กลางคืนดูดาว 

 

 

“มั่นใจในตัวเองเป็นข้อดีไม่ใช่เหรอ” เฉวียนหมิงหันมา แววตาอ่อนโยนราวกับสายน้ำ 

 

 

“ใช่ๆๆ นายน้อยเฉวียนพูดอะไรก็ถูกทั้งนั้น” อีลั่วเสวี่ยหัวเราะ เธอส่ายหน้าพลางตอบ ไม่รู้ว่าเพราะจนใจหรือเพราะอะไร  

 

 

เฉวียนหมิงมีคุณสมบัติที่จะมั่นใจในตัวเอง อายุยังน้อยก็สืบทอดเฉวียนกรุ๊ป และบริหารได้อย่างดี แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าเขามีความสามารถไม่ธรรมดาเลย คนมากมายในวัยเท่าเขายังทำได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำ 

 

 

แม้จะบอกว่าเขายืนบนบ่าของปู่กับพ่อ แต่แบรนด์เคเอ็มคิว รวมทั้งร้านสาขาต่างๆ ก็มีอิทธิพลไม่น้อยกว่าเฉวียนกรุ๊ปเลย เห็นได้ว่า ต่อให้ไม่พูดถึงเฉวียนกรุ๊ป ตัวเขาเองก็เป็นคนที่มีฝีมือมาก 

 

 

“อาเสวี่ย คุณเองก็พิเศษมาก” เฉวียนหมิงไม่ได้เก็บสายตากลับไป ยังเอ่ยต่อด้วยสีหน้าจริงจัง 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้ว “พิเศษ? อย่างเช่น…” คนอย่างเฉวียนหมิงที่ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง น่ากลัวว่าถ้าตอนนี้คนที่ยืนอยู่ที่นี่ไม่ใช่ฉัน เขาก็คงรู้สึกว่าพิเศษเหมือนกัน 

 

 

“อย่างเช่นนิสัยใจคอของคุณ อย่างเช่นคุณเป็นคนมีหลักการมาก เท่าที่ผมรู้เกี่ยวกับผู้หญิง ไม่มีหรอกที่จะไม่ไล่ตามชื่อเสียงเงินทอง นอกจากนี้ยังหลงตัวเองเย่อหยิ่ง แต่คุณไม่ใช่แบบนั้น” 

 

 

เธอเหมือนดอกบัวเพียงดอกเดียวในเวลานี้ แม้จะอยู่ในโคลนตมแต่ก็ใสบริสุทธิ์ไม่เปื้อนมลทินแม้แต่น้อย ทั้งเธอยังมีสายตาที่มองโลกนี้อย่างถ่องแท้มาตลอด 

 

 

ข้อนี้เหมือนกับเขามาก เพราะเขาผ่านประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาในวัยเด็กทำให้เป็นแบบนี้ แต่ประสบการณ์ของอีลั่วเสวี่ยไม่น่าจะทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “เรื่องหลงตัวเอง ใครๆ ก็เป็นทั้งนั้น คุณแค่มองไม่เห็นเอง” ที่เธอต้องการเข้มแข็งและไม่หวาดกลัวอะไร ความจริงแล้วก็เป็นการหลงตัวเองแบบหนึ่ง เธอต้องการให้คนอื่นไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์เธอในแง่ลบเธอ เวลามีใครพยายามข่มเหงรังแก ก็สามารถตอบโต้ได้อย่างง่ายดาย นี่ก็น่าจะเป็นการหลงตัวเองเหมือนกัน 

 

 

เพียงแต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความเห็นแก่เรื่องเงินทองเป็นตัวตั้ง ทุกคนในโลกก็มีความหลงตัวเองกันทั้งนั้น 

 

 

“ดูสิ ที่คุณมองเนื้อแท้ของสิ่งต่างๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่ข้อดีเหรอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะเข้าใจได้” บางคนกระหายอยากทำแบบนี้ทั้งชีวิต 

 

 

“คุณอย่าเอาแต่อวยฉันเลย เดี๋ยวฉันจะได้ใจ” อีลั่วเสวี่ยถอนหายใจอย่างจนปัญญา ใครๆ ก็ชอบฟังคำพูดดีๆ ยกเว้นเธอ เฉวียนหมิงพูดชมเธออย่างนี้ เธอกลัวว่าจะทำให้ตัวเองลืมตัว 

 

 

เฉวียนหมิงยิ้มมุมปาก สีหน้าอ่อนโยน แววตาอบอุ่น “มีผมคอยปกป้อง อย่าว่าแต่ได้ใจเลย ต่อให้คุณวางโตเย่อหยิ่ง ผมก็จะไม่ยอมให้ใครพูดมาก!” ผู้หญิงของผม ผมต้องเอาใจ 

 

 

เอาใจเธออย่างไม่ต้องมีหลักเกณฑ์อะไรทั้งสิ้นยิ่งดี พอทำให้เธอเคยชินกับความอบอุ่นของเขาแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะถูกความเอาใจใส่ของคนอื่นจูงใจไป ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขารู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่ลืมตัว กลายเป็นผู้หญิงไม่ดีได้ง่ายๆ  

 

 

พอมองเข้าไปในดวงตาล้ำลึกคู่นี้แล้ว อีลั่วเสวี่ยก็ใจเต้นรัวอีกครั้ง ดวงตาของผู้ชายคนนี้ช่างทำให้คนหลงใหลได้จริง 

 

 

“แค่กๆ นี่คุณพูดเองนะ ถ้าต่อไปฉันกลายเป็นคนอย่างนั้น ต้องโทษคุณ!” 

 

 

“ได้” เฉวียนหมิงยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ 

 

 

อีลั่วเสวี่ยเหลือบมองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ คล้อยไปทางทิศตะวันตก จึงเดินย้อนกลับมาที่เดิมกับเฉวียนหมิง จากนั้นก็อุ้มกู่เจิงกลับคฤหาสน์ 

 

 

“ค่ำนี้กินอะไรดี” อาจเพราะเมื่อตอนเที่ยงวุ่นวายกับการเก็บข้าวของ ตอนบ่ายยังเดินเยอะ ทั้งสองจึงรู้สึกหิวเร็วมาก 

 

 

เฉวียนหมิงชะงักเล็กน้อย “มีอะไรกินบ้างล่ะ” เมื่อคืนกินสเต็ก ตอนเที่ยงก็กินพวกกับข้าวผัดไปแล้ว ก็น่าจะทำแบบอื่นกินบ้าง 

 

 

“เยอะแยะ คุณอยากกินอะไรล่ะ” เหล่าเกาทำงานละเอียดรอบคอบ เขาเตรียมวัตถุดิบทำอาหารไว้ที่นี่หลายอย่าง ถึงที่นี่จะใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้า แต่ก็มีน้ำมันตุนไว้มาก ตู้เย็นใช้งานได้ตลอด จึงเก็บอาหารไว้ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเน่าเสีย