ตอนที่ 562 คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม
เพราะอะไร ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ทำไมจู่ๆ เขาถึงได้เปลี่ยนใจได้เร็วขนาดนี้
ในหัวสมองของเธอมันเต็มไปด้วยความคิดบ้าๆ มากมาย ถึงขั้นคิดว่าอยากพุ่งตัวไปอยู่ต่อหน้าจิ้นหยวนแล้วลองถามเขาดูดีๆ ว่า “ทำไปคุณถึงต้องทำกับฉันแบบนี้”
ถึงขั้นที่ว่าจะลุกขึ้นยืนอยู่แล้ว แต่ทว่าก็มีอีกความคิดหนึ่งที่เข้ามาห้ามเอาไว้เสียก่อน
เธอรู้สึกสับสนไปหมด ร่างกายเย็นเฉียบ ดวงตาก็เริ่มชาและร้อนขึ้นมา
เธอไม่รู้เลยจริงๆ ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นอะไร และไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เธอได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ในใจมันเหมือนกำลังคิกอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนว่าไม่ได้คิดอะไรเลย
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ที่สมองของเธอค่อยๆ เริ่มรับการตอบสนองขึ้นมา เหมือนกับว่าข้างๆ ตัวเองกำลังมีคนเรียกอยู่ตลอดเวลา “มู่มู่ มู่มู่ คุณได้ยินผมไหม มู่มู่ มู่มู่”
ใครกันนะ
เธอค่อยๆ ลืมตาที่ปวดแสบขึ้นมา แล้วหันไปมอง ก็พบว่าเป็นใบหน้าอันสง่างามของฉีหย่วนเหิงที่กำลังมองมาที่เธอด้วยความกังวล และเสียงเหล่านั้นก็คือเสียงของเขา
เธอฝืนยิ้มออกมา “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
พูดแล้วก็กะว่าจะขยับตัว แต่ก็พบว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองมันชาไปหมดแล้ว เธอขมวดคิ้วแน่น
เธอนั่งมานานแค่ไหนแล้วนะ
ยังไม่ทันที่จะได้ดูเวลา ก็เห็นเขาถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”
เธอส่ายหน้า พอได้สติกลับมาอารมณ์มันก็เริ่มที่จะสงบลงไปเยอะ “ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
ฉีหย่วนเหิงลอบมองสีหน้าเธออย่างละเอียด พอเห็นว่าสีหน้าท่าทางของเธอดูสงบนิ่งลงแล้ว ถึงได้ถอนหายใจโล่งอกออกมา “เมื่อครู่นี้ผมตกใจแทบแย่แหนะ ผมเรียกคุณตั้งนานแต่ไม่มีเสียงตอบกลับ อีกนิดก็จะเรียกหมอมาดูคุณแล้วนะ”
“ไม่ ไม่ต้องเรียกหมอหรอกค่ะ ฉันแค่รู้สึกอารมณ์ไม่ดีน่ะ” เธอรีบห้ามเขาเอาไว้ทันที
ฉีหย่วนเหิงหันไปมองที่คอมพิวเตอร์ของเธอ “เป็นเพราะข่าวนี้อย่างนั้นหรือครับ”
เธอยิ้มออกมาอย่างอึดอัดใจ ไม่ได้พูดอะไรตอบ
เรื่องมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ถึงเธออยากจะพูดถึงอะไรอย่างอื่นแต่ก็มั่วต่อไปไม่ไหวแล้ว
ฉีหย่วนเหิงเบนสายตากลับมาที่ตัวเธออีกครั้ง ท่าทางอารมณ์ก็ดูเปลี่ยนไปเช่นกัน “ผมคิดว่าคุณจะตัดใจจากเขาแล้วเสียอีก แต่ว่าพอเห็นแบบนี้แล้วคงไม่สินะครับ”
พอพูดแบบนั้นออกมา เธอก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองมันเห่อร้อนไปหมด จริงสิ ก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอว่าเลิกกับเขาไปแล้ว พูดไปแล้วนี่ว่าจะไม่มีวันกลับไปอีก แล้วทำไมแค่เห็นข่าวนี่แล้วจะต้องเสียสติได้ขนาดนี้ด้วย
ทำไมหัวใจของเธอถึงยังได้อยู่ที่จิ้นหยวนกันล่ะ ทำไมไม่ยอมตัดสักที
จนมาถึงตอนนี้แล้วเธอก็ต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ จนถึงตอนนี้แล้วเธอก็ยังคงรักจิ้นหยวนอยู่ ไม่มีวันไหนเลยที่จะลืมเขาไปได้
ฉีหย่วนเหิงมองเธออย่างพิจารณา ลึกๆ ในดวงตาของเขามันมีความเศร้าที่ซ่อนอยู่ เขาพูดเสียงอ่อน “คุณยังไม่มีวิธีที่จะลืมเขา ใช่ไหม”
มือของเธอยกขึ้นลูบท้องตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เธอไม่พูดอะไร แต่ท่าทางแบบนั้นก็สามารถบอกทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแล้ว
ความรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ที่แพร่กระจายไปทั่วร่างของฉีหย่วนเหิงมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมันก็รุนแรงมากพอจนทำให้ใจของเขาเริ่มที่จะไม่สงบ เธอมองเขา อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “ขอโทษนะคะ ฉันคงลืมเขาไม่ได้จริงๆ จริงๆ เลย…”
เธออยากจะพูดออกไปให้มันชัดเจน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดจบ ก็พบว่าเขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอแล้ว จากนั้นก็กอบกุมเอานิ้วมือของเธอเคลื่อนไปใกล้ริมฝีปากแล้วจูบลงมา
วินาทีที่สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนนั้นเธอก็แทบจะชักมือกลับมาทันที แต่เธอก็ห้ามตัวเองเอาไว้ได้ทัน
ดวงตาของเขาจ้องมองมาที่เธอ “คุณรู้ว่าผมคิดอย่างไรกับคุณ”
เธอเผลอกลั้นหายใจ แล้วมองเขาอย่างแน่วแน่ “ขอโทษด้วยค่ะ”
เขายิ้มออกมาบางๆ “ไม่ต้องพูดขอโทษหรอกนะครับ เรื่องพวกนี้ผมเป็นฝ่ายยินยอมเอง ผมก็แค่อยากบอกว่า ผมจะรอคุณอยู่เสมอ ไม่ว่าในอนาคตคุณจะเลือกแบบไหน ผมก็จะเข้มแข็งเพื่อที่จะอยู่ข้างคุณตลอดไป”
ตอนที่ 563 อย่าใจร้อน
เขายังถึงขนาดกล้าวางมือตัวเองลงบนหน้าท้องของเธอ “ผมสามารถดูแลคุณได้ รวมถึงเขา ตลอดชีวิต”
เขาพูดออกมาอย่างคลุมเครือ ดูไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย เหมือนเขาแค่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างซื่อตรง แต่ก็ทำให้เฉียวซือมู่รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉีหย่วนเหิง คุณอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ฉันให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ จริงๆ นะ”
ไม่ว่าร่างกายหรือหัวใจของเธอมันก็อยู่ที่จิ้นหยวนทั้งหมด ไม่มีทางที่จะสามารถแบ่งมาให้กับเขาได้อีก ถ้าทำแบบนี้มันจะไม่ยุติธรรมกับเขาเป็นอย่างมาก เธอจะตอบรับเขาไม่ได้เด็ดขาด
เขาส่ายหน้า “สำหรับคุณแล้ว ผมยินยอมและเต็มใจ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นแล้วพูดกับเธอ “ผมจะไม่บังคับคุณหรอกนะ แต่ผมแค่อยากบอกกับคุณว่า เทียบกับจิ้นหยวนแล้ว ผมสามารถให้ความรักกับคุณได้มากกว่านี้ สามารถให้ความเชื่อใจได้มากกว่านี้ และสามารถดูแลเด็กคนนี้เป็นลูกแท้ๆ ของตัวเอง ไม่มีวันที่ผมจะสงสัยใจตัวคุณ จะรักคุณตลอดไป เพราะฉะนั้น ขอให้คุณลองคิดดูดีๆ อีกสักครั้งเถอะนะ”
เฉียวซือมู่มองดูเขาที่หนักแน่นไม่น้อย อ้าปากอยากจะพูดอะไรออกไป แต่ก็เหมือนพูดไม่ออก
บรรยากาศในห้องดูจริงจังขึ้นมาทันที มันกดดันจนบีบรัดหัวใจของเธอ และค่อยๆ กลายเป็นอีกหนึ่งคำพูดที่อยู่ในใจของเธอ
เธออ้าปากอยากจะพูดบางอย่างออกไป แต่ก็ถูกเขาใช้นิ้วกันริมฝีปากของเธอเอาไว้ “ยังไงคุณก็ลองคิดดูก่อนเถอะนะ ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือจะปฏิเสธผม แต่ผมก็หวังว่าจะได้รับคำตอบหลังจากที่คุณได้ลองคิดทบทวนดูแล้ว ไม่ใช่ใจร้อนตอบออกมาแบบนี้”
พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป เฉียวซือมู่พูดไม่ออกสักคำ ได้แต่มองเขาอย่างอึ้งๆ
เขาเดินไปที่ประตู ตอนที่มือของเขาสัมผัสกับประตู เขาก็หันกลับมาพูดกับเธออีกครั้ง “อย่าไปสนใจกับข่าวพวกนั้นเลยครับ ตอนนี้พวกสื่อมันไม่มีขอบเขตอะไรอยู่แล้ว บางทีข่าวพวกนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้”
พูดจบก็เดินออกไป
จนเขาออกจากห้องไปแล้วเธอถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา ที่เขาพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันนะ จิ้นหยวนอาจจะโดนใส่ร้ายอย่างนั้นเหรอ
หัวใจของเธอมันเต้นแรงขึ้นมา ความสิ้นหวังที่ทีอยู่ในใจมันเริ่มที่จะอันตรธารหายไป เธอรีบติดต่อหาเพื่อนเก่าและคนที่คุ้นเคยบางคน จากนั้นก็เริ่มสอบถามถึงแหล่งที่มาของข่าวเหล่านั้น
แต่ก่อนเธอทำงานที่สำนักพิมพ์นิตยสารมาตั้งนาน ก็ยังพอมีเส้นสายอะไรอยู่บ้าง ดังนั้นเธอจึงได้ความจริงของเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
ฉีหย่วนเหิงที่เดินออกไปแล้วมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ร่างทั้งร่างมันเย็นเฉียบจนน่ากลัว
พอเดินมาถึงที่ห้องหนังสือ เจิ้งไห่ที่อยู่ข้างๆ เขาก็ทนไม่ไหว เขาเองก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ดังนั้นจึงทำให้ได้ยินประโยคสุดท้ายที่เขาพูด จึงถามฉีหย่วนเหิงออกไป “ทำไมเจ้านายถึงต้องพูดประโยคสุดท้ายนั่นกับเธอละครับ ปล่อยให้เธอตัดใจไปเลยไม่ดีกว่าหรือ ”
ฉีหย่วนเหิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีฉันยังไงเธอก็คงจะตรวจสอบมันด้วยตัวเอง อย่างนั้นแล้วสู้ฉันพูดไปก่อนเลยไม่ได้กว่าเหรอ อีกอย่าง ถึงเธอจะตรวจสอบแต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับคำตอบที่ตัวเองอยากได้”
เขาเอ่ยขึ้นเล่นๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวภายในห้องหนังสือ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นในตอนที่อยู่ต่อหน้าเฉียวซือมู่มันได้หายไปแล้ว และแทนที่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคิด อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความโหดร้าย “นี่ถือเป็นโอกาสที่ดี ไม่คิดเลยว่าจิ้นหยวนมันจะทำตัวเองได้ ถ้าครั้งนี้ฉันไม่กำจัดมันฉันก็คงไม่ใช่คนตระกูลฉีแล้ว ”
เจิ้งไห่ตื่นตัวขึ้นมา ถึงแม้ว่าตัวเองจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้านายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็เชื่อใจหัวหน้าของตัวเองอย่างไม่คิดอะไร “เจ้านายคิดจะทำอย่างไรต่อไปครับ”
ฉีหย่วนเหิงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “แน่นอนว่าจะต้องใส่ไฟเพิ่มเสียหน่อย ให้มันได้ลองว่าการถูกไฟแผดเผาจนทำอะไรไม่ได้สักอย่างมันเป็นยังไง”
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ยังไม่ทันที่ตัวเองจะได้ลงมือกับจิ้นหยวน เขาก็เริ่มที่จะทำตัวเองให้วุ่นวายกว่าเดิมไปแล้ว แทบไม่จำเป็นต้องออกแรงก็ได้รับผลที่หวังแล้ว ไม่คว้าเอาไว้ก็คงจะโง่ไปหน่อยแล้ว