ที่แท้นี่ก็คือปมในใจเขา
ตอนนี้เธอรู้สาเหตุที่ทำให้รอยยิ้มของเฉวียนหมิงหายไปในชั่วข้ามคืน จนป่วยเป็นโรคเส้นประสาทบนใบหน้าหมดความรู้สึกแล้ว จากเดิมที่คาดหวังว่าครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้า แต่กลับหายสาบสูญไปอย่างอยู่ไม่รู้ตายไม่เห็น
ประกอบกับที่พ่อแม่รีบกลับมาก็เพื่อให้ทันวันเกิดเขา เป็นใครก็คงทำใจไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กวัยแปดเก้าขวบอย่างเฉวียนหมิง ชั่วพริบตาก็เสียคนที่รักที่สุดไปสองคน
คนที่ไม่เคยมีก็คงไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้ อย่างเช่นตัวเธอเอง ตอนเด็กๆ ไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ เธอจึงไม่รู้จักความทุกข์ทรมานจากการสูญเสีย แต่ก็คงจะรู้สึกหัวใจแหลกสลายล่ะมั้ง
เฉวียนหมิงพยายามควบคุมอารมณ์ เม้มริมฝีปากแน่น เขาจะยกโทษให้ตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อเขาเป็นคนที่ทำร้ายพ่อแม่ด้วยมือตัวเอง เขาทำร้ายคนสองคนที่เขารักที่สุด
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ พวกเขาไม่โทษคุณหรอกค่ะ ต่อให้คุณไม่ได้โทร.ไป พ่อกับแม่ของคุณก็ต้องกลับมาฉลองวันเกิดคุณอยู่ดี คุณคือคนที่พวกเขารักที่สุด” อีลั่วเสวี่ยเห็นแบบนี้จึงมาอยู่ตรงหน้าเขา กอดเขาไว้เบาๆ
เดิมคิดว่าพ่อแม่เขาแค่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเท่านั้น มีคนมากมายที่ผ่านประสบการณ์แบบนี้ แต่คิดไม่ถึงว่ากรณีของเฉวียนหมิงจะมีสาเหตุที่ลึกลงไปกว่านั้น เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมหลายปีมานี้เฉวียนหมิงจึงไม่สามารถคลายปมในใจได้
ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน บางทีอาจจะไม่กล้าหาญเท่าเขาด้วยซ้ำ
ความอบอุ่นจากอ้อมกอดและการตบหลังเบาๆ ทำให้เฉวียนหมิงผ่อนคลายลง เขากอดตอบเธอ แล้วหลับตาลง ซบศีรษะบนไหล่เธอ
ผ่านไปครู่ใหญ่ อีลั่วเสวี่ยจึงคลายมือออกเล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อน ขอผมกอดอีกหน่อย” ความอบอุ่นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกลุ่มหลง ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยโทร.ไปหาพ่อแม่ จึงไม่เคยมีใครบอกว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา
ผ่านไปสามนาที เฉวียนหมิงจึงคลายมือออกจากอีลั่วเสวี่ย แต่ยังคงกุมมือเธอไว้
“เฉวียนหมิง ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่เรื่องก็ผ่านไปแล้ว คุณต้องปล่อยวางถึงจะถูก อีกอย่างคุณก็อย่ามองในแง่ร้าย ในเมื่อขาดการติดต่อ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้ก็ได้”
ต่อให้ไม่ใช่โลกนี้ ก็อาจเป็นโลกอื่น พายุอวกาศเกิดขึ้นได้ทุกเวลา เมื่อเกิดขึ้นก็จะดูดกลืนทุกอย่างรอบๆ ไป บางทีอาจเผอิญข้ามไปอีกมิติ ก็เหมือนอย่างเธอ
“คุณปลอบผม แต่ก็อย่างที่คุณว่า เมื่อไม่เจอตัว บางทีอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ เพียงแต่ไม่สามารถมาปรากฏตัวเท่านั้น เหมือนการทะลุมิติในนิยาย บางทีพวกเขาอาจไปอีกโลกหนึ่งก็ได้”
อีลั่วเสวี่ยรู้สึกแปลกใจ เขาไม่โต้แย้ง หรือเขาจะรู้อะไร ยังบอกว่าเชื่อว่าโลกนี้มีมิติคู่ขนานด้วย
“ถ้าโลกนี้มีการทะลุมิติจริง คุณจะเชื่อไหม” เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงถามคำถามนี้
เฉวียนหมิงมองอีลั่วเสวี่ยด้วยความสงสัย “คงพูดไม่ได้ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมรู้แค่ว่าโลกนี้กว้างใหญ่มาก มีเรื่องที่เราอธิบายไม่ได้มากมาย ดังนั้นเรื่องทะลุมิติก็น่าจะมีอยู่”
เพียงแต่ไม่ว่าจะทะลุมิติมาโลกนี้หรือจากโลกนี้ทะลุไปมิติอื่น ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือทะลุมิติไปได้อย่างไร พวกเขาไม่รู้ อีกฝ่ายก็ไม่บอกเท่านั้นเอง มีโลกที่เราไม่เคยเห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอยู่จริง
“ยังคิดว่าผู้ชายทั่วไปอย่างพวกคุณจะไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้ซะอีก ดูไปแล้ว คุณนี่มีวิธีคิดที่พิเศษมาก” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม เขาเป็นผู้ชายที่แปลกจริงๆ คนที่มองว่าผู้ชายเป็นใหญ่มักจะเยาะเย้ยว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเพ้อฝันของผู้หญิง ที่ไม่มีจริง
เฉวียนหมิงเริ่มจูงเธอเดินต่อจนถึงข้างเนินสูงนั้น “ตัวผมก็พิเศษ คุณไม่รู้สึกเหรอ”
“คุณนี่มั่นใจในตัวเองจริงนะ” พิเศษ พิเศษจริงๆ ป่วยตั้งหลายโรค ก็ยังรอดมาได้ถึงตอนนี้ ต้องยอมรับว่านี่เป็นปาฏิหาริย์จริงๆ
← ตอนก่อน