บทที่ 461 การรวบรวม (1)
เมื่อเขาลืมตาความคิดแรกของเขาคือท้องฟ้าเป็นสีฟ้า ความคิดนี้เป็นสัญชาตญาณและไม่ใช่สัญชาตญาณในเวลาเดียวกัน มันเป็นผลผลิตของการรับรู้และสติปัญญา
มอนสเตอร์จ้องมองมาที่ท้องฟ้าด้วยความงุนงง ท้องฟ้าสีฟ้าสวยงาม แต่ความคิดแรกของเขาดูเหมือนจะไม่เป็นการเปิดเผยมากนัก
มอนสเตอร์ไม่สามารถบอกได้ว่าความคิดของท้องฟ้าสีฟ้าเป็นมรดกจากในอดีตหรือยังไงกับแน่เพราะพวกเขาพึ่งได้เห็นของจริงในวันนี้
ดังนั้นมอนสเตอร์จึงพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวต สติปัญญาของมันกลายเป็นสัญชาตญาณ
โกรกกกกกกกกกก …
ท่ามกลางความสับสนมอนสเตอร์ได้ยินเสียงคำรามของมอนสเตอร์อีกตัว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสัญญาณของความเกลียดชัง
ความคิดที่สองปรากฏขึ้นในใจของมันในขณะที่พบกันครั้งแรก
ใครคือมอนสเตอร์ที่เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์อีกตัว? มอนสเตอร์นั้น
ทนทุกข์ทรมานกับการดำรงอยู่ของมันงั้นเหรอ?
สำหรับมอนสเตอร์ความฉลาดของพวกมันไม่มีอะไรมากไปกว่าภาระ มันรู้สึกสับสนและกังวลในเวลาเดียวกัน มอนสเตอร์ก็ได้รับความรู้สึกสงบพร้อมด้วยสติปัญญา
ในท้ายที่สุดออร์เดนก็อยู่ในความว่างเปล่า
ไม่มีใครสามารถเข้าใจ ออร์เดน คือมอนสเตอร์ตัวแรกที่เกิดมาพร้อมความฉลาด เขาไม่ใช่มนุษย์ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมนุษย์ได้ แต่สติปัญญาทำให้เขาไม่อาจใช่ชีวิตดังมอนสเตอร์ได้ การเกิดมาพร้อมกับสติปัญญาในดินแดนของมอนสเตอร์นำไปสู่ความเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ออร์เดนไม่เคยหยุดคิดแม้แต่ในท่ามกลางความว่างเปล่า เขาขยายขอบเขตการรับรู้และฝึกฝนสติปัญญาของเขา เขาไม่เคยหยุดตั้งคำถามกับความรู้สึกของตัวเอง
การดำรงอยู่ของเขา ชีวิตของเขา เอกลักษณ์ของเขา อารมณ์ความรู้สึกค่านิยมของเขา
อย่างไรก็ตามยิ่งเขาพยายามและเข้าใจต้นกำเนิดของเขามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกกลวงมากขึ้นเท่านั้น เขาตระหนักว่าความว่างเปล่าของเขาไม่สามารถถูกทำลายได้
ดังนั้นเขาจึงหันไปหามนุษย์ตามธรรมชาติ
ออร์เดนค้นหาคำตอบสำหรับการดำรงอยู่ของเขาในหมู่มนุษย์
เขาศึกษามนุษย์และพฤติกรรมของอีกฝ่าย เช่นเดียวกับที่มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเป็นธรรมชาติ ออร์เดนก็ต้องการที่จะรู้สึกสบายใจกับการดำรงอยู่ของเขาเอง
…จากนั้นออร์เดนเข้าใจมนุษย์ไหม?
ออร์เดนสามารถกินมนุษย์และให้กำเนิด ‘มอนสเตอร์ที่มีสติปัญญา’ เหมือนตัวเอง เขาสามารถสนทนากับมอนสเตอร์ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง และแม้ว่าจะสนุก แต่ก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดไปในท้ายที่สุดเขาก็ตระหนักว่าความอยากรู้อยากเห็นของเขาไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้
ออร์เดนต้องการคำตอบ เมื่อ ‘ปัญญา’ เป็นของมนุษย์ เขาคิดว่ามนุษย์เป็นกุญแจสำคัญในคำตอบที่เขาต้องการ ออร์เดนต้องการทำลายมนุษยชาติด้วยเหตุผลนั้น คำตอบจะเปิดเผยตัวเองออกมาในตอนที่
สูญสิ้นมนุษยชาติ
ในท้ายที่สุดเป้าหมายของ ออร์เดน ไม่ใช่การพิชิตหรือควบคุมมนุษย์ ความปรารถนาของเขาไม่ใช่ทางร่างกาย เขาเพียงต้องการที่จะเข้าใจตัวเอง ออร์เดนในฐานะราชาแห่งมอนสเตอร์ เขาพยายามทำความเข้าใจกับมนุษย์
…ความคิดในอดีตยังคงอยู่ในหัวของเขา
ต๊อกๆ
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเล็กๆก็ขัดจังหวะขบวนความคิดของออร์เดน
ออร์เดนลืมตาขึ้นก็เจอเด็กคนหนึ่ง ผู้หญิงที่ตายไปแล้วหนึ่งครั้ง
ออร์เดนกลืนกินร่างกายของเด็กผู้หญิงที่ตายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ภายในตัวเองและปล่อยเธอออกมาจากปากของเขา นั่นคือวิธีการที่ทำให้เด็กคนนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แน่นอนว่าเธอไม่เหมือนเดิม
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ออร์เดนถามเด็กก็ตอบอย่างหวาดกลัว “พ่อบอกให้ฉันซ่อนตัว….
เขาบอกว่าที่นี่คือที่ๆปลอดภัยที่สุด….”
‘พ่อ’ ที่เธอหมายถึงคือ ปาร์คฮันโฮ
เขาเป็นมนุษย์ที่มีประโยชน์มากที่สุดจากมนุษย์ทุกคนที่เขาเคยเจอแถมเขายังมั่นว่าอีกฝ่านสาบานจะจงรักภักดีต่อเขาจากใจจริง
ออร์เดน พูดอย่างเย็นชา “กลับไปหาพ่อของเธอ”
แต่เด็กไม่ขยับเขยื่อน เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเธอกลัวหรือไม่กลัว
ออร์เดนมองดูเด็กคนนั้นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“อืม … อืมม … อืมมม … .”
เด็กอ้าปากพูดราวกับว่าเธอมีอะไรจะพูดแต่ลังเลจนไม่กล้าพูดออกมา ความอดทนเป็นหายากในหมู่ราชา
“ถ้าเจ้ามีบางสิ่งที่เจ้าอยากพูดก็จงพูดออกมา”
“อ้า…ก็แค่…พ่อกำลังต่อสู้อยู่…คุณช่วยเขาได้ไหม…? ฉันไม่ชอบเลยตอนที่ พ่อต้อง บาดเจ็บ….”
เธองอตัว เสียงหัวเราะเล็กๆหนีออกมาจากปากของ ออร์เดน และเขาก็สงสัยทันทีว่าทำไมเขาถึงหัวเราะออกมา
“… .”
ออร์เดน ลูบเบาๆที่ปลายปากของเขา ริมฝีปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว เด็กคนนั้นยิ้มให้เขา รอยยิ้มของเธอทำให้ออร์เดนสับสนยิ่งขึ้น
“เฮ้ เจ้าตัวน้อย เจ้าหนูน้อย!”
ทันใดนั้นหนึ่งในคนรับใช้ของออร์เดนก็ปรากฏตัวขึ้น เขารีบไปหาหญิงสาวและคว้าข้อมือของเธอเอาไว้พร้อมโค้งคำนับกษัตริย์
“ข้าขอโทษ! ที่มีมนุษย์ผู้โง่เขลามารบกวนท่าน!”
จากนั้นออร์เดนก็ยืนขึ้นมา
“…ไม่.”
เขายังคงสับสนเกี่ยวกับเหตุผลในการยิ้มของเขา ออร์เดนกล่าวต่อ
“เธอพูดถูก ถึงเวลาที่ข้าจะต้องเคลื่อนไหว”
เสียงของราชาปีศาจดังขึ้น
“ข้าจะลงโทษคนที่ทำให้แผ่นดินของข้ามีมลทิน”
*************************************************************************
ลำแสงลึกลับจากเรือลาดตระเวนพาพวกเราขึ้นไปที่เรือ ตอนนี้พวกเราอยู่ในเรือพร้อมกับเห็นภายในเรือรบ
“นี่คือเรือรบที่ทรงพลังที่สุดของ Genkelope มันสามารถรับน้ำหนัก
ผู้โดยสารได้มากถึง 9000 คนและบรรทุกเครื่องบินไอพ่นประมาณ
400 ลำ”
โฮเนอร์ กัปตันเรืออธิบายให้พวกเราฟัง การตกแต่งภายในดูค่อนข้างซับซ้อนราวกับว่ามันออกมาตรงๆจากภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ แต่บางส่วนของมันก็ตรงไปตรงมาเนื่องจากเรือเป็นผลรวมของวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์
“ว้าว…ฉันจำไม่ได้ว่าเห็นอะไรแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร นี่เป็นของใหม่งั้นเหรอ?”
โฮเนอร์ พยักหน้าให้ฉัน
“ใช่ มันเรียกว่า ‘Genkelion’ มันเป็นอาวุธขั้นสูงสุดที่สร้างขึ้นโดย AI ‘GenphaGo’”
“…สุดยอดอาวุธ?”
“ใช่.”
โฮเนอร์ยิ้ม
“พวกเราวางแผนที่จะกลับบ้านเกิดของพวกเราสักวันโดยใช้เรือลำนี้”
“…อ้อ~”
ผมเข้าใจอย่างรวดเร็ว บทแห่งหอคอย ได้จบลงแล้ว แต่ตราบใดที่ Tower of Wish ยังคงมีอยู่บนโลก ภายในหอคอยก็จะยังคงอยู่เช่นกัน ชั้นที่ 15 มีการพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัดเพราะมันเป็นชั้นที่ทำกำไรมากที่สุดใน Tower of the Wish ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่อไปอีกไม่นานนักพวกเขาก็จะได้กลับคืนภูมิลำเนาของพวกเขา
“ที่สำคัญกว่านั้น ด้านล่างเป็นยังไงบ้าง”
ผมถามโฮเนอร์เกี่ยวกับสถานการณ์ในสนามรบ ก่อนที่จะตอบคำถามของผม โฮเนอร์ ดึงวิดีโอขึ้นไปในอากาศ
“มีมอนสเตอร์เป็นจำนวนมาก พวกมัมไม่เพียงแต่อยู่บนพื้นดิน แต่อยู่ด้านล่างและเหนือขึ้นไปเช่นกัน แต่ท่านไม่ต้องกังวล Genkelion จะไม่พ่ายแพ้โดยมอนสเตอร์เหล่านั้นแน่นอน”
“อืม.”
ความมั่นใจของเขาทำให้ผมมั่นใจได้ว่าการตัดสินใจสร้าง Buster Call เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“ …คิมฮาจิน”
ทันใดนั้นชินจงฮักก็เข้ามาแทรก เขามองมาที่ผมและและโฮเนอร์พร้อมความสับสนกับใบหน้าของเขา
“ที่นี่คือที่ไหน?”
ผมตอบทันที “เรือลาดตะเวณ สร้างโดยผู้คนบนชั้นที่ 15 อย่างที่โฮเนอร์พูด”
ชินจงฮักขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาดูเหมือนจะพูดว่า ‘เรื่องแค่นี้กูก็รู้เว้ย’
ผมยิ้ม ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเปิดเผยความลับของผม
“ฉันเป็นเจ้าของชั้น 15 ทั้งหมด มันเป็นสมบัติของฉัน”
ผมช่วย NPC ตนทีละตัวโดยใช้ [กุญแจลึกลับ] ผมเป็นคนที่ได้รับ ‘GenphaGo’ AI ที่ดูแลการพัฒนาชั้นที่ 15 ผ่านการเจรจาของผมกับ
ผู้ดูแลชั้น 7 ผมลงทุน TP ไปเป็นจำนวนมาก
นั่นคือทั้งหมดที่ทำให้ผมกลายเป็นเจ้าของชั้น 15
“ …นะ….นายเป็นเจ้าของชั้น 15 งั้นเหรอ”
ไม่เพียงแต่ชินจงฮักเท่านั้น แต่ยังมีไอลีน จินเซยอน ซอยอนจีและ
อียองอา เองก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เพื่อความเป็นธรรมชั้น 15 จะต้องเป็นโลกแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่มีเวทมนต์ขลังสำหรับพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เคยแม้แต่จะพิจารณาความเป็นไปได้ว่ามันเป็นของใคร
“ใช่ แต่ถ้าให้พูดกับก็…. อืม?”
ผมหันมามองวิดีโออีกครั้งและเห็นกลุ่มนักรบเคลื่อนไหวอย่างเมามัน
“นั่นอะไร?”
เครื่องบินขับไล่นับ 10 ลำกำลังไล่ล่าใครซักคน คนนี้บินอยู่บนท้องฟ้าดูคุ้นเคยอย่างมาก นั้นใช่ จินซาฮยอค หรือเปล่านะ
– นี่คือการเตือนครั้งสุดท้าย! ถอยไปหรือจะให้ฉันฆ่าพวกแกทั้งหมด!
จินซาฮยอค ตะโกนขณะที่เธอยังคงวิ่งหนีจากเครื่องบินรบ โฮเนอร์
พูดออกมาเพื่ออธิบาย
“อ้อ ผมคิดว่าเธอเป็นอาชญากรที่คุณพูดถึงในวันนั้นก็เลยกำลังไปจับกุม”
– บอกแล้วนะ ฉันจะฆ่าพวกแกซะ!
จินซาฮยอค พุ่งหอกใส่เครื่องบินไอพ่น แต่เครื่องบินไอพ่นที่มีสเปคเพิ่ม 50% เคลื่อนที่เหมือนสายลมและหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย นักบินเย้ยหยันและยิงเลเซอร์ของพวกเขาออกมา
– ไอ้บ้าบ้า … นั่น บ้าที่สุด! บ้าที่สุด!
ผมยิ้มเล็กน้อยเมื่อดู จินซาฮยอค
“ปล่อยเธอไป”
“…อะไรนะครับ?”
“เธอไม่เป็นไรแล้วตอนนี้ นายไม่ต้องสนใจเธอหรอก”
“อ้า รับทราบครับท่าน”
โฮเนอร์สั่งให้เครื่องบินขับไล่หยุดซึ่งพวกเขาก็ทำทันที
“ต่อไป…”
ขณะที่ผมกำลังจะออกคำสั่งต่อไปออร์เดนก็ปรากฏตัวขึ้นบนหลังคาของราชวังของเขา เขายืนอยู่ตรงกลางของยอดแหลม เขาดูเหมือนมนุษย์ตัวใหญ่แต่อีกมุมก็คล้ายกับสิงโต
โกรกกกกกกกกกกกกกก…
ออร์เดนเริ่มรวบรวมพลังเวทมนตร์รอบๆมือของเขา การไหลของพลังเวทมนตร์นั้นไม่ชัดเจน แสงอันงดงามแผ่ออกไปดูดกระแสลมใกล้เคียงพร้อมรวมกับพลังเวทมนต์
‘นั่นดูอันตราย’ ผมคิดในในทันใดนั้นผมก็ได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเรื่อง
[ปัญหา – บอสหลักของบทที่ 3 เสียชีวิตง่ายเกินไป]
[วิธีแก้ไข – เพิ่มความแข็งแกร่งของออร์เดนเป็น 「9.9 / 9.9」]
ผมพูดไม่ออก ศักยภาพ 9.9 นี่หมายความว่าเขามีพลังพอๆกับ
‘พระเจ้า’
“…โฮเนอร์เป็นไปได้ไหมที่จะนำพันธมิตรทั้งหมด กลับมา”
โฮเนอร์ ตอบคำถามของผมอย่างจริงจัง
“ได้แน่นอน พอร์ทัลพร้อมใช้งานเสมอ”
“เอาพวกเขากลับมาทันที พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ พวกเราสู้เขา
ไม่ได้”
ผมไม่แน่ใจว่าออร์เดนวางแผนจะทำอะไร แต่ผมรู้ว่าพวกเราทุกคนต้องตายถ้าพวกเราอยู่ที่นี่ ผู้เขียนร่วมแกมัน ไอ้สารเลว
“ครับท่าน.”
โฮเนอร์ พยักหน้าและสั่งการ [พอร์ทัลฉุกเฉิน]
วิ้งงงงงงงงงงงง…
ลำแสงที่แผ่ออกมาจากเรือลาดตระเวนและดึงลูกเรือและฮีโร่มาจากพื้น เครื่องบินรบก็กลับไปที่โรงเก็บเครื่องบิน
ผมสั่งให้สปาร์ตันดูแล Chameleon Troupe โดยพากลับมาทันที
“เปิดใช้งานอุปกรณ์การย้ายระหว่างดวงดาว”
พวกเราหลบหนีก่อนที่พลังเวทมนต์ของออร์เดนจะระเบิดทุกอย่างอุปกรณ์การเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาว – อุปกรณ์มหัศจรรย์ที่มีความสามารถในการพับมิติทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่ผ่านมิติได้เป็นจำนวนมากในทันที
ตู้มมมมมมมมมมมมมมม…
การระเบิดที่เริ่มต้นด้วยมือของ ออร์เดน ทำให้โลกต้องสั่นสะเทือน!!! เรือรบ หายไปจากแอฟริกาและปรากฏขึ้นอีกครั้งในเกาหลี
************************************2************************************