ตอนที่ 564 ขอโทษ / ตอนที่ 565 เธอเป็นใคร

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 564 ขอโทษ 

 

 

           คงไม่ต้องพูดถึงว่าทำไมจิ้นหยวนและฉีหย่วนเหิงถึงต้องมาปะทะกัน สำหรับเฉียวซือมู่แล้ว เธอรู้สึกทรมานราวกับว่าโลกทั้งโลกมันพังทลายลงมา 

 

 

           เธอได้ติดต่อกับเพื่อนเก่าเพื่อตรวจสอบและพบว่า เรื่องนี้ของจิ้นหยวนในครั้งนี้เหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง 

 

 

           เพราะมันไม่ได้มีแค่รูปตอนที่เขาและเจียงจื่อเซี๋ยนเดินออกมาจากบาร์พร้อมกันเท่านั้น แต่ยังมีรูปตอนี่เขาเดินออกมาด้วยสภาพเสื้อผ้าที่ใส่ไม่เรียบร้อยจากบ้านของหล่อนอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นตอนกลางดึก 

 

 

           ถ้าถึงขั้นนี้แล้วยังพูดไม่ได้ว่าระหว่างพวกเขาไม่มีปัญหาอะไรกัน อย่างนั้นก็คงมีแค่จับชู้ให้ได้คาเตียงเท่านั้น 

 

 

           แต่สำหรับเฉียวซือมู่แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว 

 

 

           แรงกระทบในครั้งนี้ถือว่าเป็นแรงกระทบที่รุนแรงมากสำหรับเธอ ในตอนที่ฉีหย่วนเหิงจัดการสั่งเรื่องของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ด้วยความไม่สบายใจจึงกลับมาดูเธออีกครั้ง และพบว่าเธอกำลังทิ้งของบางอย่างลงถังขยะด้วยใบหน้าเรียบเฉยพอดี 

 

 

           “คุณกำลังทำอะไรเหรอ” 

 

 

           เธอดูไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นเขาอีก เพียงเงยหน้าขึ้นมามองเขาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ แค่ทิ้งขยะ” 

 

 

           ที่จริงแล้วสิ่งที่เพิ่งทิ้งไปคือกระดาษที่เธอเขียนชื่อของจิ้นหยวนเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงเต็มหน้ากระดาษ แต่ในตอนนี้มันกลับรู้สึกผิดหวังในตัวเขาสุดๆ เป็นธรรมดาที่ไม่อยากจะเห็นมันอีก 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงเห็นท่าทางของเธอแล้วก้รู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องจิ้นหยวน จึงไม่คิดที่จะไปซักไซ้ต่อ เขามองเธอแล้วถามออกไป “พรุ่งนี้ผมจะต้องออกไปทำธุระ คงอีกประมานสองวันถึงจะกลับมา คุณอยากจะไปกับผมมั้ย” 

 

 

           เฉียวซือมู่ส่ายหัวโดยแทบจำไม่ต้องคิด “ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันอยู่ที่นี่ดีแล้ว ตอนนี้ไม่อยากจะออกไปไหน” 

 

 

           เขาเองก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอย่างไร จึงไม่ไปบังคับเธอ แต่ก็กำชับอะไรไปหลายอย่าง บอกให้เธออยู่แต่ในบ้านอย่าออกไปไหนบ่อย มีเรื่องอะไรให้เรียกคนไปทำ และถ้าหากรู้สึกไม่สบายก็ให้เรียกหมอทันที และอย่าลืมที่จะโทรหาเขาทุกวัน 

 

 

           เธอรับปากออกไปทุกอย่าง อีกนิดก็จะเหม่ออยู่แล้ว 

 

 

           ฉีหย่วนเหิงเป็นท่าทางแบบนั้นของเธอแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก 

 

 

           ในใจมันแอบดีใจอยู่เงียบๆ การเติบโตมันก็ต้องมาพร้อมกับความเจ็บปวด ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ทรมาน แล้วจะมีปีกที่เปล่งประกายสวยงามได้อย่างไรกัน เขามีความอดทนมากพอที่จะรอให้ผีเสื้อที่น่าหลงใหลอย่างเธอบินเข้ามาในอ้อมอกของเขาเอง  

 

 

           เขาลอบมองเธอ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาทันที ออกแรงดึงมือเธอขึ้นมาเพื่อให้เธอยืนขึ้น ต่อหน้าเธอที่กำลังตกใจ เขาดึงเธอไปที่ข้างเตียงอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็กดเธอให้นั่งลงบนเตียง “ฟังผมหน่อยนะ ตอนนี้คุณไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น นอนพักสักหน่อยเถอะครับ ก็แค่แฟนเก่าของคุณกำลังเป็นข่าวเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คุณจะทำร้ายตัวเองเพื่อเขามันไม่คุ้มหรอกนะ คุณอย่าลืมสิ ในท้องของคุณมีลูกอยู่ ถ้าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะมีผลกระทบต่อเขาเหมือนกัน” 

 

 

           พูดจบก็ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องของเธอ เธอรีบถดถอยหลังโดยอัตโนมัติ  

 

 

           เขาหยุดมือตัวเองแล้วบอกกับเธอ “เดี๋ยวผมจะออกไปแล้ว คุณก็นอนพักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวถึงเวลาแล้วจะให้คนขึ้นมาปลุกคุณ” 

 

 

           พูดจบก็ลุกเดินออกไปโดยไม่รอให้เธอตอบอะไรกลับ 

 

 

           พอเดินไปถึงหน้าประตู เฉียวซือมู่ก็เรียกเขาเอาไว้ “รอก่อนค่ะ หย่วนเหิง” 

 

 

           เขาหยุดชะงัก แต่ไม่ได้หันกลับไป “อะไรเหรอครับ” 

 

 

           เธอกัดริมฝีปากแน่น “ขอโทษนะคะ” 

 

 

           “ผมไม่ได้อยากฟังคำคำนี้จากคุณหรอกนะ ผมหวังว่าคุณจะพูดอะไรอย่างอื่นมากกว่านี้” เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วค่อยๆ พูดออกไป 

 

 

           เธอกำเสื้อของตัวเองแน่น แล้วเงียบไป 

 

 

           ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเศร้าๆ เปิดประตู แล้วเดินออกไป 

 

 

           ประตูห้องถูกปิดลงเบาๆ เธอสะท้านไปทั้งร่างกาย 

 

 

           ความใส่ใจของเขาไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ แต่แค่ไม่รู้จะทำอย่างไรเท่านั้นเอง เธอไม่รู้ว่าจะหลอกตัวเองอย่างไรจริงๆ ทำได้แค่เพียงให้เขาแบกรับไปอย่างไม่ยุติธรรม  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 565 เธอเป็นใคร 

 

 

           เขาพูดถูกแล้ว เธอจะไม่สนใจร่างกายตัวเองก็ได้ แต่ไม่ใช่กับลูก เขาไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงไรแบบนี้ได้ 

 

 

           ดังนั้นถึงแม้ว่าในใจของเธอจะรู้สึกวุ่นวายและสับสนเป็นอย่างมาก แค่หลับตาลงก็เห็นก็เห็นภาพของจิ้นหยวนกับฉีหย่วนเหิงวนไปเวียนมา แต่เธอก็พยายามที่จะไม่ไปคิดถึงมันให้มาก พยายามที่จะนอนหลับเพื่อรักษาตัวเอง 

 

 

           วันเวลาหลังจากนั้น เธอก็ทำเหมือนวันก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าในใจกำลังยุ่งเหยิง แต่ว่าในใจของเธอก็ไม่ได้ต้องการที่จะไปคิดอะไรมากมาย ได้แต่รอให้ลูกเติบโตขึ้นอยู่ในท้องเธอทุกวันอย่างเงียบๆ  

 

 

           ส่วนฉีหย่วนเหิงหลังจากที่พูดแบบนั้นกับเธอแล้ว วันรุ่งขึ้นเขาก็ออกจากบ้านไป ไม่รู้เลยว่าไปที่ไหน แต่พอลองดูดีๆแล้ว ก็พบว่าเขาพาคนไปด้วยเสียมากมาย 

 

 

           เขาจะไปที่ไหน หรือจะทำอะไร เธอไม่ได้อยากถาม และไม่ได้อยากรู้อะไรมากนัก 

 

 

           เธอคิดแค่อยากจะรักษาสุขภาพร่างกายตัวเองไปเงียบๆ 

 

 

           แต่ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำในสิ่งที่คิด ในวันเดียวกันกับที่ฉีหย่วนเหิงออกจากบ้านไป เธอที่เพิ่งจะทานมื้อเย็นเสร็จ และยังไม่ทันจะได้กลับห้อง ก็พบว่าสีหน้าของคนรับใช้ดูแปลกๆไป 

 

 

           จากนั้น เด็กสาวคนหนึ่งก็เดินดุ่มๆ เข้ามาตั้งแต่ตรงประตูใหญ่จนมาถึงข้างใน 

 

 

           นี่มันเรื่องอะไรกัน 

 

 

           เธออยู่ที่นี่มาตั้งนาน แต่ไม่เคยเห็นว่าจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาแบบนี้เลย เด็กสาวคนนี้เป็นคนแรก 

 

 

           ในใจของเธอรู้สึกแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวตรงหน้าจะมีท่าทางที่ตกใจมากกว่า ทันทีที่ดวงตากลมโตคู่นั้นเห็นเธอก็เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ริมฝีปากแดงสด เรือนผมหยักลอนสยายถึงกลางหลัง คิ้วโก่งสวย จมูกโด่งได้รูป สีผิวออกจะติดสีบลอนนิดๆ เป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่มากคนหนึ่ง 

 

 

           เธอเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉียวซือมู่ สายตาที่ดูไม่เป็นมิตรมองเธออย่างพิจารณา และตามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหยิ่งไม่น้อย “นี่ เธอเป็นใครกัน ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่”  

 

 

           นี่คงเป็นพวกลูกคุณหนูที่ถูกตามใจจนเสียคนสินะ เฉียวซือมู่พิจารณาหล่อนเงียบๆ และพบว่าบนร่างกายของหล่อนั้นมีแต่แบรนด์เนมราคาแพงเต็มไปหมด จะพูดจะจาทีปลายคางเจ้าหล่อนก็แทบจะชี้ขึ้นฟ้าอยู่แล้ว 

 

 

           และเธอเองก็พอที่จะเดาถึงฐานะของแขกที่มาเยือนได้แล้ว 

 

 

           ดังนั้นถึงแม้ว่าจะถูกหล่อนยั่วยุใส่แบบนั้นก็ไม่คิดโกรธ และตอบกลับไปอย่างสงบ “เธอไม่รู้เหรอว่าเวาลาจะถามชื่อใครก็ต้องแนะนำชื่อของตัวเองก่อน?” 

 

 

           “ใครมันจะไปรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน มีค่ามากพอที่จะมารู้ชื่อของฉันงั้นเหรอ” เด็กสาวเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นก็ทำท่าทำทางว่าเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาขึ้นมา “แต่ถือว่าฉันสงสารเธอนะ จะบอกให้ก็ได้ ฉันแซ่ถัง เธอเรียกฉันว่าคุณถังก็พอแล้ว แล้วเธอล่ะเป็นใคร มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา” 

 

 

           น้ำเสียงก้าวร้าวแบบนี้…ทำเอาความคิดในสมองของเฉียวซือมู่เริ่มจะเปลี่ยนแล้ว แต่ใบหน้าของเธอยังคงไม่แสดงความรู้สึกออกไป กลับกันกลับมีรอยยิ้มขึ้นมาบางๆก่อนจะตอบออกไป “คุณถังสินะ ฉันแซ่เฉียวค่ะ เป็นเพื่อนของเขา” 

 

 

           สีหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนไปทันที “เธอรู้รึเปล่าว่าที่นี่มันที่ไหน เธอเป็นเพื่อนของเขาอย่างนั้นเหรอ คิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง ฉันจะบอกเธอไว้ให้นะ ถ้ายังรู้ตัวว่าจะต้องทำยังไงต่อไปก็รีบออกไปจากชีวิตเขาซะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ไว้หน้าเธอแน่!” 

 

 

           ที่แท้ก็เป็นคนที่แอบชอบฉีหย่วนเหิงนี่เอง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ชอบหล่อนเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นหล่อนก็คงปรากฏตัวให้เห็นตั้งนานแล้ว คงไม่รอให้เขาออกจากบ้านไปถึงได้ค่อยเข้ามาวุ่นวายกับเธอแบบนี้หรอก 

 

 

           เฉียวซือมู่เข้าใจสถานะของหล่อนขึ้นมาได้ทันที มองหล่อนที่กำลังหงุดหงิดแล้วอธิบายออกไป “คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรจริงๆ เป็นแค่เพราะว่าทางบ้านของฉันกำลังมีปัญหาถึงได้มาอยู่ที่นี่ก็เท่านั้น” 

 

 

           “โกหก เธอรู้ไหมว่าที่นี่มันที่ไหน คำพูดแบบนั้นใครมันจะไปเชื่อ ฉันจะบอกให้นะ รีบย้ายออกไปซะก่อนที่เขาจะกลับมา ไม่อย่างนั้นก็รอดูฉันเป็นคนลงมือก็แล้วกัน!” เด็กสาวพูดจบก็จ้องเธอเขม็ง ก่อนจะเดินออกไปอย่างโมโห