บทที่ 579 เยี่ยมเยือนสํานักหงสวรรค์

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 579 เยี่ยมเยือนสํานักหงสวรรค์

 

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องโอสถเหนือสวรรค์หรือไม่ มันเป็นอะไรที่คล้ายกับโอสถสู่ปฐพีแต่ดียิ่งกว่า ยอมให้ผู้คนในเขตปฐพีวิญญาณก้าวเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณด้วยอัตราความสําเร็จที่สูงขึ้น”

 

“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าต้องได้ยินเกี่ยวกับมัน ในเมื่อทุกคนกระทั่งย่ายายของพวกนั้นยังพูดถึงตอนนี้ไม่มีใครสักคนที่จะมิเคยได้ยินเรื่องนี้อีกต่อไป”

 

“เพราะว่าโอสถเหนือสวรรค์นี้ ทั่วทั้งยุทธภพล้วนเกิดความปั่นป่วนยิ่งไปกว่าตอนที่โอสถสู่ปฐพี่ถูกประกาศตัวออกมา”

 

“นั่นมันเป็นสิ่งที่เห็นชัดอยู่แล้ว เจ้าคิดบ้างไหมว่ามีผู้ฝึกยุทธมากมายเพียงใดที่อยู่ใน เขตอัมพรวิญญาณที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ประมาณสิบคนเท่านั้น อย่างไรก็ตามด้วยโอสถเหนือสวรรค์นี้จํานวนจักต้องเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือไม่ก็สามเท่า หรือมากกว่านั้น”

 

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะพูดเช่นนั้น แต่ผู้คนจักได้รับโอสถเหนือสวรรค์นั้นได้อย่างไร ข้าได้ยินว่าตอนนี้มีเพียงผู้นําหญิงตระกูลฟางที่สามารถได้รับมาหนึ่งเม็ด และเธอต้องจ่ายเป็นจํานวนมหาศาลถึงสามสิบล้านก้อนหินวิญญาณสําหรับมัน”

 

“มิมีใครรู้ว่าจักได้รับโอสถนั้นได้อย่างไร แต่มีคนพยายามที่จะติดต่อกับศิษย์ของผู้อาวุโสเซียวเพื่อเม็ดยาเหล่านี้”

 

“ใครกันที่เป็นศิษย์สามคนนั้น ขออีกครั้ง”

 

“ถ้าข้าจําได้มิผิด ก็จะมีผู้นําสํานักหงส์สวรรค์ อดีตศิษย์ขอผู้อาวุโสเจิ้ง และลูกสาวคนเล็กของตระกูลไก่”

 

“อะไรนะ พวกเธอทั้งสามคนล้วนเป็นหญิงสาวสวยมิใช่ร์ ผู้อาวุโสเจิ้งช่างโชคดีเหลือล้นถ้าข้ามีศิษย์ที่สวยเช่นนั้น ข้าจักใช้เวลาส่วนใหญ่สอนพวกเธอบนเตียง”

 

“มีใครบ้างไหมที่รู้ว่าผู้อาวุโสเซียวคนนี้หน้าตาเป็นเช่นไร คาดว่าเขาคงจะเป็นชายชราที่น่าเกลียด ไม่เช่นนั้นทําไมเขาจึงต้องปกปิดหน้าตาของตัวเองด้วย”

 

“ใครจักสนว่าเขาน่าเกลียดหรือไม่ ด้วยชื่อเสียงปัจจุบันของเขากระทั่งหญิงสาวที่สวยที่สุดก็ มิลังเลแม้แต่น้อยที่จะมอบกายมอบใจให้กับเขา”

 

“เซ็งซิบ ถ้าเพียงแต่ข้าได้เกิดมาเป็นตัวเขา นี่คงจะเป็นโชคดีหล่นทับ”

 

ในขณะที่ทั่วทั้งยุทธภพพูดถึงเกี่ยวกับผู้อาวุโสเซียวและศิษย์ของเขาทั้งสามคนซูหยางก็กําลังมุ่งหน้าไปสู่สํานักหงส์สวรรค์

 

และเมื่อเขาไปถึงด้านหน้าสํานัก ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือฝูงชนจํานวนมหาศาลยืนอยู่ด้านนอกสํานักหงส์สวรรค์ ดูเหมือนเป็นทะเลมนุษย์

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจว่าทําไมคนเหล่านี้จึงมาอยู่กันที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเห็นร่างไปยังสํานักหงส์สวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าทุกคนที่นั่น

 

“ดูนั่นสิ มีจอมยุทธมุ่งตรงมาทางพวกเรา”

 

บางคนในหมู่ชนเตือนทุกคนเมื่อเขาสังเกตเห็นตัวตนของซูหยางมุ่งหน้าเข้ามา

 

เสื้อนักปรุงยาสีดําและหน้ากาก

 

หรือว่านั่นเป็นผู้อาวุโสเซียว นักปรุงยานั่น”

 

เมื่อพวกเขาตระหนักว่าเขาเป็นใคร พวกเขาพลันเปิดช่องทางให้กับเขา แม้ว่าจะอยู่บนพื้นที่ตาม

 

ซูหยางร่อนลดลงมาจากฟากฟ้าและเดินไปอย่างเยือกเย็นตามเส้นทางที่ฝูงชนได้สร้างไว้ให้กับเขา

 

“สํานักหงส์สวรรค์ขอคารวะอย่างนอบน้อมต่อผู้อาวุโสเชียว” เหล่าผู้อาวุโสสํานักที่คอยจัดการกับฝูงชนก่อนหน้านั้นต่างพากันคารวะ

 

“ไปลี่ฮัวอยู่หรือไม่” เขาถาม

 

“ท่านเจ้าสํานักตอนนี้รอคอยท่านอยู่ด้านใน

 

ซูหยางพยักหน้า “พาข้าไปพบกับเธอ”

 

จากนั้นผู้อาวุโสสํานักคนหนึ่งก็ได้เปิดประตูสํานักเพื่อปล่อยให้ซูหยางเข้ามาด้านในโดยมีคนอื่นๆคอยเฝ้ามอง

 

ครั้นเมื่อซูหยางเข้าไปในสํานักแล้ว ผู้อาวุโสสํานักก็พูดกับฝูงชนที่ด้านนอก “ตอนนี้พวกท่านคงเข้าใจแล้วว่าทําไมท่านเจ้าสํานักจึงไม่ยินดีพบปะกับแขกใดในตอนนี้ ถ้าพวกท่านต้องการที่จะพูดกับเจ้าสํานักของพวกเรา พวกท่านสามารถมาได้ในวันหลัง”

 

ฝูงชนไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว และพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มจากไปหลังจากนั้นไม่นานนัก

 

ในเวลานั้นภายในสํานักหงส์สวรรค์ ซูหยางก็ได้รับการทักทายจากเหล่าศิษย์นับพันทันทีที่เขาผ่านประตู และทุกคนนั้นล้วนเป็นศิษย์หญิง

 

รอยยิ้มโหยหาปรากฏขึ้นเบื้องหลังหน้ากากของเขาเมื่อเขานึกไปถึงสถานการณ์ ที่คล้ายคลึงกันที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

 

สํานักหงส์สวรรค์ก็เหมือนกับชื่อของมัน ในเมื่อศิษย์ทุกคนในสํานักล้วนสะสวยราวกับ เป็นหงส์สวรรค์

 

“ยินดีต้อนรับสู่สํานักหงส์สวรรค์ ท่านอาจารย์” ไปลี่ฮัวปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้นไม่นา นพร้อมกับรอยยิ้มสดใส

 

นับตั้งแต่เธอกลายเป็นศิษย์ของเขา ชื่อเสียงของเธอตลอดไปจนถึงสถานะของสํานักก็ได้ทะยานสู่ฟ้าในเมื่อเกือบทุกตระกูลที่มีอิทธิพลต่างก็พากันมาเคาะประตูสํานักของพวกเธอ

 

“เจ้ามจําเป็นต้องส่งศิษย์มากมายไปเพียงเพื่อทักทายข้า ข้ามั่นใจว่าพวกเธอมีสิ่งที่สําคัญมากกว่าที่ต้องทํา” ซูหยางพูด

 

“มิได้เป็นเช่นนั้นท่านอาจารย์ ข้ามิได้ขอให้ศิษย์เหล่านั้นไปทักทายท่าน พวกเธอต้องการที่จะทักทายท่านด้วยตัวของพวกเธอเอง” ไปลี่ฮัวกล่าวกับเขา

 

“อย่างนั้น เมื่อมีหญิงสาวสวยเยาว์วัยจํานวนมากมายมาทักทายข้าในคราเดียว ทําให้ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นชายที่โชคดีที่สุดในโลกในเวลานี้” ซูหยางพูดด้วยน้ําเสียงล้อเล่น

 

“โปรดตามข้ามาท่านอาจารย์ ข้าได้เตรียมที่พักที่ดีที่สุดที่พวกเรามีในสํานักให้กับท่านแล้ว”

 

“เจ้าจําเป็นต้องทําเช่นนั้น ยังไงก็ตามข้ามิได้อยู่ที่นี่นานนัก”

 

“นั่นมิมีปัญหาใดๆ ในเมื่อข้าได้จัดให้มันเป็นที่พักถาวรของท่าน เพื่อที่ว่ามันจักพร้อมให้ท่านใช้งานได้ตลอดเวลาเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านตัดสินใจที่จะมาเยี่ยมสํานัก”

 

ซูหยางติดตามไปลี่ฮัวไปอีกชั่วขณะ

 

“พวกเจ้าสาวๆคิดอย่างไรกับผู้อาวุโสเซียวคนนี้ เจ้าคิดว่าจริงแล้วเขาเป็นคนหล่อเหลาขัดแย้งกับข่าวลือด้านนอกที่ว่าเขาเป็นชายแก่น่าเกลียดบ้างไหม” หนึ่งในเหล่าศิษย์ถามหลังจากที่พวกเขาจากไป

 

“นั่นยากที่จะบอกได้จากรูปร่างของเขา…”

 

“ข้าหวังว่าข้าจักสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังหน้ากากนั่น”

 

ในเวลานั้นไปลี่ฮัวก็นําซูหยางกลับไปยังที่พักของตัวเธอเอง

 

“ให้ข้าแนะนําท่านกับศิษย์ของข้า ซูหยิน” ไปลี่ฮัวพูด

 

“ทักทายผู้อาวุโสเซียว ซูหยิน”

 

อย่างไรก็ตามซูหยินจ้องมองไปยังที่นั่นอย่างเงียบๆด้วยสีหน้าประหลาด ดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด

 

แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน แต่ก็มีบางอย่างที่คุ้นเคยเกี่ยวกับเขา

 

จากนั้นเธอก็ตระหนักว่าทําไม และเธอก็ได้ถามเขา “ทําไมท่านจึงมีกลิ่นเหมือนกับพี่ชายข้า”

 

ไปลี่ฮัวดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนกหลังจากที่ได้ยินคําพูดของซูหยิน จากนั้นเธอก็หันไปมองดูซูหยาง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” กระทั่งซูหยางเองก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แม้ว่าเขาได้ปลอมแปลงเสียงและรูปร่างหน้าตา แต่เขาก็ไม่ได้ทําอะไรกับกลิ่นกายของเขา อย่างไรก็ตามจริงแล้วเขาก็ไม่คาดคิดว่าซูหยินจะสามารถสูดกลิ่นระบุตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาได้ อาจเป็นเพราะว่าซูหยินก็มีพรสวรรค์ในด้านการปรุงยาหรืออาจะเป็นเพราะว่าเธอนั้นหมกมุ่นอยู่กับซูหยางก็ได้