหลียงเอื้อมมือมาขยี้ผมเธอ “ผมไม่ปล่อยให้คนรักของผมเป็นหนี้คนอื่นหรอก” 

 

 

ถังซีทำปากยื่น โอบแขนไปรอบเอวเขา “แหม ช่างรู้สึกดีจริงๆ ที่มีแฟนอุปถัมภ์! คุณคงไม่คิดดอกเบี้ยฉันนะ ใช่ไหมคะ” 

 

 

เฉียวเหลียงอดไม่ได้ที่จะแตะปลายจมูกเธอเบาๆ “ไม่คิดแน่นอน” 

 

 

ทั้งสองออดอ้อนกันอยู่อีกครู่หนึ่ง แล้วจึงโทรชวนเฮ่อหว่านอีไปทานอาหารเช้าด้วยกัน แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้พบว่าทุกคนมากันหมด รวมทั้งเซียวจิ่งซึ่งได้ประกาศไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าเขาจะตื่นสาย ถังซีถามเขาด้วยรอยยิ้ม “มีเรื่องอะไรพิเศษเกิดขึ้นเหรอ ทำไมพี่ถึงตื่นแต่เช้า” 

 

 

“โหรวโหรว พี่มีเรื่องธุรกิจที่อยากจะต่อรอง” เฮ่อหว่านโจวเอ่ยขึ้น 

 

 

เฮ่อหว่านอียิ้มขณะกล่าวว่า “แฟชั่นโชว์ของเธอจะจัดขึ้นพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่เหรอ พวกเราเลยอยากไปดูสถานที่จัดโชว์กันวันนี้ ถ้ามีอะไรที่ช่วยได้ พวกเราเป็นเพื่อนกัน เราก็อยากจะช่วยเธอ” 

 

 

ถังซีรู้สึกซาบซึ้งใจมาก “ฉันจะเลี้ยงอาหารเช้าทุกคนเองค่ะ” แล้วเธอก็มองหน้าเฮ่อหว่านอี “พี่หว่านอี ฉันจำได้ว่าพี่มีงานตอนบ่ายวันนี้ไม่ใช่เหรอคะ” 

 

 

เฮ่อหว่านอีหยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดของใครบางคนที่พูดไว้กับเธอ จึงส่ายศีรษะ “ไม่มีแล้วจ้ะ พี่ยกเลิกงานตอนบ่ายวันนี้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ไปกับเธอได้” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้วแต่ไม่พูดอะไร ทั้งหมดนั่งล้อมรอบโต๊ะกลม เฉียวเหลียงสั่งอาหารไปพลางระหว่างที่ถังซีเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง เฉียวเหลียงเล่าเรื่องบางอย่างให้ถังซีฟัง เธอเบิกตาโตถามเขาว่า “จริงเหรอคะ แล้วเขามีท่าทียังไงบ้างคะ” 

 

 

“ก็ดูเหมือนจะรู้สึกดีนะ” 

 

 

ถังซีหัวเราะในลำคอ “พี่ลู่เป็นคนแข็งแกร่งเสมอ แล้วเขาว่ายังไงอีก จะไปคุยกับพี่เหวินนิ่งไหม ฉันคิดว่าพวกเขาต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันแน่” แล้วเธอก็เม้มริมฝีปาก “ไม่อย่างนั้น พี่เหวินนิ่งจะยอมเปิดเผยตัวเองง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง แล้วถ้าเธอต้องการจะฆ่าคุณกับพี่ลู่ เธอก็คงจะไม่โทรมา” 

 

 

ยิ่งคิด ถังซีก็ยิ่งมั่นใจว่าเธอคิดถูก 

 

 

เฉียวเหลียงพยักหน้า และเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็ต้องตกตะลึง ขณะที่คนอื่นๆ ไม่ทันสังเกตเห็นอาการของเขา เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเฉียวเหลียง ถังซีจึงเงยหน้าขึ้นบ้าง และตกตะลึงเช่นกัน… 

 

 

เหวินนิ่งในชุดกระโปรงสีขาวกำลังก้าวเข้ามาหาพวกเขา เธอยิ้มให้ทุกคน และถังซีก็ยิ้มตอบเธอ เฉียวเหลียงเลิกคิ้วขึ้น เหวินนิ่งมองเฉียวเหลียง และถามเขาว่า “ฉันขอคุยด้วยได้ไหมคะ” 

 

 

เหวินนิ่งมีเรือนร่างสูงโปร่ง รูปร่างมีส่วนโค้งเว้าสมส่วน เมื่อสวมชุดสีขาวราวหิมะเธอดูสวยมีเสน่ห์มาก ทุกคนหันไปมองเธอ แล้วหันกลับมามองเฉียวเหลียงด้วยความสงสัย… 

 

 

เฉียวเหลียงลุกขึ้น เดินนำไปที่มุมห้องด้านหนึ่ง เหวินนิ่งพยักหน้าให้ถังซี แล้วเดินตามเฉียวเหลียงไป 

 

 

เซียวจิ่งมองตามหลังเหวินนิ่งแล้วขมวดคิ้ว เขาทำเสียงจิกจักอยู่ในลำคอ พลางคิดว่าผู้หญิงคนนี้ดูคุ้นตามาก 

 

 

เฮ่อหว่านโจวมองหน้าถังซี ล้อเธอว่า “โหรวโหรว แฟนเธอไปกับคนสวยแล้ว! ทำไมยังนิ่งอยู่ได้ ไม่กลัวหรือว่าหล่อนจะมาขโมยคนรักของเธอไป” 

 

 

ถังซีมองหน้าเขาแล้วยักไหล่ “ถ้าอย่างนั้นพี่เฮ่อจะไปแย่งเฉียวเหลียงกลับมาให้ฉันไหมล่ะคะ” 

 

 

เฮ่อหว่านโจวจ้องหน้าถังซีด้วยดวงตาเบิกโพลง “โหรวโหรว นี่เธอไม่ไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่!” 

 

 

ถังซียิ้ม แล้วมองไปที่คนทั้งสองซึ่งกำลังสนทนากันอยู่ที่มุมห้อง พี่เหวินนิ่งคงจะมาหาเพื่ออธิบายเหตุผลให้ลู่หลีฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก เธอกับลู่หลีก็เหมือนเฉียวเหลียงกับถังซีในอดีต ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีความมั่นใจในตนเองสูงมาก หากไม่มีคนใดคนหนึ่งยอมก้าวเข้ามาก่อนหนึ่งก้าว เขาทั้งสองก็คงต้องพรากจากกันไปตลอดชีวิต… 

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพี่เหวินนิ่งจะมีความกล้ามากกว่าถังซี เธอมาหาลู่หลีก่อนเพื่อปรับความเข้าใจ 

 

 

เมื่อเห็นว่าถังซีเฝ้าสังเกตดูคนทั้งสองไม่วางตา เฮ่อหว่านโจวก็เข้าใจไปว่าถังซีกำลังหึงหวง เขามองถังซียิ้มๆ แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “โหรวโหรว เธอแทบจะเอาตาไปแปะไว้บนตัวพวกเขาอยู่แล้ว ทำไมไม่รีบพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น แล้วถามเลยว่า กล้าดียังไงถึงมาจีบแฟนเธอ!”