ตอนที่ 118 ไม่เหมือนแล้ว  

 

 

 

 

 

หากแต่ถงถงเอ๋อร์ไม่กล้าพูดออกมา แต่ล้วงขวดยาออกมาจากอกเสื้อยื่นให้หงหลิงเอ๋อร์ พลางพูดว่า 

 

 

“เอายานี่ให้นางกิน ภายในเวลาครึ่งปีพลังทิพย์ของนางจะไม่เพิ่มขึ้น นางก็จะกลายเป็นแค่คนที่ไร้ประโยชน์ อาจารย์ก็จะทอดทิ้งนาง ส่วนเรื่องอื่นถึงตอนนั้นค่อยว่ากันทีหลัง” 

 

 

“นี่ยาอะไร เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่เป็นผลร้ายต่อข้า” 

 

 

ถงถงเอ๋อร์เอ่ยว่า 

 

 

“นี่คือยากลืนพลังทิพย์ เป็นของล้ำค่าที่คราวก่อนอาจารย์มอบให้ข้า ข้าจำเป็นต้องเอาออกมาใช้เพื่อช่วยศิษย์น้อง” 

 

 

หงหลิงเอ๋อร์มองดูยากลืนพลังทิพย์ ครุ่นคิดแล้วพูดว่า 

 

 

“อีกครึ่งปีนางจะอาศัยยานี้ทำให้พลังทิพย์สูงขึ้นมาก เจ้าแน่ใจนะว่าจะให้นางกิน” 

 

 

ถงถงเอ๋อร์ยิ้มอย่างเย็นชา แล้วว่า 

 

 

“เวลานี้เจ้ามีวิธีอื่นด้วยหรือ หากฆ่านางทิ้งตอนนี้ก็จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ แต่ถ้ามีเวลาครึ่งปี ศิษย์น้องย่อมหาคนมาสังหารนางก็ไม่มีใครรู้ได้จริงหรือไม่” 

 

 

หงหลิงเอ๋อร์หัวเราะทันที 

 

 

“ศิษย์พี่อยู่ข้างหลิงเอ๋อร์จริงๆ วันหน้าย่อมไม่ลืมบุญคุณศิษย์พี่เป็นแน่” 

 

 

ถงถงเอ๋อร์ดูท่าทางของนาง แล้วมองดูถังเฉียนซึ่งนอนอยู่บนพื้น นางไม่ใส่ใจว่าทั้งสองคนจะทำสิ่งใด นางเพียงรออีกครึ่งปีก็พอ ใครจะแพ้ใครชนะ นางก็ล้วนเป็นผู้ชนะ 

 

 

ถังเฉียนฟื้นขึ้นบนเตียงตนเอง อาห่าวเฝ้าอยู่ที่ประตู นางนึกไม่ออกว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เหตุใดนางจึงนอนหลับไป 

 

 

“อาห่าว เมื่อวานข้ากลับมาได้อย่างไร” 

 

 

อาห่าวเปิดประตูเดินเข้ามา ยกน้ำมาให้ถังเฉียนล้างหน้า เขาตอบว่า 

 

 

“เจ้านายนอนหมดสติอยู่ที่หน้าประตู ท่านหมอฮว่าเหยียนพบเข้า จึงให้อาห่าวอุ้มเข้ามาวางบนเตียง” 

 

 

“ข้าหมดสติหรือ” 

 

 

ถังเฉียนรู้สึกแปลกใจ อยู่ดีๆ เหตุใดตนถึงหมดสติได้ 

 

 

“ใช่ขอรับ ศิษย์พี่ถงถงเอ๋อร์ช่วยตรวจเจ้านาย เป็นเพราะเจ้านายฝึกมากเกินไป ทำให้จิตใจอ่อนล้าสุดขีด นางบอกว่าเจ้านายต้องฝึกให้พอเหมาะ อย่าทุ่มเทจนสุดจนเกินกำลัง อาจส่งผลร้ายต่อจิตใจ ทำให้สติฟั่นเฟือนเป็นได้” 

 

 

ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็รีบโคจรพลังทิพย์ของตนเอง แต่ถัดมาก็รู้สึกปวดชายโครงด้านขวาอย่างรุนแรง ทั้งยังรู้สึกเวียนหัวด้วย 

 

 

“ข้าฝึกมากเกินไปเช่นนั้นหรือ” 

 

 

ถังเฉียนนึกสงสัยเช่นนี้ จากนั้นติดๆ กันสองวัน ทุกครั้งที่ถังเฉียนรู้สึกว่าสะสมพลังทิพย์ได้มากแล้ว พอวันรุ่งขึ้นกลับหายไปอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่าไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้อีก 

 

 

เถิงเสวี่ยกลับมาแล้ว แต่ถังเฉียนยังไม่กล้าบอกอาจารย์ เพราะนางรู้สึกว่าเป็นเพราะตนเองมีพรสวรรค์จำกัด ยิ่งรู้สึกโทษตัวเองมากขึ้น ใกล้ถึงวันที่เทพเจ้าจะมาปรากฏพระองค์แล้ว ทุกคนกำลังเตรียมพิธีบวงสรวง แต่ไม่ว่าถังเฉียนจะพยายามเช่นไรก็ไม่มีประโยชน์ 

 

 

แม้แต่เถิงเฟิงเองก็ยุ่งมากเช่นกัน แต่ละวันเหมือนลมพัดไปมา ไม่เห็นแม้แต่เงา ถังเฉียนก็ยิ่งห่อเ**่ยว รู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างไร้ค่า คนที่นี่ต่างวุ่นวาย มีเพียงฮวาหวนที่รู้สึกได้ว่าถังเฉียนกำลังเศร้าใจ เมื่อมาเป็นเพื่อนคุยด้วยจึงทำให้นางมีโอกาสระบายความในใจ 

 

 

“พี่ เหตุใดจึงสีหน้าอมทุกข์ทั้งวันเช่นนั้นเล่า ดูฮวาหวนสิ ผมบนหัวร่วงหมดก็ยังงอกใหม่ได้ มีเรื่องอะไรที่แก้ไม่ได้กัน เหตุใดพี่ถึงไม่สบายใจเล่า” 

 

 

แม้บนตัวฮวาหวนจะเหลือรอยแผลเป็น แต่ก็ไม่ชัดเจนนัก หมอหลวงจางยังรับประกันว่าเวลานี้ฮวาหวนยังอายุน้อย ถ้าใช้ขี้ผึ้งยาของเขาอย่างต่อเนื่อง เมื่อฮวาหวนโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะดูไม่ออกว่าเคยได้รับบาดเจ็บรุนแรงมาก่อน