ส่วนที่ 4 ตอนที่ 92 มหัศจรรย์

ความลับแห่งจินเหลียน

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ที่เขาพูดมานั้นก็จริง แทนที่ผู้อาวุโสหูจะใช้เวลาและเรี่ยวแรง ไหนจะเงินทองอีกตั้งมากมายเพื่อไปหาหินที่เหลือจากการปิดฟ้า เช่นนั้นก็ไม่สู้เปิดบริษัทอัญมณีเพื่อหารายได้ ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขจะดีกว่า 

 

จ่านมู่ฮวามองเธออีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “เพราะอย่างนั้นเมื่อคุณพ่อวิเคราะห์แล้ว หลังจากผูกโยงเรื่องศิษย์ทางฝั่งใต้ได้ทั้งหมด ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่าหินที่เหลือจากการปิดฟ้านั้น เกรงว่าจะไม่ใช่ชิ้นส่วนของหยกธรรมดาๆ แล้ว” 

 

“อย่างนั้นก็มีเรื่องอะไรอีกหรือไง?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น คงไม่ได้จะบอกว่ามีความสัมพันธ์กับตำนานเทพหรอกนะ? แม้ว่าผู้อาวุโสหูจะพูดหลายต่อหลายครั้งว่าหยกเป็นเหินที่เหลือจากเทพธิดา แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ไม่มีทางเชื่อว่าในประวัติศาสตร์จะมีตำนานเล่นหินปิดฟ้าแบบนี้ 

 

ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเทพธิดาเป็นคนประเภทไหน? เธอยังเรียกว่าเป็นคนได้อีกเหรอ? คนที่สามารถสร้างคนได้ และคนที่เล่นหินมาปิดฟ้าน่าจะเป็นคนที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ อายุยืนยาวไม่มีทางตายสิ? 

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกใจเต้นแรงอยู่บ้าง ลำพังเพียงแค่หาหยกห้าสีสิบสีเจอได้นั่นก็ถือเป็นโชคครั้งใหญ่แล้ว เธอไม่กล้าฝันถึงการหาหินปิดฟ้าในตำนานให้เจอหรอก แม้ว่าในใจลึกๆ ก็คาดหวังที่จะพบเห็นสักครั้ง 

 

การเดิมพันหยกสายนี้มีวิธีการเล่าขานมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แค่มองก็ถือว่าได้ครอบครอง คำพูดนี้ล้วนเข้าใจดี ของบางอย่างแค่มองผิวเยินเพียงครั้งเดียวก็รู้สึกเป็นโชคดีแล้ว ถ้าอยากได้หยกชั้นดีพวกนั้นมาเก็บไว้ครอบครอง คงต้องเหมือนพระภิกษุในราชวงศ์ถังสักรูปหนึ่งที่ฝึกวิชามาสิบชาติถึงเห็นผล 

 

“ประวัติศาสตร์บอกไว้ว่า เทพธิดามีหน้าตาเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงู” จ่านมู่ฮวาพูด 

 

 “อืม” ซีเหมินจินเหลียนเรียนภาษาจีนมา หนังสือภาษาจีนโบราณส่วนมากล้วนมีบันทึกประวัติของเทพธิดาอยู่ ในนั้นต่างบันทึกว่าเทพธิดาและสามีของเธอต่างมีหน้าตาเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงู 

 

“หยกที่คุณเอามาจัดแสดงในงานชิ้นนั้น คุณเรียกว่าอะไรนะ? หยกราชางูใช่ไหม?” จ่านมู่ฮวาถาม 

 

ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วไม่คลาย มีคนนำหยกก้อนนั้นกับเทพธิดามาประติดประต่อกันแล้ว ความกังวลในใจของเธอไม่มีผิด 

 

“นั่นเป็นแค่ซากฟอสซิลหยกที่มีงูประหลาดอยู่ข้างในก็เท่านั้น!” สีหน้าของซีเหมินจินเหลียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เธอยังคงยกมุมปากเชิดขึ้นและแสยะยิ้มน้อยๆ ผู้ชายที่ปากบอกว่ารักเธอ แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เขาสนใจทั้งหมดก็ล้วนเป็นหยกของเธอทั้งนั้น 

 

จ่านมู่ฮวาทางหนึ่งก็ขอเธอแต่งงาน อีกทางก็แสดงออกให้เห็นว่าสนใจหยกของเธอเป็นอย่างมาก        แถมสำหรับจ่านมู่ฮวาแล้ว ทรัพย์สินเงินทองธรรมดาไม่ได้ทำให้เขาใจเต้นแรงได้แล้ว เป้าหมายของเขาน่าจะเหมือนกับผู้อาวุโสหู ทำเพื่อหินปิดฟ้าจากตำนานเท่านั้น 

 

“จินเหลียน ทำไมคุณต้องหลอกตัวเองและคนอื่นด้วย?” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า “ในใจคุณก็รู้ดีว่างูที่ผ่านการกลายเป็นฟอสซิลหยกไม่ใช่แบบนี้ อีกอย่างถ้าไม่เกินไปจากที่ผมคาดเดา คุณน่าจะเข้าใจเรื่องงูมากกว่าคนธรรมดาเสียอีก” 

 

“ฉันจะไปเข้าใจเรื่องงูได้ยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัว “ฉันเติบโตจากชนบท เรื่องที่ฉันไม่กลัวงูก็อีกเรื่อง แต่เรื่องเข้าใจงูนี่ล้อเล่นอะไรกัน?” 

 

“ร่องรอยงูที่คอของผมยังไม่หายไปเลย” จ่านมู่ฮวาพูดพลางในขณะที่กระชากคอเสื้อไปด้วย เผยให้เห็นผิวที่ขาวใสยังคงมีรอยงูแดงระเรื่ออยู่ให้เห็น 

 

“คุณพูดวกไปวนมา ก็เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา “หยกราชางูก้อนนั้นกับหินปิดฟ้าของเทพธิดามีความสัมพันธ์กันหรือเปล่าน่ะเหรอ?” 

 

“ใช่!” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “และผมก็อยากจะรู้ว่ามันเป็นหินปิดฟ้าที่หลงเหลืออยู่หรือเปล่า” 

 

“ไม่ใช่!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าหินที่เหลือจากการปิดฟ้ามีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง แต่ฉันยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่หินปิดฟ้า และไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเทพธิดานั่น มันก็แค่หยกธรรมดาก้อนหนึ่ง” 

 

“หยกธรรมดาที่มีการกักขังงูแปลกประหลาดโบราณอยู่ในนั้น?” จ่านมู่ฮวาพูด “คุณน่าจะเห็นแล้วนี่ว่าผิวส่วนหัวของงูมันเหมือนผิวของคน…” 

 

“ผิวของงูตัวนั้นดีกว่าฉันมาก!” ซีเหมินจินเหลียนกัดปากพูด “ฉันมองแล้วยังอิจฉาไม่หายเลย” 

 

“คุณลองคิดดูสิ มันอาจจะเป็นเทพธิดาก็ได้นะ?” จู่ ๆจ่านมู่ฮวาพูดอย่างน่าสนใจ 

 

“นี่คุณอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เทพธิดาเหรอ? คุณเชื่อว่ามีเทพธิดาจริงๆ น่ะเหรอ?” 

 

“ผมเชื่อ!” จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูด “ไม่ใช่แค่คนตะวันออกที่ตามหาความมหัศจรรย์จากสิ่งโบราณเหล่านี้ แต่ในตะวันตกยังมีนักสำรวจอีกมากมายที่ยังตามหาความมหัศจรรย์นี้ เพียงแค่บางทีความจริงอาจจะถูกคนปกปิดด้วยเจตนา” 

 

“ฉันยอมเชื่อในวิทยาศาสตร์มากกว่า” แม้ว่าปากของซีเหมินจะพูดออกมาอย่างนั้น แต่ในใจเธอมีแต่ความสงสัย 

 

“โอเค พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ได้” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า “แต่เรื่องแต่งงาน…คุณไม่ลองคิดทบทวนให้ดีหน่อยเหรอ” 

 

“ให้ฉันเอาหยกราชางูไปแต่งงานกับคุณ? ให้คุณศึกษาค้นคว้าถึงปาฏิหาริย์ของมันน่ะเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “คุณเห็นว่าฉันโง่ หรือว่าคุณโง่กันแน่?” 

 

“ผมไม่ได้ทำไปเพราะหยกราชางู” จ่านมู่ฮวายิ้มออกมา “ผมคิดว่า ผมอาจจะรักคุณเข้าแล้วจริงๆ” 

 

“ประโยคนี้ แม้แต่เด็กสามขวบยังไม่เชื่อเลย” ซีเหมินจินเหลียนตัดเยื่อใยคำพูดหลอกลวงของเขา 

 

“ผมจะจีบคุณจนกว่าคุณจะยอมตอบตกลง” จ่านมู่ฮวาพูด “คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าการปรากฏตัวของคุณ ทำให้บรรดาสำนักฝ่ายใต้ไม่รู้กี่คนต่อกี่คนได้เห็นถึงความหวัง…” 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัย การปรากฏตัวของเธอทำให้ศิษย์จากฝั่งใต้ที่เหลือมีความหวัง? หรือว่านอกจากตระกูลจ่าน ยังมีใครอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ 

 

ฉินเฮ่า? ซีเหมินจินเหลียนเมื่อคิดก็เข้าใจขึ้นมา หรือเพื่อนสาวคนสำคัญอะไรนั่น เป็นแค่คำหลอกลวง? เป้าหมายของพวกเขาก็เพียงแค่อยากจะยืมมือของเธอเพื่อตามหาความมหัศจรรย์ในตำนานก็เท่านั้น 

 

“โอเค” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “ฉันยอมรับว่าฉันสนใจในตำนานมหัศจรรย์นั้นมาก ถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะไปตามหามันและพิสูจน์มันดู ฉันไม่รังเกียจที่จะร่วมงานกับคุณ แต่ถ้าอยากจะแต่งฉันเข้าบ้านคุณด้วยความโกหก คุณเก็บคำพูดนี้ไปให้คุณหนูจางต่งเอ๋อร์ฟังจะดีกว่า พูดความจริงแล้วฉันคิดว่าพวกคุณทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก ผู้หญิงสวยผู้ชายหล่อ ถ้าในอนาคตมีลูกด้วยกันคงจะต้องน่ารักมากแน่ๆ” 

 

“นี่คุณพูดไปถึงไหนกัน?” จ่านมู่ฮวายิ้มขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก “ผมกับเธอ เป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาเท่านั้น” 

 

“อ้อ…อย่างนั้นเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นก็เสียดายแย่” ซีเหมินจินเหลียนพูด “จริงๆ แล้วฉันก็ยังมีเรื่องอยากขอร้องคุณนะ…” พูดถึงเท่านี้ เธอก็จงใจหยุดพูดลง 

 

“ขอร้องอะไรเหรอ” จ่านมู่ฮวายิ้มถามขึ้น 

 

“ขอให้จางต่งเอ๋อร์มาถ่ายโฆษณาหยก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “โฆษณาให้กับบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ นี่ยังจำเป็นต้องตามหาความมหัศจรรย์ด้วยไหม คนที่ต้องการเงินทองความสามารถก็นับว่ามีไม่น้อย ฉันยังต้องพยายามหาเงินถึงจะถูก” 

 

“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากคุณอยากจะทำโฆษณาให้บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ ไปขอให้เธอมาถ่ายโฆษณาให้ก็ได้ ผมจะติดต่อให้คุณเอง” จ่านมู่ฮวาพูด 

 

“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า พรีเซนเตอร์โฆษณาถือว่าตกลงได้แล้ว แม้ว่าบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่จะเดินในเส้นทางของหยกชั้นดีล้ำค่า แต่เรื่องการโฆษณาก็คงจะขาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นใครจะไปรู้จักกัน? 

 

“ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว พวกเราก็ไปดูการเดิมพันหยกกันไหม? ดูสิว่าสามารถใช้โอกาสนี้ชนะสักรอบหรือเปล่า” จ่านมู่ฮวาพูดเชื้อเชิญ 

 

“ฉันกำลังคิดอยู่พอดี” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าแล้วลุกขึ้นมา ความจริงแล้วถ้าใช้ความสามารถพิเศษในการมองทะลุผ่านของเธอ การเดิมพันสายนี้เธอก็ไม่มีทางแพ้ แต่การเดิมพันหินหยกใหญ่ครั้งนี้ เธอจะทำให้มันเป็นที่ชัดเจนแก่สายตาคนอื่นมากไม่ได้ 

 

“เมื่อครู่คุณบอกว่า…ทางฝั่งเจียงหนาน เกี่ยวข้องกับเรื่องราชาหยก?” ซีเหมินจินเหลียนลองถามหยั่งเชิงขึ้น 

 

“ผมให้คนไปตรวจสอบแล้ว คิดว่าไม่กี่วันนี้คงได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ดูแล้วคุณก็สนใจในความมหัศจรรย์นี้ไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหูลึกลับท่านนั้นหายไปไหน ไม่อย่างนั้นถ้าไปถามเขาก็น่าจะพอได้อะไรกลับมาบ้าง” จ่านมู่ฮวาพูดออกมาตรงๆ 

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จ่านมู่ฮวาจึงถามขึ้นอีกครั้ง “จินเหลียน ผู้อาวุโสหูคนนั้นมีความสัมพันธ์กับคุณยังไงเหรอ” 

 

“คุณคงไม่ได้ถามเฉยๆ หรอกใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “ฉันไปเดิมพันหยกที่เจียหยาง ถึงได้รู้จักกับเขา จะมีความสัมพันธ์อะไรได้?” 

 

“วันนี้ราชาแห่งนักเดิมพันหยกคนนั้นมาหาคุณ?” จ่านมู่ฮวาถาม 

 

“เขาก็มาเพราะเรื่องผู้อาวุโสหูนี่ล่ะ ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสหูหายตัวไป” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในใจของ                  ซีเหมินจินเหลียนก็เหมือนรับไม่ไหว ผู้อาวุโสหูหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ไร้ซึ่งเบาะแสข่าวคราว จ่านป๋ายเองก็กำลังตามหาร่องรอยการหายตัวของผู้อาวุโสหูอยู่ แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร 

 

หลังจากที่ผู้อาวุโสหูมาซื้อบ้านที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เขาก็น่าจะเตรียมตัวมาอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้อย่างถาวรสิ แต่ตอนนี้คนคนนั้นกลับหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ… 

 

คนชราโดดเดี่ยวเช่นเขาจะสามารถไปที่ไหนได้? เพราะอย่างนั้นในใจของซีเหมินจินเหลียนจึงได้แต่กลัดกลุ้มกังวลเรื่องผู้อาวุโสประหลาดท่านนี้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นที่เขาให้เธอยอมรับว่าเป็นปู่ เธอน่าจะตอบรับเขา บางทีเขาอาจจะไม่หายตัวไปแบบนี้ เพราะอย่างไรเธอก็ไม่มีพ่อแม่ที่ไหน 

 

“จินเหลียน ผมจะไม่ปิดบังคุณแล้ว ตอนที่ฉินซินและฉินเฮ่ากำลังพนันกันครั้งนั้น พวกเราก็คิดที่จะจัดการผู้อาวุโสหู” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น 

 

เมื่อซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น เธอก็ไม่เพียงแต่เกรี้ยวโกรธ อีกทั้งยังด่าออกมา “พวกคุณมันเลว!” 

 

“ใช่ พวกผมเลว!” จ่านมู่ฮวาพูด “เพื่อผลประโยชน์เรื่องเงินทอง คิดจะทำการใหญ่ พวกเราถึงได้ไม่สนใจสิ่งเล็กๆ แต่พอพวกเราจะลงมือ กลับพบว่าผู้อาวุโสหูหายไปก่อนแล้ว” 

 

“หายตัว?” ซีเหมินจินเหลียนพยายามยับยั้งอารมณ์โกรธในใจ และถามไปอย่างไม่เข้าใจ 

 

“วันนั้น สายของเราได้ติดตามผู้อาวุโสหูตลอด คิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อรอจะจัดการกลางดึก กลับพบว่าห้องของผู้อาวุโสหูว่างเปล่า เขาหายไปโดยที่ไม่เห็นแม้แต่เงา ในตอนนั้นพวกเราแทบจะหาทุกซอกทุกมุมของเซียงไฮ้แล้ว แต่ก็ยังหาเขาไม่เจอ” จ่านมู่ฮวาอธิบาย 

 

“คนแก่อย่างเขา ถ้าไม่อยู่ที่บ้านแล้วจะหนีไปไหนได้?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “บางทีคนของพวกคุณอาจจะ…” ประโยคที่จะด่าคนเธอกลับกลืนกินเข้าไป 

 

“โง่” จ่านมู่ฮวาพูดประโยคนี้ออกมาแทนเธอแล้วยิ้ม “ตอนแรกผมเองก็คิดแบบนั้น บางทีเขาอาจจะมีเรื่องอะไรที่ต้องออกไปพอดี แต่ไอ้โง่พวกนั่นมองไม่เห็น” 

 

“ไปเดิมพันหยกกันเถอะ เรื่องมหัศจรรย์อะไรพวกนั้นไว้ค่อยพูดกันทีหลัง!” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วเดินนำออกไปข้างนอก 

 

จ่านมู่ฮวารีบเดินตามออกไป การเดิมพันหยกจัดขึ้นที่ด้านหลังงานนิทรรศการ แน่นอนว่ายังอยู่ในคลับหยก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังคงดูแลอย่างเข้มงวด หากไม่มีบัตรสมาชิกก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่จ่านมู่ฮวาเป็นเจ้าภาพหลักของงานนี้ เรื่องเล็กแค่นี้แน่นอนว่าทำอะไรเขาไม่ได้ เขาเดินนำซีเหมินจินเหลียนเข้าไปข้างใน