ตอนที่ 597 เหล่าฮูหยินกำลังเล่นไพ่นกกระจอก

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 597 เหล่าฮูหยินกำลังเล่นไพ่นกกระจอก

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ เดือนสี่ วันที่ยี่สิบห้า ยามราตรี ดวงดาราบนท้องนภาเมืองจินหลิงสุกสกาว ทั้งยังมีพระจันทร์เสี้ยวเด่นตระหง่าน

หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว ต่งชูหลาน หยูเวิ่นหวิน เยี่ยนเสี่ยวโหลว และซูโหรว ก็ได้นั่งอยู่หน้าโต๊ะไพ่นกกระจอกในหลีเฉินซวน

ในตอนนี้การเล่นไพ่นกกระจอกได้กลายเป็นความบันเทิงหลักของพวกนางไปแล้ว

เมื่อถึงจุดนี้ซูโหรวก็ไม่ปักผ้าอีกเลย หยูเวิ่นหวินก็ไม่ได้ตัดเย็บชุดทารกอีกแล้ว

สตรีทั้งสี่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน เสียงกระทบกันของไพ่นกกระจอกดังขึ้นมา แต่ละคนช่ำชองชนิดไร้ที่เปรียบ

“วันนี้ที่เข้าวัง เสด็จแม่กล่าวว่าท่านพี่กำลังเดินทางกลับมา คาดว่า…ประมาณ… คาดว่าน่าจะถึงจวนในวันที่ยี่สิบแปด”

“เก้า… ต่อจากนั้นก็จะเป็นการสอบเอินเคอ เลือกคนได้แล้ว… ประเดี๋ยว ลงสาม… หลังจากคัดเลือกคนได้แล้วเกรงว่าเขาจะต้องไปยังว่อเฟิงเต้าแล้ว” ต่งชูหลานกล่าวจบก็ได้วางสองเหรียญ

“เจ้ารอแล้วหรือ ? …หนึ่ง ท่านปู่บอกว่ามีคนไปว่อเฟิงเต้าจำนวนมิน้อยแล้ว ฮ่า ๆ ๆ เก้าเหรียญ… คนของแคว้นอี๋ที่อยู่ว่อเฟิงเต้าก็ได้ย้ายออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีมิมากเท่าใดแล้ว” เยี่ยนเสี่ยวโหลวกล่าวจบพร้อมลงหก

“ตบ…” ซูโหรวใบหน้ายิ้มแย้ม “พวกเจ้าอย่าได้วอกแวก ข้าล้างได้หนึ่งหน้าแล้ว รอแล้วนะ”

“ยอมให้ข้าจับไพ่ก่อนได้หรือไม่ ? ข้ายังมือตกอยู่เลย” หยูเวิ่นหวินเบะปากเล็กน้อย แต่ก็กล่าวอีกว่า “คน 3,000 คนที่ท่านพี่ส่งไปที่ว่อเฟิงเต้านั้นเก่งกาจยิ่ง พวกเขาได้จ้างกองทัพของเสด็จพี่ใหญ่ให้มาดูแลความเรียบร้อย จัดการ 300,000 คนที่เข้าไปยังว่อเฟิงเต้าให้พอเหมาะพอควร ข้าคาดว่า 3,000 คนนั้นจะได้รับหน้าที่สำคัญในว่อเฟิงเต้าจากท่านพี่ มิเช่นนั้นเสด็จพ่อจะดึงคนของท่านพี่ไปอีก”

“แต่เยี่ยงไรก็มิสามารถให้ได้ ท่านพี่ต้องฝึกปรือคนใต้บังคับบัญชาของตนเสียบ้าง มิเช่นนั้นจะมีอิสระได้เยี่ยงไรกัน ? แปด” เยี่ยนเสี่ยวโหลวกำลังมองไพ่ของตนอย่างมีความสุข แต่คาดมิถึงว่าซูโหรวจะหัวเราะขึ้นมา “ครบแล้ว ล้างหนึ่งหน้าสามรอบ ! ”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวหน้าสลดลงทันที ต่งชูหลานกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “พี่โหรวมีไพ่ที่ดีถึงเพียงนี้ แต่เยี่ยงไรก็ต้องสนใจอีกสามคนด้วยถึงจะดี”

“ข้าจะมิโลภ โลภทีไรเหมือนจุดระเบิดเสียทุกที… มิมีข่าวของซูเจวี๋ยบ้างหรือ ? ”

หยูเวิ่นหวินลูบมาหนึ่งแทรกไปสอง “ทราบว่าเจ้าคงจะคิดถึง ข้าเองก็ได้เอ่ยถามแล้ว กล่าวว่าศิษย์พี่ใหญ่ได้นำทหารดาบเทวะกองกำลังที่สามไปยังซีหรง พวกเขาได้พบกับจอมยุทธ์ชุดดำของฮุ่ยชินอ๋องที่ภูเขาเหวิน… ตบตบตบแปดแถว… เป็นทัพของซื่อจื่อหยูเล่อ ข่าวแห่งชัยชนะได้ส่งมาถึงแล้ว ศีรษะของหยูเล่อกำลังเดินทางมายังจินหลิง ซูม่อนำจอมยุทธ์ชุดดำ 80,000 คนที่ยอมจำนนตรงไปยังซีหรงแล้ว”

“แล้วพวกเขาจะกลับมาเมื่อใด ? ”

“ยังมิทราบ คาดว่าใช้เวลามินานหรอก ต้องเป็นช่วงก่อนเจ้าคลอดเป็นแน่”

วนกันอยู่หลายรอบ เยี่ยนเสี่ยวโหลวก็ได้ยิงใส่ต่งชูหลานอีก 1 นัด บัดซบ ! มิเหลือแม้แต่ตำลึงเดียว

นางถอนหายใจยาวออกมา มิใช่ว่ายิงออกไป 2 นัดหรอกหรือ “วันกำหนดคลอดของข้าและชูหลานน่าจะเดือนสิบ เขาคงจะกำลังยุ่งกับว่อเฟิงเต้า… มิรู้เหมือนกันว่าจะหาเวลากลับมาได้หรือไม่… เจ็ด”

“ฮ่า ๆ ข้าเองก็เข้าแล้ว ตองเจ็ด”

“มิใช่ว่าเจ้ามือตกหรอกหรือ ? ”

“เวลาเปลี่ยน พอจั่วมาก็ได้แต่ไพ่ดี ๆ ”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวเบะปากแล้วดึงกระเป๋าออกมา “วันนี้โชคมิค่อยดีเลย มามามา พวกเจ้าคนละ 1 ตำลึง, พี่โหรว 4 ตำลึง ข้าจะเอาคืนกลับมาให้หมด ! ”

เสียงถูยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง

“ไพ่นกกระจอกของพวกเราตอนนี้ขายดียิ่ง เป็นที่นิยมไปทั่วทั้งจินหลิง ข้าว่าควรจะสร้างโรงงานผลิตไพ่นกกระจอกในที่อื่น ๆ ด้วย”

“ของสิ่งนี้ทำกำไรได้เท่าใดกัน ? ” ในตอนนี้หยูเวิ่นหวินมิได้ใส่ใจเรื่องธุรกิจ นางเพียงเอ่ยปากถามไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น

“กำไรห้าเท่า ! ” ต่งชูหลานฉีกยิ้มสดใส “ไพ่นกกระจอกที่พวกเราขายในตอนนี้ใช้ไม้แกะสลัก ข้ารู้สึกว่าเล่นไปแล้วยังได้อารมณ์มิมากพอ ข้าคิดว่าควรใช้หินทำ นอกจากนั้นก็ทำโต๊ะไพ่นกกระจอกที่ดูมีระดับออกมาสักชุด ใช้หินหยกทำ ไพ่นกกระจอกหนึ่งชุดขายในราคา 1,800 ตำลึง”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวชะงักลงทันพลัน “แพงถึงเพียงนั้นจะมีคนซื้อหรือ ? ”

“ฮ่า ๆ เจ้าอย่าได้ดูถูกคนรวยเชียว นอกจากนี้ข้ายังวางแผนที่จะขายไพ่นกกระจอกหินหยกไปถึงราชวงศ์อู๋เลยด้วย”

“พวกเขาเล่นกันมิเป็นนี่”

“ของสิ่งนี้มิใช่ว่าเล่นง่าย ๆ หรอกหรือ เพียงแค่ทำคู่มือออกมา จากนั้นก็ให้พี่รองของข้าตามหาคนที่เรียนรู้ได้มาเผยแพร่ออกไป… หรือบางทีก็ท่านพ่อสามีไปเลย ตอนนี้เขาเป็นถึงจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ น้ำย่อมมิไหลเข้าทุ่งนาผู้อื่น ข้าครุ่นคิดว่าสินค้าของตระกูลเราจะรวมอยู่กับพ่อค้าหลวงของราชวงศ์อู๋ได้หรือไม่ ? ”

“แคว้นฝานก็ขายได้นะ ท่านพี่กับฝานเทียนหนิง… องค์ชายสิบสามผู้นั้น มิใช่ว่าเป็นสหายกันหรอกหรือ”

“ตอนนี้ยังปลีกตัวมิได้ พวกเรามิสามารถออกเดินทางได้ รอให้คลอดแล้วลูกโตขึ้นสักหน่อยค่อยคิดถึงแคว้นฝานเถอะ ท่านพ่อสามีมิใช่ว่าซื้อที่ดินในแคว้นฝานมาหรอกหรือ ในภายภาคหน้าพวกเราค่อยไปเที่ยวชมและจัดการธุรกิจก็ถือว่ายังมิสายเกินไป”

“เป็นความคิดที่ดี ไปแคว้นฝานพวกเราต้องเชิญท่านหัวหน้านิกายของนิกายฝูมาประทานพรให้แก่บุตรของพวกเราด้วย จากนั้นก็ขอวัตถุมงคล อำนวยพรให้พวกเขาเติบใหญ่ขึ้นมาอย่างแคล้วคลาดปลอดภัย”

“ได้ยินว่าน้อยครานักที่ท่านหัวหน้านิกายจะอุทิศตนให้ผู้ใด”

“สามีของพวกเรานั้นแตกต่าง เจ้ามิได้ไปยังราชวงศ์อู๋ด้วยจึงมิรู้ ท่านพี่ของพวกเราเป็นผู้จุดประกายให้ลูกศิษย์ที่เหี่ยวเฉาของเขาด้วยตนเอง”

“…ท่านพี่เข้าใจในพระธรรมด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ท่านพี่เข้าใจอันใดมากมายในใต้หล้า”

สตรีทั้งสี่เล่นไพ่นกกระจอกและสนทนากันอย่างสนุกสนาน จวนฟู่ท่ามกลางความมืดมิดของยามราตรีเต็มไปด้วยความสุข

แต่แล้ว ในค่ำคืนนี้กลับมีมือสังหารอั้นเหมินของลัทธิจันทราค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา พวกเขาบินมาถึงบนหลังคา ยังมิทันจะได้กระโดดเข้าไปในตัวเรือน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาที่ข้างหู

“เหล่าฮูหยินกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกันอยู่ พวกเจ้าอย่าเข้าไปรบกวนเลย”

“ผู้ใดกัน… ? ” มือสังหารทั้งสองตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน พวกตนคือผู้มีฝีมือระดับสูงขั้นหนึ่ง คาดมิถึงว่าตอนนี้ก็ยังมิพบว่ามีผู้ใดอยู่ทางด้านหลัง !

“ไอหยา… ข้าขอแนะนำตัวก่อน ข้าคือผู้เฝ้าประตูของจวนฟู่ เจี่ยหนานซิง… พวกเจ้าจะฆ่าตัวตายเองหรือจะให้ข้าเป็นคนลงมือ ? ”

ทั้งสองใจสั่นสะท้านขึ้นมา เป็นผู้มีฝืมือระดับปรมาจารย์ เจี่ยหนานซิง !

มารดามันเถอะ ! พวกเราถูกนักบวชหลอกเข้าแล้ว มิใช่บอกว่าจวนฟู่เหลือเพียงศิษย์คนที่สามของสำนักเต๋าหรอกหรือ เหตุใดเจี่ยหนานซิงถึงได้กลายมาเป็นผู้เฝ้าประตูของจวนฟู่กัน ?

พวกเขาย่อมมิยอมถูกจับ กระบี่สองด้ามจึงถูกชักออกมา ขันทีเจี่ยถอนหายใจยาว “เฮ้อ… ช่างมิประมาณตนเอาเสียเลย ! ”

ยังมิทันจะได้กล่าวจบ เขาก็ได้ชกออกไปสองหมัด ท่ามกลางสายตาของมือสังหารทั้งสองก็ได้มีดอกเหมยสองดอกบานสะพรั่ง

พลังแห่งหมัดได้กลายเป็นดอกเหมย !

นี่คือวิชาอันใดกัน !

ยังมิทันที่กระบี่ของพวกเขาจะได้ฟันออกไปก็พบเห็นดอกเหมยสองดอกกำลังลอยเข้ามา

ทุกกลีบดอกคือจิตวิญญาณแห่งกระบี่ คาดมิถึงว่าหมัดจะกลายเป็นดอกเหมย จิตกระบี่ดอกเหมย ในกลีบดอกไม้ปรากฏกระบี่นับหมื่นพุ่งเข้ามาในชั่วพริบตา

โลหิตสาดกระเซ็นทันพลัน ย้อมกลีบดอกเหมยจนกลายเป็นสีแดงฉานสดสวย

ขันทีเจี่ยยื่นมือออกไปคว้าศพทั้งสองเอาไว้ ลุกขึ้นยืนแล้วโยนศพลงไปในทะเลสาบซวนอู่

จากนั้นก็กลับไปบนหลังคาอีกครา มองความสงบสุขภายในหลีเฉินซวนที่อยู่ตรงกันข้าม ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา

“องค์ชาย ข้ารู้สึกว่าท่านควรจะแต่งงานให้ครบสักสองโต๊ะท่าจะดี สายเลือดของราชวงศ์อู๋ ต้องพึ่งพาท่านแล้ว ! ”

เขาจ้องมองไปยังที่แห่งนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลอยหายไป เสียงไพ่นกกระจอกในหลีเฉินซวนยังคงดังอยู่เช่นเดิม มีเพียงซูโหรวเท่านั้นที่เหลือบสายตามองออกไปด้านนอกเล็กน้อย