ส่วนที่ 4 ตอนที่ 94 สีสันสวยสะดุดตา

ความลับแห่งจินเหลียน

หลังจากนั้นซีเหมินจินเหลียนก็ได้ไปดูหินหยกจากบริษัทจิวเวอรี่อื่นๆ พบว่ายังพอมีดีอยู่บ้าง ข้างในและข้างนอกเหมือนกัน ไม่เหมือนกับบริษัทเมื่อสักครู่นี้ที่ผิวลักษณะภายนอกดูดีมาก แต่ความเป็นจริงแล้วข้างในกลับเป็นแค่ผ้าขี้ริ้วเท่านั้น 

 

เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาเกินไป เธอจึงเลือกที่จะวางเดิมพันที่ไม่สูงจนเกินไปนัก อีกทั้งนอกจากเงินสิบล้านนั้น รวมกับทางนี้แล้วเธอก็แค่ให้จ่านมู่ฮวาวางลงไปยี่สิบล้าน รวมแล้วทั้งหมดเป็นเงินสามสิบล้าน การเดิมพันที่หรูหรานี้ เลขเท่านี้น่าจะไม่ได้ดึงดูดสายตาคนขนาดนั้น 

 

“จินเหลียน พวกเราไม่เดิมพันต่อแล้วเหรอ?” จ่านมู่ฮวาตามติดเธออยู่ด้านหลังแล้วถามขึ้นมา 

 

“จริงสิ บริษัทคุณนายตระกูลซูที่คุณพูดถึงคือบริษัทไหนกัน?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ คุณนายซูคนนั้นในเมื่อเข้าร่วมงานนิทรรศการเช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีบริษัทจิวเวอรี่เป็นของตัวเอง เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย 

 

“บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ เป็นบริษัทที่เธอถือหุ้นอยู่” จ่านมู่ฮวาพูด 

 

“พวกเราเข้าไปดูลักษณะหินหยกของบริษัทพวกเขากันดีไหม?” ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้ว วันนี้ตอนกลางวันเธอเคยมองสินค้าที่บริษัทหมิงฮุยนำมาจัดแสดง แต่ตอนกลางคืนไม่เห็นหินเดิมพันของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่เลยนี่นา 

 

“เหมือนว่าวันนี้บริษัทของพวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมการเดิมพันสีและชนิด วันนี้พวกเขาเล่นเดิมพันหินใหญ่ จริงสิ จินเหลียน พวกเรายังไม่ได้วางเดิมพันหินใหญ่เลย” จ่านมู่ฮวาพูด 

 

“หืม?” ซีเหมินจินเหลียนคิดขึ้นมาได้ เดิมพันหินใหญ่ นั่นถึงเป็นไฮไลท์ของทั้งสามรายการในวันนี้ 

 

“รีบไปดูกันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด 

 

การเดิมพันหินใหญ่ ความจริงก็เหมือนการเดิมพันสีและชนิดเช่นเดียวกัน เพียงแต่ผู้เข้าร่วมงานจะนำหินหยกมาเอง ผู้ชนะไม่เพียงแต่สามารถชนะการเดิมพันทั้งหมด ยังสามารถชนะหินหยกจากผู้ร่วมงานที่พ่ายแพ้ไปได้ 

 

อีกทั้งการเดิมพันหินใหญ่จัดขึ้นที่ด้านหลัง แต่ยังสร้างบรรยากาศความคึกคักไม่ต่างกัน หรืออาจจะคึกคักกว่าบรรยากาศข้างหน้าเสียด้วยซ้ำ ซีเหมินจินเหลียนเห็นเหล่าคนคุ้นเคยท่ามกลางกลุ่มผู้คนนั้น อย่างเช่นประธานสวี่จากบริษัทเสียงเฟิงจิวเวอรี่ และประธานเฉินจากบริษัทเซิ่งเต๋อจิวเวอรี่ 

 

แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจในนั้นก็คือ ท่ามกลางผู้คนและบรรยากาศที่คึกคักนั้น คิดไม่ถึงว่าเธอจะพบเจียหยวนฮวาอยู่ตรงหน้า 

 

ผู้อาวุโสคนนี้ ทำไมอยู่ๆ ถึงมาเดิมพันที่นี่ได้ ซีเหมินจินเหลียนถามตัวเองขึ้นในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดู เป็นอย่างที่คิดไว้ เจียหยวนฮวานำหินหยกมาเข้าร่วมการเดิมพัน เพียงแต่เป็นหินหยกขนาดเล็กน้ำหนักน่าจะราวๆ สิบกว่ากิโล 

 

“วันนี้ก็ถือว่าพอจะคึกคักขึ้นมาหน่อย” จ่านมู่ฮวาพูด “คิดไม่ถึงว่าจะมีบริษัทถึงสิบห้าบริษัทเข้าร่วมการเดิมพันหินใหญ่”     

 

“กติกาการเล่นเกมน่าสนใจมาก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “อีกเดี๋ยวจะได้เปิดหินต่อหน้าผู้คน แต่เพียงแค่ตัดสินชี้ขาดสูงต่ำ มันก็ลำเอียงไปหน่อยหรือเปล่า? ถ้าจะประเมินตามคุณภาพของหินหยกแต่ละชิ้นโดยรวม ก็ต้องดูตามลักษณะของมัน ในเมื่อเป็นอย่างนี้หินหยกขนาดเล็กก็เสียเปรียบมากสิ?” 

 

“คุณดูนี่สิครับ มีรายละเอียดกำหนดไว้ชัดเจน แฟกซ์ที่ส่งไปให้คุณครั้งก่อนก็ระบุไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าดูจากลักษณะเป็นหลัก หรือจะพูดก็คือแม้ว่าจะเป็นหินหยกก้อนเล็ก ขอแค่ลักษณะดีก็สามารถชนะหินหยกก้อนใหญ่ที่เหลือทั้งหมด และสามารถถีบตัวเองมาอยู่อันดับแรกๆ ได้ นอกจากนี้หินหยกของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดไม่สามารถเกินสามสิบกิโลกรัม เพื่อที่จะลดการเกิดข้อถกเถียงโต้แย้งที่ไม่จำเป็นขึ้น” 

 

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า สามสิบกิโลกรัมถือว่ามีขีดจำกัด ไม่เช่นนั้นถ้าหากเปิดหินหยกที่หนักเป็นตันของเธอต่อภายนอก แม้กระทั่งหินหยกที่หนักสองสามตัน เมื่อแกะออกมาก็อาจจะทำให้คนหันมาต่อว่าได้  

 

หินหยกทั้งสิบห้าก้อนถูกวางไว้บนโต๊ะสิบห้าตัว ไม่ว่าใครก็สามารถจับต้องได้ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่สามารถมาร่วมงานครั้งนี้ได้ต่างเป็นคนมีหน้ามีตา อีกอย่างบนโต๊ะก็ได้เขียนน้ำหนักของหินหยกและแหล่งกำเนิดแต่ละก้อนและรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ รวมถึงเขียนไว้ด้วยว่ามาจากบริษัทไหน 

 

“ผู้เข้าร่วมงานทุกคน ต้องการวางเดิมพันหนึ่งล้านเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถาม 

 

“ใช่ครับ” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “วันนี้ใครที่ชนะแล้วถูกจัดอันดับไว้ข้างหน้า ไม่เพียงแต่จะสามารถครอบครองหินหยกที่อยู่ในงานทั้งหมด แต่ยังจะได้รับเงินรางวัลไปอีกสิบห้าล้าน” 

 

“แล้วอันนั้นล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม พูดพลางมองไปที่หน้าจอประกาศที่มีตัวเลขและอัตราต่อรองเลื่อนไปมา 

 

“นั่นเป็นสิ่งที่ผู้จัดงานทำขึ้นมา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็คือผู้จัดงาน!” จ่านมู่ฮวาอธิบาย 

 

เช่นนั้นซีเหมินจินเหลียนก็เข้าใจขึ้นมา ในเมื่อผู้จัดงานทำแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถแพ้ได้ เพราะตอนนี้บริษัทที่มาเข้าร่วมในงานมีถึงสิบห้าบริษัท ส่วนผู้ที่ชนะในครั้งสุดท้ายก็มีแค่บริษัทเดียว สิบห้าต่อหนึ่ง แถมยังมีตัวเลขที่ยังไม่รู้อีกตอนนี้และเลขต่อรองสินค้าที่อยู่ในนั้น ยังไงผู้จัดงานก็ไม่มีทางเสียเปรียบในเรื่องเงินอย่างแน่นอน 

 

“เป็นอย่างไร คุณจะลองดูหินหยกของทั้งสิบห้าบริษัทไหม แล้วหลังจากนั้นค่อยวางเดิมพัน?” จ่านมู่ฮวาถาม 

 

“แน่นอนว่าต้องดูอยู่แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางเดินไปทางโต๊ะที่วางหินหยกไว้อยู่ 

 

เธอดูไล่ตามลำดับ โดยเริ่มจากก้อนแรก ก้อนแรกเป็นเนื้อน้ำแข็ง ไม่ใช่สีเขียวบริสุทธิ์ จัดอยู่ในสีเขียวอ่อน แถมยังมีสีขาวฝ้ายติดอยู่นิดหน่อย ลักษณะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ 

 

ก้อนที่สองและก้อนที่สามลักษณะดูธรรมดา ส่วนก้อนที่สี่ ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกเหมือนอยากจะร้องออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก นั่นเป็นสีเขียวเข้มสดอย่างแท้จริง สว่างสดใสอย่างมาก แต่เสียดายที่ความโปร่งแสงน้อยเหลือเกิน คนที่ชอบสีสวยๆคงจะถูกใจ แต่มูลค่าไม่ได้สูงนัก 

 

ก้อนที่ห้าเป็นชนิดเนื้อแก้ว แต่น่าเสียดายที่ไร้สี 

 

ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา แม้ว่าจะเป็นสถานที่จัดงานเช่นนี้ แต่ลักษณะของหยกที่ปรากฏกลับไม่เป็นดั่งที่ใจเธอต้องการเลยแม้แต่นิด มีแต่สินค้าขยะทั้งนั้น แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ เท่าที่เธอดูมาทั้งห้าก้อนนั้น ก็ไม่มีหินอยู่เลย หรือจะบอกว่าไม่มีหินปลอมแปลงมานั่นเอง นี่ถึงเรียกว่าการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงสินะ 

 

เมื่อดูไปเรื่อยๆ จนถึงก้อนที่สิบเอ็ด ซีเหมินจินเหลียนก็ขมวดคิ้วขึ้น หรือว่าจะเป็นสีม่วงดอกไลแอค? คิดไม่ถึงว่าสถานที่แบบนี้จะยังสามารถพบเจอสีม่วงดอกไลแอคที่แสนสดใสได้ แถมลักษณะของมันยังดีกว่าสีม่วงของหยกสีผสมก้อนนั้นของเธอเสียด้วย สีเข้มขึ้นมาหน่อย ความโปร่งใสสูง ความมันวาวก็ดี เป็นเนื้อแก้วที่แท้จริง ใสนุ่มลื่นมีน้ำงามที่เปล่งประกาย…     

 

เพราะว่ามีเวลาไม่มาก ซีเหมินจินเหลียนเลยไม่ได้ดูผิวเปลือก จุดหยกและเส้นลายหยก อาศัยแต่ความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอก็ไขว้คว้าประโยชน์อย่างรวดเร็ว 

 

ในตอนนี้เธอไม่เพียงแต่ตื่นตาตื่นใจ แต่สติยังคงจดจ้องไปที่ผิวเปลือกของหินหยกก้อนนี้ สีเทาน้ำตาลธรรมดา มีเส้นลายหยกที่บางเบาคาดรัดผิวไว้อยู่ จุดหยกไม่ได้ชัดเจนมาก ไม่ได้เป็นจุดหลักๆ ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่ น่าจะหนักประมาณสิบห้าสิบหกกิโลกรัม     

 

พูดโดยรวมแล้ว ลักษณะผิวของหินหยกก้อนนี้ก็ดีเกินคาด เกรงว่าการต่อรองราคาคงจะสูงขึ้นหน่อย การเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้คงต้องมีโอกาสที่ม้ามืดจะปรากฏตัวขึ้นแน่ๆ 

 

ซีเหมินจินเหลียนเหลือบสายตามองไปที่ข้อมูลของหินหยกบนโต๊ะนั้น เพียงไม่นานก็ยิ้มออกมา เจียหยวนฮวา…หรือราชาแห่งนักเดิมพันหยกคนนั้น หินหยกของเขานับว่ายังคงดึงดูดผู้คนเช่นเดิม นับว่าเป็นม้ามืดจริงๆ นี่ก็ไม่แปลกใจเลย 

 

เมื่อเห็นหินหยกก้อนนี้ของเจียหยวนฮวาแล้ว เธอก็ยิ่งมีความสนใจและกระตือรือร้นมากขึ้น เกรงว่าอันดับในคืนนี้คงต้องตกไปอยู่ในมือของราชาแห่งการเดิมพันหยกแน่ แต่เธอยังคงต้องงระวังอย่างรอบคอบ ยังเหลือหินหยกอีกหลายชิ้นที่ต้องรอดูก่อน 

 

ชิ้นที่สิบสอง สิบสามและสิบสี่นั้นธรรมดา ส่วนก้อนสุดท้ายก็ต้องทำให้เธอถอนหายใจออกมาอยู่บ้าง ผิวของมันเป็นสีเหลืองธรรมดา แต่กลับมีสีแดงนิดหน่อย น่าจะเป็นสีเหลืองแดงไม่บริสุทธิ์ ดูแล้วเหมือนทำมาจากสีเหลืองของโคลน ไม่มีจุดหยกและไม่มีเส้นลายหยก น้ำหนักน่าจะราวๆ เก้ากิโลกรัม 

 

เจ้าของหินหยกชิ้นนี้ก็ไม่ได้จัดอยู่ในบริษัทจิวเวอรี่แห่งไหน แต่มีชื่อเขียนไว้ว่า ‘เฉาเสวี่ยฉิน’ ซีเหมินจินเหลียนเห็นแล้วมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก คนคนนี้จะทำผิดกติกาเกินไปหรือเปล่า? 

 

คิดว่าน่าจะเป็นชื่อจริงของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่แห่งนี้มีชื่อนิรนามก็เยอะ มีแต่บริษัทจิวเวอรี่เท่านั้นที่อยากจะอาศัยโอกาสนี้ในการโฆษณา ถึงได้ใช้ชื่อจริง ส่วนเจียหยวนฮวาก็มีคนในวงการรู้จักเขาอยู่มาก แน่นอนว่าคงปิดบังตัวตนไว้ไม่มิด 

 

“คุณดูนี่…” ซีเหมินจินเหลียนพูดกับจ่านมู่ฮวา 

 

“นี่น่าจะเป็นชื่อสมมติขึ้นมา แต่ถ้าหากคุณสนใจ เดี๋ยวผมค่อยช่วยคุณสืบหาประวัติเขาก็ได้” จ่านมู่ฮวาพูด “บัญชีธนาคารของเขาใช้ชื่อปลอมไม่ได้ อีกอย่างธุรกรรมในวันนี้ก็มาจากคลับหยกดูแลทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะหา มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก” 

 

“ไม่ต้อง ฉันเพียงแค่แปลกใจก็เท่านั้น” 

 

ในระหว่างที่พูดนั้น เธอก็ยื่นมือออกไปสัมผัส เมื่อได้สัมผัสแล้วสีหน้าของเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป นิ้วมือของเธออ่อนไหวมาก ห่างจากผิวของเปลือกก็สามารถตัดสินได้แล้วว่าเนื้อหยกข้างในหินหยกนี้มีความนุ่มลื่นระดับไหน อีกทั้งลักษณะเช่นนี้เธอก็สรุปไว้ว่าเป็นผลจากความสามารถของเธอ เพราะเมื่อก่อนเธอไม่เคยสัมผัสได้ถึงความนุ่มลื่นนี้ นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอด้วย 

 

หินหยกก้อนนี้ ความนุ่มลื่นและความละเอียดน่าจะเทียบได้กับหยกราชางู 

 

หินหยกราชางู เป็นหยกที่มีความละเอียดนุ่มลื่นที่สุดในบรรดาหยกที่เธอเก็บสะสมมา ความโปร่งใสเหมือนกับคริสตัลธรรมชาติ ส่วนหยกที่เหลือถึงจะเป็นหยกประกายดาว หยกสีเลือด แต่ความละเอียดก็ยังไม่มีความนุ่มลื่นเท่านี้ ความโปร่งใสไม่ได้สูงมากขนาดนั้น 

 

หัวใจของซีเหมินจินเหลียนร้องเรียกอีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่ใจเต้นแรงตึกตัก ตอนนี้เธอถือว่าได้พบเจอผ่านโลกมาเยอะ หยกชั้นดีที่เธอเก็บสะสมก็มีไม่น้อยเลย แต่การที่ได้พบหยกที่สามารถเทียบได้กับหยกราชางูนั้น ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แม้กระทั่งมีบางครั้งที่หัวใจเต้นแรง 

 

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะว่าพอจะมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว ซีเหมินจินเหลียนจึงรีบเร่งใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอไปแอบดูลักษณะข้างใน แต่ทว่าก็ใช้เวลาในการสำรวจผิวเปลือกข้างนอกด้วย ผิวนี้เหมือนกับผิวของราชางู ไม่ได้เป็นที่ดึงดูดสายตาคน และไม่มีการแสดงออกลักษณะที่ดีให้เห็นจากภายนอก สามารถพิสูจน์ได้ว่าหยกข้างในน่าจะซ่อนไว้ลึกอยู่ 

 

ผิวเปลือกที่นุ่มลื่น รอยหยกก็เป็นไปตามหลักการ ถ้าหากสีเขียวปรากฏ น่าจะมีสีเขียวอยู่ในนั้นถึงสองในสามส่วนของทั้งหมดแน่ๆ ซีเหมินจินเหลียนคาดการณ์ไว้ขั้นแรก 

 

มือขวาของเธอสัมผัสไปที่หินหยกก้อนสีเหลืองแดงนั่นอย่างสั่นระรัว ผิวเปลือกสีเหลืองแดงก็หายไปในตาของเธอ ข้างในเป็นหินสีขาว เมื่อใช่ความสามารถในการมองผ่านความลึกประมาณสามเซนติเมตร สายตาของเธอก็สว่างพรึบขึ้นมาทันใด หินสีขาวนั่นเผยให้เห็นถึงสิ่งบางอย่าง ที่คอยส่องแสงระยิบระยับในม่านตาของเธอ 

 

ซีเหมินจินเหลียนใช้ความสามารถในการมองทะลุต่อไป เนื้อหยกของหินหยกก้อนนี้เป็นสองในสามส่วนอย่างที่คิด ลักษณะดีมาก สีสันข้างในดูแล้วทำให้มุมปากของเธอยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำไมหินหยกลักษณะแบบนี้ถึงปรากฏตัวขึ้นในการเดิมพันหินใหญ่ แต่ไม่ปรากฏในมือของคนขายหินหยก? ทำให้เธอพลาดโอกาสซึ่งๆ หน้า?