บทที่ 452 การตัดสินใจของเปปเปอร

รักหวานอมเปรี้ยว

การันต์นำมือทั้งสองข้างใส่เข้าไปในชุดกาวน์สีขาวของตน “จากการวิเคราะห์ของแผนกหัวใจ พวกเขาบอกว่าอีกประมาณสามปี”

“สามปี……” มือของเปปเปอร์กำแน่น

ระยะเวลาร่นเหลือน้อยแค่นี้เองเหรอ

เดิมทีหัวใจดวงนี้สามารถมีอายุยืนยาวได้เหมือนคนอื่นทั่วไปนี่

“ใช่ครับสามปี ดังนั้นถ้าคุณอยากจะมีชีวิตต่อไปละก็ คุณจะต้องหาหัวใจที่เหมาะสมกับร่างกายของคุณให้ได้ภายในเวลาสามปีนี้” การันต์ยกนิ้วขึ้นสามนิ้วแล้วตอบกลับ

ผู้ช่วยเหมันตร์ดวงตาแดงเรื่อ “จะเป็นไปได้ยังไง! ทั้งร่างกายและกรุ๊ปเลือดของประธานเปปเปอร์ค่อนข้างจะพิเศษ หัวใจที่จะเข้ากันได้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้เราหามาตั้งยี่สิบสี่ปีจะยังไม่เจอได้ยังไง ดังนั้นในเวลาสามปีกับการหาหัวใจที่เข้ากับร่างกายได้นี่มันความฝันชัดๆ!”

“ผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ ถ้าหาไม่ได้ก็คงทำได้เพียงรอวันตาย” การันต์กางมือออกอย่างไม่สนใจไยดี

เมื่อเห็นท่าทางของเขาเช่นนั้น ผู้ช่วยเหมันตร์ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “คุณหมายความว่ายังไง คุณเป็นหมอแต่กลับบอกให้คนไข้นอนรอความตายเหรอ?”

“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ?” สายตาของการันต์มองไปที่เขาอย่างเยือกเย็น “ผมเป็นหมอก็จริง แต่ผมไม่ใช่โรงงานผลิตอวัยวะภายในนะ ถ้าไม่มีอวัยวะมาเปลี่ยน ต่อให้เป็นหมอก็ช่วยเขาไม่ได้ ดังนั้นผมเพียงแค่บอกความจริงออกมาก็เท่านั้น!”

“คุณ……”

“พอได้แล้ว!” เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มแกมตำหนิว่า “เหมันตร์ ถอยออกมาก่อน เขาพูดไม่ผิดหรอก ถ้าไม่มีหัวใจมาเปลี่ยนใครก็ช่วยผมไม่ได้ ผมคงทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น”

“ผมเข้าใจครับ แต่ผมไม่ชอบฟังน้ำเสียงแบบนี้ของเขาเลย”

ผู้ช่วยเหมันตร์มองไปทางการันต์ด้วยดวงตาอาฆาตแค้น

การันต์ขยับแว่นของตนและตอบว่า “ถ้าคุณมีเวลาที่จะมารู้สึกคับแค้นผมเพราะคำพูดของผมไม่น่าฟังดูไร้หัวจิตหัวใจ ช่วยเอาเวลาไปหาหัวใจที่เหมาะสมกับเจ้านายของคุณจะดีกว่า ถึงอย่างไรเจ้านายของคุณก็มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่สามปี ในแต่ละวันของสามปีนี้ เจ้านายของคุณก็เหมือนกำลังแย่งชิงชีวิตอยู่กับมัจจุราช บางทีเมื่อถึงวินาทีสุดท้ายแล้วพวกคุณอาจจะโชคดีหาหัวใจได้ก็เป็นไปได้นะ เจ้านายของคุณจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ขอตัวก่อน”

เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปทันที

เปปเปอร์เรียกเขาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน”

“ประธานเปปเปอร์มีเรื่องอะไรอีกอย่างงั้นเหรอ?” การันต์หยุดฝีเท้าลงแล้วหันหน้ามามองทางเปปเปอร์เล็กน้อย

เปปเปอร์เม้มริมฝีปากเบาๆ “เรื่องที่หัวใจของผมมีปัญหานี้ คุณอย่าได้เผยแพร่ออกไป ไม่อย่างนั้น……”

เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกคำพูดของการันต์ขัดขึ้นว่า “วางใจเถอะนะ ในฐานะแพทย์ การปิดความลับของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นเรื่องพื้นฐาน อีกอย่างผมก็ไม่ได้สนอกสนใจอยากจะเผยแพร่เรื่องของคุณไปทั่ว ขนาดเมื่อวานนี้ที่มายมิ้นท์ถามผมยังไม่ได้บอกเธอเลย ใช่ไหมล่ะครับผู้ช่วยเหมันตร์?”

ผู้ช่วยเหมันตร์หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น

ไม่ได้พูดอย่างงั้นเหรอ?

เป็นเพราะถูกเขาห้ามไม่ให้พูดต่างหากล่ะ

“มายมิ้นท์?” สีหน้าของเปปเปอร์ชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “ตอนนี้มายมิ้นท์เป็นยังไงบ้าง?”

“ถามเขาดูเถอะ เขารู้ดีที่สุด” การันต์ชี้ไปทางผู้ช่วยเหมันตร์ เขาเบ้ริมฝีปากแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป

ภายในห้องจึงเหลือเพียงเปปเปอร์และผู้ช่วยเหมันตร์แค่สองคน

ผู้ช่วยเหมันตร์เผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเปปเปอร์ แม้จะไม่อยากตอบแต่เขาก็จำเป็นต้องตอบ “หล่อนไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะได้ท่านช่วยเอาไว้จะเป็นอะไรได้ยังไง”

เขาพอจะฟังออกว่าเหมันตร์รู้สึกไม่พอใจมายมิ้นท์เท่าไรนัก เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันจนหนังย่นแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดูไม่ค่อยมีความสุขว่า “ไม่พอใจมายมิ้นท์อย่างงั้นเหรอ?”

เดิมทีผู้ช่วยเหมันตร์ก็ไม่ได้อยากจะปิดบังความรู้สึกไม่พอใจที่มีต่อมายมิ้นท์ เมื่อเปปเปอร์ฟังออกถึงความรู้สึกเขาจึงได้ยอมรับว่า “ใช่ครับ ผมไม่พอใจเธอเป็นอย่างมาก ประธานเปปเปอร์ ท่านได้รับบาดเจ็บเพราะเธอมามากพอแล้ว ก่อนหน้านี้หลายครั้งหลายครายังไม่เท่าไหร่ แต่ในครั้งนี้ทำให้ท่านมีอายุอยู่ได้เพียงอีกแค่สามปี ท่านคิดว่าผมจะยังคงนิ่งเฉยต่อเธอได้อย่างไร?”

เปปเปอร์ใช้สายตาอันเยือกเย็นมองไปที่เขา “เห็นแก่ที่คุณติดตามผมมาเป็นเวลาหลายปี อีกทั้งมักจัดการกับปัญหามากมายต่างๆ ให้แก่ผม ในครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไป แต่ครั้งหน้าถ้าคุณกล้าที่จะพูดถึงมายมิ้นท์ในทางที่ไม่ดีต่อหน้าผมอีกล่ะก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”

“ประธานเปปเปอร์?” ผู้ช่วยเหมันตร์เบิกตากว้างเขามองไปทางเปปเปอร์อย่างเหลือเชื่อ

น้ำเสียงอันเยือกเย็นของเปปเปอร์พูดต่อไปว่า “เรื่องในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมายมิ้นท์สักหน่อย เป็นตัวผมเองที่อยากจะไปช่วยเธอ และเป็นตัวผมเองที่กระโดดลงไปในหน้าผา แต่คุณกลับโทษสิ่งเหล่านี้โดยโยนความผิดไปที่เธอ เห็นได้ชัดว่าคุณกำลังถูกความโมโหครอบงำ เหมันตร์ คุณไร้สติแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เมื่อผู้ช่วยเหมันตร์ฟังคำพูดของเขาจบก็ได้แต่อ้าปากค้าง ผ่านไปสักพักจึงได้เอ่ยพูดขึ้นว่า “ขอโทษครับประธานเปปเปอร์……”

เปปเปอร์ยกมือขึ้น “เอาเถอะ เรื่องนี้ให้จบเพียงเท่านั้น ต่อไปนี้อย่าได้หยิบยกมาพูดอีก และห้ามคุณรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธมายมิ้นท์เป็นเด็ดขาด ได้ยินไหม?”

“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ก้มหน้าลง แม้ว่าในใจของเขาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ

เปปเปอร์ยกมือขึ้นลูบไปที่ขมับซึ่งรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย “ตอนนี้มายมิ้นท์อยู่ที่ไหน?”

“เธอไม่ได้เป็นอะไรมากครับจึงได้ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้วเมื่อเช้า ตอนนี้น่าจะอยู่ที่เทนเดอร์กรุ๊ป” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบ

เปปเปอร์ตอบรับ “อืม” เบาๆ อยู่ในลำคอ “เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้วละครับ เรื่องหัวใจของผมอย่าได้บอกเธอเป็นอันขาด”

แม้ว่าเขาจะเป็นคนกระโดดลงไปในหน้าผาเอง แต่ถ้ามายมิ้นท์รู้เรื่องเข้าล่ะก็เธอก็คงจะโยนความผิดทุกอย่างมาที่ตัวเธอเอง โทษว่าเป็นเพราะตัวเธอทำให้เขาเป็นเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้เองเรื่องนี้จะให้เธอรู้ไม่ได้เด็ดขาด

“วางใจเถอะครับประธานเปปเปอร์ ผมไม่เคยคิดจะบอกเรื่องนี้กับเธอเลย” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับ

การที่เขาไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับมายมิ้นท์ ไม่ใช่เพราะว่ากลัวเธอจะรู้สึกโทษตนเองแล้วเจ็บปวดใจ

แต่เป็นเพราะกลัวว่ามายมิ้นท์จะไปบอกประธานเปปเปอร์ถึงความจริง และเขากลัวว่าประธานเปปเปอร์จะรับไม่ได้ต่างหาก

แต่ตอนนี้ประธานเปปเปอร์รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว อีกทั้งประธานเปปเปอร์ยังก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียงสามปีอย่างสงบ

เปปเปอร์ไม่รู้หรอกว่าทำไมผู้ช่วยเหมันตร์ถึงไม่อยากบอกเรื่องนี้กับมายมิ้นท์

สำหรับเขาแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพียงแค่ไม่บอกเรื่องนี้กับมายมิ้นท์ก็พอ

“ยังมีท่านย่ากับแม่ผมด้วย แล้วก็ปีโป้ อย่าได้บอกพวกเขาเลย ผมไม่อยากทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง” เปปเปอร์พิงกายไปที่หัวเตียงแล้วพูดขึ้น

ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ผมเข้าใจครับประธานเปปเปอร์ ผมไม่ได้บอกกับนายหญิงและคนอื่นๆ แม้แต่เรื่องที่ถ้าท่านตกหน้าผาเพราะช่วยคุณมายมิ้นท์ ผมยังไม่ได้บอกให้พวกเขารู้เลย รวมไปถึงคนอื่นภายนอกผมก็ปิดบังเอาไว้ บอกเพียงแค่ว่าท่านออกไปประชุมต่างพื้นที่ ไม่อย่างนั้นภายในกรุ๊ปและตลาดหุ้นคงจะวุ่นวาย ทั้งข่าวหนังสือพิมพ์และโลกออนไลน์คงจะเต็มไปด้วยเรื่องที่ท่านตกหน้าผา”

“ทำได้ดีมาก” เปปเปอร์เอ่ยชมเขามาประโยคหนึ่ง

ผู้ช่วยเหมันตร์พูดด้วยน้ำเสียงดูขมขื่นว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ ผมจะต้องตามหาหัวใจให้ท่านจนเจอ ท่านจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

ตามหาหัวใจที่เหมาะสมจนเจออย่างงั้นเหรอ?

เปปเปอร์ยิ้มขึ้นเล็กน้อยด้วยริมฝีปากเรียวบางของเขา “อย่างงั้นเหรอครับ พยายามเข้านะ”

แม้จะว่าอย่างนั้น แต่ในใจพวกเขาล้วนเข้าใจดีว่าโอกาสที่จะหาหัวใจที่เหมาะสมได้นั้นแทบจะเป็นศูนย์

การที่พูดออกมาแบบนั้นก็เพื่อต้องการจะปลอบโยนความรู้สึกในใจเท่านั้นเอง

“การแข่งขันของปีโป้เป็นยังไงบ้าง?” จู่ๆ ดูเหมือนเปปเปอร์จะคิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยถาม

ผู้ช่วยเหมันตร์ครุ่นคิดแล้วตอบกลับว่า “การแข่งขันU17ของคุณชายรองจบแล้วครับ ประเทศของเราได้ตั๋วไประดับโลกเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้กำลังแข่งรอบน็อกเอาต์รอบแรก ”

“อืม” เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นความหมายว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะก้มหน้าลงพูดด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “หลังจากที่การแข่งขันบาสเกตบอลเสร็จสิ้นแล้ว ช่วยทำเรื่องลาออกจากทีมของปีโป้ให้หน่อยแล้วส่งเข้าไปเรียนที่โรงเรียนขั้นสูง”

“ประธานเปปเปอร์ครับ?” เมื่อได้ยินประโยคนี้สีหน้าของผู้ช่วยเหมันตร์ก็เปลี่ยนไปทันที

ประธานเปปเปอร์หมายความว่าอย่างไร?

เป็นเพราะรู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปี จึงตั้งใจจะ ฝึกฝนและสอนงานให้คุณชายรองขึ้นมารับตำแหน่งแทนเหรอ?

เปปเปอร์รู้ว่าในใจของผู้ช่วยเหมันตร์คิดอะไรอยู่ เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “เอาล่ะ ผมขอถามหน่อย ผมและมายมิ้นท์เดินทางกลับมาที่เมืองเดอะซีได้อย่างไร?”

“ผมพาคนกลุ่มหนึ่งออกไปตามหาพวกคุณทั้งสองตามหมู่บ้านในชนบท และพบคุณทั้งสองอยู่ในบ้านของชาวบ้าน” ผู้ช่วยเหมันตร์รู้ว่าเปปเปอร์ตั้งใจจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจึงได้ตอบออกมาอย่างไม่พอใจนัก

ตอนนี้เขาแน่ชัดแล้วว่าประธานเปปเปอร์ต้องการ จะปั้นคุณชายรองขึ้นมาจริงๆ

แม้ว่าเขาจะเข้าใจ แต่ก็ไม่อาจยอมรับได้

ประธานเปปเปอร์ไม่มีความมั่นใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเลยอย่างนั้นหรือ?

แม้ว่าหัวใจจะหายาก แต่ไม่แน่ว่าอาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้นี่!

“ในบ้านของชาวบ้าน?” สายตาของเปปเปอร์แฝงถึงความสงสัย

ทำไมถึงอยู่ในบ้านของชาวบ้านล่ะ?

ไม่ใช่ถ้ำหรอกเหรอ?