ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ช้าเป็นพิเศษสำหรับค่ายหนานตู้และคลื่นซอมบี้ก็หลั่งไหลมาไม่หยุดหย่อน ทำให้ทีมป้องกันตรงประตูค่ายต้องอยู่ในสภาวะตื่นตัวและต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ชาวบ้านที่อยู่ตัวเมืองชั้นในเองก็ออกมาร่วมต่อสู้ด้วยเรื่อยๆเพราะทุกคนรู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่ประตูค่ายแตกขึ้นมา มันก็จะถึงจุดจบของค่ายและทุกคนก็จะตายกันหมด
แน่นอนว่ามันมีอีกหลายคนที่เลือกที่จะหนีไป พวกเขาคิดว่าสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการหลบหนีไปจากค่ายหนานตู้ แต่ผลลัพธ์ก็คือทันทีที่พวกเขาออกมาได้ก็จะเจอกับคลื่นซอมบี้มหาศาลรุมกลืนกินจนเหลือแต่กระดูก
ทั้งค่ายถูกล้อมไปด้วยซอมบี้มหาศาลจนทำให้ค่ายหนานตู้กลายเป็นโดดเดี่ยวและถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง!
ทางเข้าประตูที่ชูฮันตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นสนามรบหลักเมื่ออาทิตย์ที่แล้วพังทลายไม่เหลือซากพื้นเต็มไปด้วยซากศพของทั้งซอมบี้และมนุษย์ ขณะที่หลายคนก็พยายามจะจุดไฟเผาเพื่อไม่ให้เกิดซอมบี้มากขึ้น พื้นที่ด้านนอกประตูค่ายมีสภาพเละตุ้มเป๊ะ จนไม่เหลือเค้าโครงของสภาพเดิมเลยแม้แต่น้อย
ทั้งค่ายเองก็เต็มไปด้วยควันหนาปกคลุมทำให้กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในค่ายมาเป็นปีตั้งแต่แรกเริ่ม ในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงคำว่าวันสิ้นโลกอย่างจริงๆ
มันไม่มีอะไรที่เป็นความสุขถาวรไม่มีความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ตามมันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤตขึ้นจนค่ายไม่สามารถป้องกันได้
ตลอดทั้งอาทิตย์ทุกคนนอนไม่หลับกันเลยสักคืน เสียงคำรามข่มขู่ของซอมบี้ดังกรอกหูอยู่ตลอดเวลา เสียงมันใกล้มากจนเหมือนกับพวกมันจะสามารถพังประตูเข้ามาได้ทุกเมื่อ
ชูฮันที่เร่งรีบมาจากค่ายหนานตู้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนก็หายตัวไปเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆจนหลายคนเริ่มเกิดความสงสัยและคาดเดา และข้อสงสัยก็แตกออกมาได้สองข้อหลักที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
บางคนคิดว่าชูฮันตายในคลื่นซอมบี้มหาศาลไปแล้วเนื่องจากว่ามันไม่มีวี่แววของชูฮันปรากฏให้เห็นเลยตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา
อีกกลุ่มก็พูดกันว่าชูฮันใช้โอกาสจากคลื่นซอมบี้มหาศาลหลบหนีไปเอาตัวรอดไปก่อนและอาจจะรอให้ค่ายอื่นๆมาช่วยและค่อยกลับมาตอนทุกอย่างสงบลงเพื่อเอาหน้า
แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องไหนก็ตามประเด็นสำคัญตอนนี้ของค่ายหนานตู้คือพวกเขาไม่สามารถปล่อยให้เกิดความวุ่นวายไปมากกว่านี้ได้แล้วเพราะทุกอย่างมันเหมือนพร้อมจะลงนรกได้ทุกเมื่อ
ท่ามกลางบรรยากาศสิ้นหวังชูฮันก็ใช้ความเร็วสุดกำลังของตัวเองวิ่งผ่านคลื่นซอมบี้มากมายมุ่งหน้าไปเมืองยหนานตู้ ส่วนสัตว์ที่นำทางก็มีการเปลี่ยนตัวระหว่างทางอยู่สองสามครั้ง
ชูฮันหอบหายใจขณะกำขวานซิ่วโหลในมือแน่นเป็นเพราะเขาวิ่งระยะทางไกลเป็นเวลาหลายวันไม่หยุดพัก ร่างกายของเขาเริ่มแสดงความเหนื่อย อ่อนล้าออกมา ตาแดงก่ำ ส่วนใบมีดคมสีดำของตัวขวานก็มีเลือดของซอมบี้ไหลลงตามแรงโน้มถ่วง
ชูฮันมองกลุ่มสัตว์ที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเงียบๆหัวใจเต้นรัวและกระชับก้ามขวานในมือให้แน่นขึ้น
แน่นอนว่าหลูปิงเซ่อคงส่งข้อมูลให้เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายฟังหมดแล้ว และสัตว์พวกนี้ก็ค้นพบเส้นทางและตำแหน่งของเป้าหมายทั่วทุกทิศทางในเมืองหนานตู้ไว้หมดนานแล้ว แต่ระยะห่างระหว่างเมืองหนานตู้และค่ายหนานตู้นั้นไกลเกินไป ทั้งมันยังมีอุปสรรคมากมายที่ชูฮันได้พบเจอระหว่างทางอีก ทำให้ระยะเวลามันยืดออกไปนานเพิ่มขึ้น novel-lucky
อย่างไรก็ตามเรื่องพวกนี้มันไม่สำคัญ ถ้าต้องการแก้ปัญหาฝูงซอมบี้ ก็จะต้องแก้ปัญหาที่ลูกผสมที่อยู่ในค่ายหนานตู้ ไม่อย่างนั้นไม่ว่าค่ายไหนจะอยู่ยงคงกระพันหรือเก่งกาจมากขนาดไหนก็ไม่มีทางต้านทานคลื่นซอมบี้มหาศาลที่บุกมาอย่างนี้ได้
มีเพียงแค่ลูกผสมที่ก่อให้เกิดการรวมตัวของคลื่นซอมบี้มหาศาลขึ้นไม่ว่าจะระยะเท่ากันหรือปริมาณเท่ากัน มันก็มากพอที่จะทำให้ชูฮันเกิดความเครียด
หลังจากเดินตามกลุ่มสัตว์ที่มานำทางชูฮันก็มาถึงจุดที่ลึกที่สุดของค่ายหนานตู้ ท้องฟ้าก็เริ่มเข้าสู่ความมืดและเริ่มบดบังวิสัยทัศน์การมองเห็นของชูฮันอย่างจริงจัง ซอมบี้รอบๆก็เริ่มรุมเข้ามาหาเขาจนหนาแน่น
การเผชิญกับซอมบี้จำนวนมากไม่ใช่เรื่องดีสำหรับชูฮันโดยเฉพาะยามค่ำคืนที่เขาเหนื่อยล้าสุดตัวอย่างตอนนี้…
เมื่อคิดได้เช่นนั้นชูฮันก็ตัดสินใจกระโดดขึ้นสูง ใช้พลังของมือและเท้าปีนป่ายขึ้นไปบนตึกสั้นข้างๆเพื่อขึ้นไปยังดาดฟ้า กลุ่มสัตว์น้อยใหญ่ที่นำทางชูฮันมาสมองของพวกมันไม่สามารถประมวลรูปแบบพฤติกรรมของชูฮันได้ออก แม้จะเห็นว่าจู่ๆชูฮันจะเปลี่ยนไปขึ้นที่สูง แต่ความเร็วของพวกมันก็ยังคงไม่หยุดและยังคงวิ่งมุ่งหน้าต่อไป
สิ่งที่ชูฮันต้องการก็คือการควบคุมและเลือกเส้นทางการเดินของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับซอมบี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพักผ่อนและเตรียมตัวเลย เขาพึ่งค้นพบว่ากลุ่มสัตว์ที่นำทางเขาเป็นพวกไม่มีสมอง มีซอมบี้หลายตัวตามทาง แต่พวกมันก็ยังเลือกที่จะใช้ถนนเส้นที่เต็มไปด้วยซอมบี้
นี้พวกมันโง่หรือกล้า?
ขณะที่ชูฮันกำลังตึงเครียดอยู่ในใจและมองตามกลุ่มสัตว์นำทางที่วิ่งนำหน้าอยู่ด้านล่าง จู่ๆมันก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นในอากาส ตามมาด้วยเสียงแตกหักและสัมผัสบางอย่างที่ผิดปกติพุ่งมาทางด้านหบังเขา
อยู่ที่ข้างหลังชูฮัน!
”พรึบ!” ชูฮันยกขวานซิ่วโหลขึ้นฟาดในอากาศโดยไม่ได้หันหน้าไปมองด้วยซ้ำแขนของชูฮันตวัดขวานไปที่ด้านหลังด้วยองศาที่สมบูรณ์แบบ เขาพึ่งสัญชาตญาณและปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณประกอบกับความแม่นยำของตัวเอง
”พั้วะ!”
ใบมีดดำคมกริบตวัดเข้าใส่วัตถุบางอย่างในอากาศอย่างแม่นยำ!
”ฉึก!”
เสียงเลือดพุ่งกระฉูดดังขึ้นครั้งนี้หลังจากมั่นใจว่าจัดการอีกฝ่ายได้แล้ว ชูฮันก็หันหน้ากลับมามองและทันทีที่ได้เห็น ชูฮันก็ฟาดขวานซิ่วโหลสับลงไปอีกครั้งเต็มแรง
”ฉึก!”
ฟาดใส่มันอีกครั้ง!
เกิดเสียงเลือดพุ่งกระฉูดอีกครั้งหนวดงวงดิ้นแด่วๆอยู่แทบเท้าชูฮัน
หนวดงวงทั้งสองอันเป็นภาพน่าขนลุกสำหรับคนมองทันใดนั้นชูฮันก็เริ่มจมอยู่ในความคิดอย่างตึงเครียด
นี้มัน…เผ่าพันธุ์ปีศาจ!
นี้มันเหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างสิ้นเชิงแม้แต่หวังไคที่หลบอยู่ในกระเป๋าชูฮันมาตลอดก็ยังช็อคไม่ต่างกัน ไม่ใช่ลูกผสมในเมืองหนานตู้แต่เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ?!
ราชานักลูกผสมมู๋เย๋ถึงกับมีเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ในมือ มันยังเร็วเกินไป!
ตอนนี้บนดาดฟ้าว่างเปล่า ราวกับว่าก่อนหน้านี้สิ่งที่โจมตีชูฮันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา