บทที่ 415 เหมือนจะมีคนอยู่ในห้อง

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เพียงแต่นัยน์ตาล้ำลึก มืดมิดนั้น เต็มไปด้วยความหมายอันล้ำลึก…

เรนนี่กำลังนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเธอไม่ได้ดีขึ้นเลย มีแต่เริ่มซีดมากขึ้น

เมื่อหัสดินเดินเข้ามา เธอก็ลืมตาขึ้นทันที

เขาถอดสูทพาดไว้ที่แขน ก่อนจะสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ “ทำไมคุณถึงหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ”

เรนนี่ยังไม่ได้พูด แม่บ้านก็พูด เธอกำลังจะเตรียมอาหารเย็นให้คุณชาย แต่เธอเกือบจะล้มค่ะ

“ฉันไม่เป็นไร” เรนนี่ส่ายหัวและยิ้มเบาๆเช่นเคย แต่ก็ไม่สามารถปกปิดสีหน้าที่ซีดเซียวของเธอได้

เธอกำลังคิดว่าการพนันครั้งนี้ของเธอควรนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง ผู้ชายชอบผู้หญิงใจกว้าง เมื่อเทียบกับยู่ยี่ ความเข้าใจและความอ่อนโยนของเธอนั้นเหนือกว่าเธอ

เรนนี่รออยู่ เธอกำลังรอการขอแต่งงานของหัสดิน เธอเชื่อว่าวันนี้ไม่ไกลเกินไป จะมาในเร็วๆนี้

“อย่าขยับ เรื่องอาหารเย็นปล่อยให้เป็นหน้าที่แม่บ้าน ผมจะไปอาบน้ำก่อน”

ในห้องน้ำ เมื่อน้ำอุ่นไหลลงจากศีรษะของเขา หัสดินก็ลูบหยดน้ำออกจากใบหน้าด้วยมืออันใหญ่ของเขา และเอาแขนพิงกับผนังห้องน้ำ

เขากำลังคิดอยู่เรื่องหนึ่ง คิดถึงยู่ยี่ คิดถึงเรนนี่…

ถ้าจีบยู่ยี่อีกครั้ง ก็จะไม่สามารถอยู่กับเรนนี่แบบนี้ได้อีกอย่างแน่นอน…

ในการแต่งงานครั้งก่อนหัสดินรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่สามารถรับผิดชอบได้ แต่นอกเหนือจากนี้ก็ ไม่มีการโต้เถียงกัน เขามั่นคง ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เรื่องเลวเรื่องเดียวที่เขามีก็คือแอบกินนอกบ้านลับหลังยู่ยี่

แต่เขารู้สึกว่าที่เขาต้องแอบกินนอกบ้านก็เพราะว่าเขาถูกบังคับ ตอนนั้นบรรยากาศอึดอัดมาก เขารู้สึกว่าตัวเองจะระเบิด!

มิฉะนั้นเจ็ดปีที่ผ่านมาถ้าเขาอยากจะนอกใจ เขาก็ทำได้หลายครั้ง ไม่ใช่การอยู่กับเรนนี่แค่เพียงคนเดียว….

เรนนี่ไม่ได้คบกับเขานาน และก็ไม่ได้เรียกว่าสั้น นอกจากยู่ยี่แล้ว เธอก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขานานที่สุด

เธอไม่ได้ขออะไรจากเขา และเธอก็ทำแท้งให้เขา ตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง เขารู้สึกผิด

แต่ถ้าจะบอกว่า ตั้งแต่นี้ไปให้เขากับเรนนี่อยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจยู่ยี่ หัสดินก็รู้ดีว่าเขาทำไม่ได้

เขาคบกับยู่ยี่มาเจ็ดปีแล้ว และความสัมพันธ์ของเขากับเรนนี่นั้นลึกซึ้งน้อยกว่ามาก แถมช่วงนี้เขาก็เอาแต่คิดถึงยู่ยี่

ถ้าต้องเห็นยู่ยี่อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ชายคนอื่น หัสดินก็แทบคลั่ง เขาทนไม่ได้ ครั้งแรกของเธอเป็นของเขา!

ตอนนี้หัสดินตัดสินใจแล้ว ว่าเขาจะเลือกเรนนี่หรือยู่ยี่…

แต่ตอนนี้ร่างกายของเรนนี่อ่อนแอเกินไป ไม่ควรจะพูดในตอนนี้ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะบอกเรนนี่…

หัสดินรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนใจร้าย!

แถมเรนนี่ก็เป็นเขาเองที่เป็นคนเข้าไปยุ่งก่อน จนทำให้เธออยู่ในสภาพนี้ เขาต้องรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง

แถมเธอยังเป็นคนดี อ่อนโยน ใจกว้าง รู้ว่าคุณต้องการอะไรเสมอ เพราะแบบนี้ หัสดินถึงรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าชีวิตนี้จะบอกว่าเขาติดหนี้ใคร ก็คงติดหนี้เรนนี่!

เธอไม่เคยทำให้เขาเบื่อหรือไม่พอใจ

ปิดหัวฝักบัว หัสดินหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำจากด้านข้างสวมมันลงบนตัว แล้วเดินออกจากห้องน้ำ

แม่บ้านยังยืนอยู่ในห้อง ยิ้มและในมือยังน้ำขิงที่ต้มไว้ แล้วบอกว่าคุณนายกลัวคุณชายจะเป็นหวัด เธอก็เลยทำซุป

และเมื่อได้ยินคำว่า “คุณนาย” จากปากของแม่บ้าน สีหน้าของเรนนี่ก็นุ่มนวลขึ้น และอารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นกว่าที่เคย

หัสดินเลิกคิ้ว เขาไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดมากนัก ดวงตาลูกพีชที่ยาวและแคบของเขาหรี่ลง และมองไปที่เรนนี่บนเตียง “คุณควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อน ดูแลร่างกาย แทนที่จะยุ่งกับเรื่องไร้สาระเหล่านี้”

“ไม่เป็นไร ฉันรู้ดี คุณรีบตื่นตอนที่ยังร้อนเถอะ ข้างนอกหิมะตก น้ำขิงจะปัดเป่าความหนาวเย็น” เสียงของเรนนี่อ่อนโยนเหมือนน้ำหยด และให้ความรู้สึกเหมือนหญิงเจียงหนาน

ด้วยสีหน้าและการแสดงออกดังกล่าว หัสดินก็จ้องตรงมาที่เธอครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ดึงสายตาออกไป และตอบอย่างแผ่วเบา

เพราะทุกวินาทีที่เขามองตรงไป ความรู้สึกผิดในใจก็เพิ่มขึ้นทีละน้อย และหลังจากรับน้ำขิงมาแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้น และดื่มมันจนหมด

แม่บ้านยิ้ม หยิบชามเปล่าเดินออกไป พลางใช้โอกาสปิดประตูห้องนอนให้ด้วย ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างนายหญิงกับคุณชายนั้นดีมาก!

เรนนี่จัดระเบียบบนร่างกายของเขาโดยไม่พูดอะไร ความหมายของการกระทำนี้ชัดเจน คือบอกให้เขาเข้านอน

หัสดินนั่งอยู่ข้างเตียงจับมือเรนนี่ “ไม่ต้องยุ่งแล้ว พักผ่อนเถอะ คืนนี้ผมจะนอนห้องข้างๆ”

นอนห้องข้างๆ มือของเรนนี่ชะงัก และมองเขา “ทำไม”

“มีสัญญาบางอย่างที่ต้องอนุมัติ และหลายโครงการกำลังเริ่มดำเนินการแล้ว คืนนี้มีเอกสารที่ต้องเตรียมมากมาย คุณอาจนอนไม่หลับทั้งคืน ทำในห้องนอน มันจะรบกวนการพักผ่อนของคุณ…” หัสดินกล่าว

เรนนี่เงยหน้าขึ้น จ้องไปที่เขาอย่างลึกซึ้งและพูดว่า “ถ้าคุณต้องการ…ฉันสามารถใช้วิธีการอื่น…เพื่อตอบสนองคุณได้…”

หัสดินนวดหว่างคิ้วเบาๆ และวางมือบนไหล่ของเธอพลางคลุมผ้าห่มให้ “คุณคิดมากไปแล้ว โครงการกำลังจะเริ่มแล้วจริงๅ”

เรนนี่พยักหน้าแสดงความเข้าใจ หลังพูดราตรีสวัสดิ์ก็หลับตาลง

หัสดินไปที่ห้องถัดไป ผ้าม่านด้านหน้าหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานยังคงเปิดกว้างอยู่ เขายืนอยู่หน้าหน้าต่าง สูบบุหรี่ ไม่ได้อ่านเอกสาร

หลังกินอาหารเย็นเสร็จก็สี่ทุ่มแล้ว

เวลาสี่ทุ่มในฤดูหนาวไม่สามารถเทียบได้กับเวลา สี่ทุ่มในฤดูร้อน ในฤดูร้อนจะมืดช้า สองทุ่มฟ้าถึงจะมืด

ในฤดูหนาวเวลาหกโมงเย็นก็มืดแล้ว สี่ทุ่มถือว่าดึกมาก

ก่อนหน้าพวกเขาทั้งสองจะมา อาคิระได้ชำระบิลก่อนแล้ว และอากาศนอกร้านอาหารก็หนาวมาก

ฉันทัชขับรถมา แต่อาคิระไม่ได้ขับรถมา ในช่วงเวลานี้ แท็กซี่ไม่สามารถหาได้ง่ายๆ

อาคิระเปิดปากพูดว่า ภรรยาของเขาพาลูกกลับไปบ้านพ่อแม่ของเธอ เหลือเขาคนเดียวในคอนโด เขาไม่อยากกลับ จึงกลับไปที่คฤหาสน์ของฉันทัชด้วย

หลังจากได้ยินอย่างนั้น ยู่ยี่ก็บอกว่าเธอสามารถนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองได้ พวกเขาขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ได้เลย

แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันทัชจะตกลง เขายืนยันจะไปส่งเธอที่บ้าน

เมื่อผู้ชายที่อ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษอยู่เสมอนั้นพูดออกมาอย่างหนักแน่น ก็ทำให้เธอหมดหนทางจะปฏิเสธ

ยู่ยี่บอกว่าอพาร์ตเมนต์ที่เธอพักกับคฤหาสน์ของเขาอยู่กันคนละทาง ถ้าไปส่งเธอก่อน แล้วค่อยกลับคฤหาสน์ อาจใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกลับไปกลับมา

ฉันทัชยกข้อมือขึ้นมองเวลา แล้วจ้องมาที่เธอ “สี่ทุ่มครึ่ง คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้คุณยืนเรียกแท็กซี่ที่นี่คนเดียวหรอ”

ยู่ยี่รู้ว่าตามพฤติกรรมของเขาแล้ว มันเป็นไปไม่ได้!

การยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปเป็นการเสียเวลาและความพยายามเปล่าๆ เธอจึงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และเข้าไปในรถ

ฉันทัชนั่งในที่นั่งคนขับ อาคิระนั่งในที่นั่งข้างคนขับโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และยู่ยี่นั่งที่ด้านหลัง

แน่นอนว่าเมื่อมีอีกคนหนึ่ง หัวข้อของการสนทนาจะไม่ธรรมดาและเป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

บรรยากาศในรถเงียบมาก ทั้งสามคนไม่ได้ส่งเสียง มีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาเพียงเท่านั้น

รถหยุดอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ ยู่ยี่ลงจากรถ ลมหนาวที่พัดมาทำให้เธอรู้สึกหนาว สั่นไปทั้งตัว “ดึกมากแล้ว ฉันจะไม่ชวนขึ้นไปจิบชาแล้วกัน ราตรีสวัสดิ์ ขับรถดีๆนะคะ”

สีหน้าของฉันทัชนุ่มนวล เขาหัวเราะ ริมฝีปากบางของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยและกระตุ้น “คืนนี้หนาวมาก รีบขึ้นไปข้างบนเถอะ”

ยู่ยี่ตอบอย่างรวดเร็ว ยิ้ม โบกมือ แล้วหันหลังเดินเข้าไปในลิฟต์

เธอบิดกุญแจออกอย่างแผ่วเบาแล้วเปิดประตูอพาร์ตเมนต์ ขณะที่เธอกำลังจะยกเท้าเข้าไป ก็มีเสียงกรอบแกรบดังออกมา

หนูหรอ

ยู่ยี่ขมวดคิ้วเดินเข้ามา และก่อนที่เธอจะเปิดไฟ ก็มีแสงจ้าส่องเข้ามา เธอตามัว เป็นสีดำ มองไม่ชัด ได้แต่ใจสั่นตุบๆ ไม่ดีแล้ว เป็นโจรแน่!

อีกฝ่ายไม่ได้มีคนเดียว แต่มีสองคน คนหนึ่งอาศัยช่วงที่เธอมองไม่ชัดรีบวิ่งไปข้างหลัง และปิดตาของเธอ

ร่างกายของยู่ยี่แข็งทื่อ เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นของวัตถุที่คอของเธอ

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ กำมือแน่น นิ้วของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาว ทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลง

ในเวลานี้ คนอื่นช่วยเธอไม่ได้ เธอทำได้แค่ช่วยตัวเองเท่านั้น

“ฉันรู้ว่าจุดประสงค์ของคุณคือเงิน ฉันไม่อยากตายเพราะเงิน ฉันต้องการรักษาชีวิตของฉัน ดังนั้นในห้องนี้ คุณสามารถเอาเงินไปได้หมดเลยเท่าที่หาได้ ถ้าไม่เชื่อฉัน จะปิดตาฉันก็ได้ แต่ถ้าออกไปแล้ว ปิดประตูห้องให้ด้วย” เธอพูดอย่างใจเย็น

ไม่ว่าจะเป็นการโจรหรือเจอหัวขโมย เธอก็ไม่เคยเจอมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่โตขึ้น

แต่เธอรู้ และเข้าใจว่าในเวลานี้ ยิ่งเธอไม่วุ่นวาย ไม่ตื่นตระหนก และไม่ก่อกวนพวกเขา จะเป็นการดีที่สุดที่เธอจะไม่สูญเสีย

จากนั้นหูของเธอก็ได้ยินความเงียบที่ไม่เคยมีมาก่อน อันที่จริงก็ไม่เงียบซะทีเดียว เธอยังคงได้ยินเสียงหายใจอยู่ข้างหลังเธอ และเสียงค้นกล่องและตู้ต่างๆในห้อง

ดวงตาเห็นเพียงสีดำสนิท เมื่อบวกกับได้ยินเสียงอย่างนั้น หัวใจของยู่ยี่ก็เต้นอย่างดุเดือดราวกับว่ามันกำลังจะกระโดดออกจากอกของเธอ

เธออยู่ในความมืดและไม่เข้าใจว่าเธออยู่ในสถานการณ์ไหนในเวลานี้!

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงในอพาร์ตเมนต์ก็เงียบลง แต่เธอสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่อยู่ข้างหลังเธออย่างชัดเจน ยังไม่มีใครออกไป

หลังจากนั้นเธอก็ปวดคออย่างกะทันหัน ยู่ยี่พยายามดิ้น ถอดผ้าที่ปิดตาของเธอออก และเห็นเลือดที่ปลายมีดคม