พายุสินสอด
เพราะว่าเป็นการสมรสพระราชทาน ดังนั้นจึงละเว้นพิธีทาบทาม ถามชื่อวันเกิด หาฤกษ์ต่างๆ ได้ วันที่สามของการสมรสพระราชทานสำนักหอดูดาวหลวงก็ส่งผลดวงชะตาของคนทั้งสองมา แน่นอนว่าเหมาะสมราวกับสวรรค์ส่งให้มาเป็นคู่ ที่ส่งมาพร้อมกันยังมีฤกษ์พิธีสมรส เดือนสามปีหน้า เดือนสามฤดูใบไม้ผลิ เดือนสามที่สรรพสิ่งฟื้นตัวอีกครั้ง เป็นลางที่ดียิ่งนัก
ในที่สุดฮูหยินซื่อจื่อฮูหยินสวี่ก็โล่งอกได้เสียที เดิมจวนจงอู่โหวก็แต่งบุตรสาวสามคนต่อเนื่องกันหลายเดือน ก่อนหน้านี้นางยังกังวลว่าฤกษ์ของเวยเจี่ยเอ๋อร์จะกำหนดวันใกล้ทำให้ยุ่งวุ่นวาย ตอนนี้ดีแล้ว เดือนสามปีหน้า นับได้ว่ามีเวลาเตรียมงานแต่งให้เวยเจี่ยเอ๋อร์ อย่างไรเสียเวยเจี่ยเอ๋อร์ก็แต่งงานกับราชวงศ์ เป็นเกียรติยศของจวนโหว
วันที่สิบแปดเดือนเก้าเป็นวันดี เป็นวันที่สวีโย่วมามอบสินสอดที่จวนจงอู่โหว เพราะว่าเป็นการสมรสพระราชทาน กรมพิธีการงานสมรสของสวีโย่วจึงต้องเข้ามาดำเนินการอย่างยากจะเลี่ยง แต่สวีโย่ว
เองก็ไม่ได้วางมือไม่ถามไถ่ด้วยเหตุนี้ แต่กลับคอยติดตามขั้นตอนทั้งหมด
พระชายาจิ้นอ๋องยุ่งอยู่เจ็ดแปดวันในการจัดการใบรายการสินสอด หาโอกาสส่งให้สวีโย่วในวันที่
จิ้นอ๋องอยู่ “โย่วเอ๋อร์นี่คือใบรายการสินสอดที่แม่เตรียมไว้ให้เจ้า เจ้าลองอ่านดู ดูว่ายังต้องเพิ่มอะไรอีกหรือไม่”
สวีโย่วรับใบรายการสินสอดเข้ามาเปิดอ่านอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย อ่านทุกหน้าทุกบรรทัด อ่านละเอียดอย่างยิ่ง เขาเอาแต่ก้มหน้าอ่านใบรายการสินสอด แต่กลับไม่เห็นว่าจิ้นอ๋องกำลังขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดอยู่
ครู่ใหญ่ในที่สุดสวีโย่วก็ปิดใบรายการสินสอดลง พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวถามอย่างเป็นกังวล “โย่วเอ๋อร์ มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ หากมีเจ้าก็เอ่ยมาเลย แม่จะเปลี่ยนให้ทันที”
ท่าทางระมัดระวังเช่นนั้นทำให้คิ้วของจิ้นอ๋องขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม “มีอะไรไม่เหมาะสม เจ้าเคยทำเรื่องพลาดที่ไหนกัน ข้าว่าใบรายการสินสอดฉบับนี้ดีอย่างยิ่ง” ที่สำคัญก็คือเจ้าอ่านแล้วหรือยัง
พระชายาจิ้นอ๋องยิ้มอย่างอ่อนโยนกล่าว “อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของโย่วเอ๋อร์ ควรจะยึดความคิดเห็นของเขาเป็นหลัก”
“เขาจะเข้าใจอะไร พระชายาตัดสินใจเองก็พอ แค่เงินสินสอดก็ห้าหมื่นตำลึงก็ไม่น้อยแล้ว มากกว่านี้จวนจงอู่โหวจะให้สินเดิมได้หรือ พอแล้ว เอาตามใบรายการสินสอดฉบับนี้เถิด” จิ้นอ๋องโบกมือกล่าว เงินสินสอดห้าหมื่นตำลึงเป็นจำนวนเงินที่พระชายาจิ้นอ๋องกระซิบข้างหูเขาเมื่อคืน บอกว่าเท่ากับเงินของเยี่ยเกอเอ๋อร์และเหยียนเกอเอ๋อร์ในตอนแรก
ทว่าสวีโย่วกลับยกใบรายการสินสอดขึ้นกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เงินสินสอดห้าหมื่นตำลึงน้อยไปหน่อย อย่างไรเสียข้าก็เป็นบุตรคนโต เงินสินสอดมากหน่อยจึงจะสมควร”
ใบรายการสินสอดฉบับนี้ใช้สำนวนโวหารแพรวพราว ความจริงแล้วมูลค่าไม่ได้สูง อย่างเช่นร้านค้า ร้านบนถนนฝั่งตะวันออกเทียบร้านบนถนนฝั่งตะวันตกได้หรือ ยังมีหมู่บ้าน ความอุดมสมบูรณ์ของที่นาเทียบกับได้หรือ อีกทั้งเครื่องประดับเพชรนิลจินดานั้น ช่องว่างที่ใช้อุบายได้ก็ยิ่งเยอะ
หากเป็นเมื่อก่อน สวีโย่วอาจจะถูกหลอกจริงๆ ตอนนี้ไม่ได้แล้ว อันที่จริงตั้งแต่วันนั้นที่ตัดสินใจจะสู่ขอเสิ่นเวยเขาก็ขบคิดเรื่องสินสอดแล้ว เขาไม่เข้าใจไม่เป็นไร ข้างกายเขามีคนเข้าใจ สวีโย่วใช้วิชาความรู้มาศึกษาสินสอด พระชายาจิ้นอ๋องยังจะหลอกเขาได้อยู่อีกหรือ
สวีโย่วเอ่ยปากว่าสินสอดน้อย พระชายาจิ้นอ๋องยังไม่ทันได้พูด จิ้นอ๋องก็ไม่พอใจแล้ว “จะน้อยได้อย่างไร พวกเจ้าสามพี่น้องได้เท่ากัน แม้ว่าเจ้าจะเป็นบุตรคนโต น้องรองของเจ้าก็ยังเป็นซื่อจื่อ”
สวีโย่วจ้องตาของจิ้นอ๋องโดยตรง กระตุกมุมปาก “ตำแหน่งซื่อจื่อของน้องได้มาอย่างไรเสด็จพ่อท่านไม่ใช่รู้ดีที่สุดหรือ ในเมื่อซื่อจื่อโดดเด่นเหนือพี่น้องทั้งหมดได้ เช่นนั้นเหตุใดน้องสามกับน้องรองถึงได้เท่ากันเล่า”
ความเหยียดหยามที่ชัดเจนในดวงตาคู่นั้นทำให้จิ้นอ๋องหน้าแดงก่ำ กล่าวอย่างอึกอัก “ตำแหน่งซื่อจื่อของน้องรองไม่ใช่เจ้าถอยให้เองหรอกหรือ เจ้าร่างกายไม่ดี จะแบกรับหน้าที่ซื่อจื่อจวนอ๋องได้อย่างไร น้องรองของเจ้าเองก็แบ่งเบาภาระให้เจ้า” นอกจากความอึดอัดในตอนแรกเริ่มแล้ว จิ้นอ๋องยิ่งพูดก็ยิ่งคล่อง แสดงท่าทางว่าทุกอย่างที่ทำล้วนหวังดีต่อเจ้า
ความเหยียดหยามในดวงตาของสวีโย่วเพิ่มมากขึ้น “ลูกยอมถอยเองเพราะท่านไปร้องทุกข์กับเสด็จลุงทั้งวันมิใช่หรือ”
ตามกฎหมายของต้ายง ซื่อจื่อจวนอ๋องมีบุตรภรรยาหลวงและก็ต้องตั้งบุตรภรรยาหลวง ไม่มีบุตรภรรยาหลวงก็ต้องแต่งตั้งบุตรคนโต ตำแหน่งซื่อจื่อควรตกเป็นของเขา แต่เสด็จพ่อถ่วงเวลายืดเยื้อไม่ยอมแต่งตั้งซื่อจื่อ ซ้ำยังไปร้องทุกข์ต่อหน้าเสด็จลุงอยู่บ่อยครั้ง บ้างก็ว่าบุตรคนโตสุขภาพไม่ดีแบ่งเบาภาระเขาไม่ได้ บ้างก็ว่าเยี่ยเกอเอ๋อร์กตัญญูเก่งทั้งด้านบุ๋นและบู๊ เจตนาเช่นนั้นใครบ้างจะดูไม่ออก
สวีโย่วเองก็อยากจะอยู่อย่างสงบ รวมถึงไม่อยากทำให้เสด็จลุงลำบากใจจึงยอมปล่อยตำแหน่งซื่อจื่อด้วยตัวเอง อีกทั้งเขายังเชื่อว่า แม้จะไม่มีตำแหน่งซื่อจื่อนี้ ด้วยความสามารถของเขาก็สามารถแย่งทรัพย์สินในบ้านมาได้เช่นกัน
ใบหน้าของจิ้นอ๋องคร่ำเครียด โมโหกล่าว “เจ้าลูกทรพีเจ้าหมายความว่าอย่างไร” วันทั้งวันหน้าดำคร่ำเครียดราวกับคนอื่นติดหนี้เขา คำพูดที่พูดออกมาทำคนสำลักตายได้ ตำหนิเขาได้หรือที่เขาไม่ชอบบุตรคนโต
สวีโย่วยิ้มเยาะ “เสด็จพ่อคิดว่าลูกหมายความว่าอย่างไร” คิดว่าเขายังเป็นเด็กน้อยคนนั้นหรือไร
พระชายาจิ้นอ๋องเห็นสองพ่อลูกกำลังจะทะเลาะ ในใจนางก็มีความสุขอย่างยิ่ง จะทำอย่างไรได้ เนื้อหาที่ทะเลาะก็เกี่ยวข้องกับตำแหน่งซื่อจื่อของบุตรนาง นางจำใจต้องเข้าไปโน้มน้าวนายท่าน “ท่านอ๋อง ท่านทำอะไร สองพ่อลูกมีอะไรก็พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือ โย่วเอ๋อร์เองก็อย่าหาเรื่อง พวกเรามาพูดเรื่องสินสอดกันต่อเถิด จากที่เจ้าเห็นว่าสินสอดนี้น้อยไป เช่นนั้นเพิ่มเท่าไรจึงจะเหมาะสม”
สวีโย่วมองพระชายาจิ้นอ๋องที่งดงามเพียบพร้อม ในดวงตามีบางอย่างแวบผ่าน “พวกเราไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งซื่อจื่อก่อน อย่างไรเสียลูกก็เป็นบุตรคนโต อย่างน้อยสินสอดนี้ก็ต้องเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นตำลึง สำหรับของอื่นๆ ลูกไม่ยุ่งแล้ว เสด็จพ่อเองก็มอบเงินส่วนตัวให้ลูก ไว้ลูกจะไปจัดการเอง”
เขาคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ กล่าว “ลูกมีใบรายการสินสอดของน้องรองกับน้องสามอยู่ เสด็จพ่อลองอ่านสักหน่อย แท้จริงแล้วเหมือนกับของลูกหรือไม่ อ้อจริงสิ เพียงแค่อ่านยังไม่พอ ต้องให้คนไปสืบถามด้วยว่าร้านค้าหมู่บ้านในนี้ทุกปีมีกำไรต่างกันเท่าไร แม้ว่าลูกจะไม่ได้จัดการงานทั่วไป แต่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็ยังเข้าใจดี” ประโยคสุดท้ายเขาตั้งใจพูดให้พระชายาจิ้นอ๋องฟัง
สวีโย่วก้าวขาเดินออกไป ทว่าในใจพระชายาจิ้นอ๋องกลับกระวนกระวายเล็กน้อย “ท่านอ๋อง โย่วเอ๋อร์หมายความว่าอย่างไร เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจเล่า”
ทว่าจิ้นอ๋องกลับจ้องมองใบรายการสินสอดสามฉบับบนโต๊ะคล้ายกำลังครุ่นคิด กล่าวลวกๆ “ใครจะรู้ว่าเด็กนั่นหมายความว่าอย่างไร เจ้าไม่ต้องสนใจ ทำตามที่เขาพูดเถิด อย่างไรเสียก็เป็นงานสมรสของเขา ขายหน้าก็เป็นเขาเองที่ขายหน้า” แน่นอนว่านี่คือคำพูดจากความโกรธ ลูกขายหน้าแล้ว คนเป็นพ่อยังมีหน้าอะไรอีก
พระชายาจิ้นอ๋องเห็นจิ้นอ๋องเก็บใบรายการสินสอดสามฉบับไปจริงๆ มือที่กำผ้าเช็ดหน้าอยู่ก็กำแน่นขึ้นอย่างอดไม่ได้ ในใจก็ยิ่งไม่เป็นสุข แอบเสียใจที่ตนประมาท ใครจะรู้ว่าคุณชายใหญ่ที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาผู้นั้นจะเข้าใจการจัดการการเงินถึงเพียงนั้น
วันที่สิบแปดเดือนเก้าวันนี้ ฮูหยินซื่อจื่อฮูหยินสวี่ยุ่งตั้งแต่เช้า ทั้งจวนโหวทำความสะอาดจวนเหมือนใหม่ตั้งแต่สามวันก่อน ใต้ระเบียงทางเดินแขวนผ้าแดงและโคมไฟ แม้แต่กำแพงยังทาสีใหม่หนึ่งรอบ บ่าวรับใช้ทั้งหลายก็เปลี่ยนชุดใหม่ วิ่งวุ่นทั้งจวนด้วยความกระปรี้กระเปร่า
“เร็วๆๆ เอาปะการังกระถางนี้ไปวางไว้ตรงนั้น วางดอกไม้สีสดกระถางนี้ไว้ตรงนั้น ทำเบาๆ อย่าให้เกิดข้อผิดพลาด” ฮูหยินสวี่ลงมือบัญชาการด้วยตัวเอง
จวนจิ้นอ๋องฝั่งนั้นส่งข่าวมาก่อนแล้ว บอกว่าวันนี้พระชายาจิ้นอ๋องกับองค์หญิงใหญ่จะมา พระชายาจิ้นอ๋องเป็นว่าที่แม่สามีของเวยเจี่ยเอ๋อร์ องค์หญิงใหญ่เป็นผู้ที่นอกจากจะเข้าวังก็ไม่เคยออกไปเป็นแขกมาก่อน สองบุคคลสูงส่งเช่นนี้จะมา เป็นเกียรติต่อจวนโหวมากมายเพียงใด จะไม่ให้ฮูหยินสวี่ให้ความสำคัญได้อย่างไร
“ฮูหยิน ฮูหยินขอรับ มาแล้วขอรับ ท่านเขยสี่มา มามอบสินสอดแล้วขอรับ” มีบ่าวรับใช้วิ่งหอบมารายงาน
ฮูหยินสวี่ตกใจ “อะไรนะ ท่านเขยสี่ของพวกเราก็มาด้วยงั้นหรือ” ไม่เห็นได้ยินว่าคุณชายใหญ่สวีก็จะมาด้วยนี่
บ่าวรับใช้คนนั้นกลืนน้ำลายหลายคราจึงจะหายใจคล่อง “ฮูหยินขอรับ ท่านเขยสี่ของพวกเรานำคนมามอบสินสอดเองขอรับ” เขาเห็นแต่ไกลๆ ก็วิ่งมารายงานทันที
“อืม เจ้ามีไหวพริบดี กลับไปจะต้องให้บำเหน็จเจ้าแน่” ฮูหยินสวี่มองเด็กรับใช้ที่มารายงานด้วยความชื่นชมปราดหนึ่ง คิดครู่หนึ่งแล้วจึงสั่ง “รีบไปเชิญซื่อจื่อและนายท่านสามกลับจวนมารับแขก” คุณชายใหญ่สวีมาแล้วจะต้องต้อนรับให้ดีมิใช่หรือ