อวิ๋นจิ่นแสดงท่าทีราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขารีบไปจับข้อมือของอู๋จุนเพื่อตรวจชีพจร
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา ก่อนจะเคลื่อนมือไปแตะชีพจรตรงต้นคอของอู๋จุน
“พระชายา ชีพจรของเจ้าหุบเขาอู๋แผ่วเบาอย่างมาก ถ้าขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วยาม”
แม้ซูจิ่นซีจะมองออกนานแล้ว ทว่านางยังอดรู้สึกตกใจไม่ได้
จะทำอย่างไรดี?
ตอนนี้ควรทำเช่นไร?
ระบบถอนพิษมีไว้เพื่อถอนพิษ ไม่ได้มีไว้เพื่อวิเคราะห์อาการบาดเจ็บ
ตอนนี้นางปรารถนาให้ร่างกายตนเองมีวิชาความรู้ด้านการแพทย์แทนที่จะเป็นระบบถอนพิษ
อย่างไรก็ตาม คิดมากไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด
ตอนนี้ ชีวิตของอู๋จุนกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาอาจตายได้ทุกเมื่อ
แม้ในระบบถอนพิษจะมีสมุนไพรจำนวนมาก ทว่านางไม่สามารถหาเทียบยาที่พอจะรักษาชีวิตอู๋จุนได้เลย
ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่นซีกล่าวโทษตนเองอย่างสิ้นหวัง
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านพอมีวิธีที่ทำให้อาการของอู๋จุนบรรเทาลงบ้างหรือไม่? ”
อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วอย่างหนัก เขาไม่ได้ตอบคำถามซูจิ่นซีในทันที ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากราวกับว่ามันคือการเดิมพันครั้งใหญ่
“พระชายา กระหม่อมมิกล้ารับประกัน จึงทำได้เพียงเดิมพัน วิธีนี้ช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราว หากต้องการดึงเจ้าหุบเขาอู๋กลับมาจากประตูนรกอย่างแท้จริง ต้องคิดหาวิธีอื่น”
มีความหวังเพียงริบหรี่ ย่อมดีกว่าไม่มีอันใดเลย
“วิธีใดหรือ? ”
อวิ๋นจิ่นกำลังจะเอ่ยปาก ทว่าเขากลับอ้ำอึ้ง “พระชายา วิธีของกระหม่อม คิดว่าคงไม่ดีนัก”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “เหตุใดถึงไม่ดี? ”
“เนื่องจากต้องใช้ยาสมุนไพรหลายแขนง ทั้งยาสมุนไพรเหล่านี้ยังอยู่บนภูเขาของดินแดนต้องห้ามสกุลจง ทว่าจะหาให้ครบต้องใช้เวลานานพอสมควร เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น เจ้าหุบเขาอู๋คงทนรอไม่ไหว”
มีวิธี แต่กลัวว่าจะหาสมุนไพรไม่ครบ?
ทำไมไม่รีบบอก!
นางมียาสมุนไพร ขอเพียงไม่ใช่ชนิดก่อนหน้านี้ที่มีรูปร่างหน้าตาประหลาดก็ถือว่าได้แล้ว
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอย่างฉับไว ก่อนจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “หมอหลวงอวิ๋น ขอเพียงท่านบอกว่าต้องการสมุนไพรชนิดใด ข้าจะรีบหามาให้ทันที! ”
อวิ๋นจิ่นเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ จากนั้นจึงบอกตัวยาสมุนไพรที่ต้องการ “โกฐหัวบัว ตังเซียม กิ่งอบเชยจีน ฝาง เมล็ดลูกท้อ… ”
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออย่างไร ยาสมุนไพรที่อวิ๋นจิ่นสาธยายมาทั้งหมดเป็นชนิดที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แน่นอนว่าระบบถอนพิษของซูจิ่นซีล้วนมีทั้งหมด ยาสมุนไพรเหล่านั้น นางเก็บมาจากด้านหลังภูเขาของสกุลจง และนำมาปลูกไว้ที่สวนสมุนไพรในระบบถอนพิษของนาง
ความบังเอิญเช่นนี้ ไม่น่าแปลกที่ซูจิ่นซีจะสงสัย
“หมอหลวงอวิ๋น เทียบยานี้ท่านได้มาจากที่ใด เหตุใดจึงดูธรรมดา เชื่อถือได้หรือ? ”
ใบหน้าสงบนิ่งของอวิ๋นจิ่นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “กระหม่อมเคยอ่านมาจากตำราการแพทย์ เพิ่งนึกออกเมื่อครู่ ทว่าผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ กระหม่อมก็ไม่อาจรับประกันได้ อย่างไรเสีย สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นยาสมุนไพรที่ใช้กันทั่วไป จึงไม่ใช่ยาดีล้ำค่าแต่อย่างใด”
ประโยคครึ่งหลังเป็นสิ่งที่ซูจิ่นซีแอบสงสัยในใจ
“โอ้? ” ซูจิ่นซีเลิกคิ้ว “ตำราอันใดหรือ กลับไปข้าขอยืมดูหน่อย”
“เป็นตำรารักษาอาการบาดเจ็บภายในโดยเฉพาะ กระหม่อมทำงานอยู่ในสำนักหมอหลวง จึงมักพบโรคที่รักษาได้ยาก น้อยครั้งที่จะพบคนที่ได้รับบาดเจ็บภายใน ดังนั้นตำราเล่มนั้น กระหม่อมอ่านเพียงครั้งเดียวก็วางไว้เฉยๆ ตอนนี้ตำราอยู่ในห้องหนังสือที่จวน หากพระชายาสนพระทัย เมื่อกลับไปยังแคว้นจงหนิง กระหม่อมจะนำหนังสือเล่มนั้นมาให้พระชายา”
“ดีมาก! ” ซูจิ่นซีมีท่าทีจริงจัง “หมอหลวงอวิ๋น เรื่องนี้ข้าจะจำให้ขึ้นใจ ท่านก็อย่าลืมเล่า! ”
“รับทราบ! กระหม่อมจะจำให้ขึ้นใจ ไม่ลืมเลือน”
เดิมที เทียบยาของหมอหลวงอวิ๋นต้องใช้วิธีต้ม ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก จึงต้องนำยาสมุนไพรมาบดเป็นผงให้อู๋จุน
ทว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีน้ำ ทั้งยังไม่ควรเทผงยามากเกินไป เพราะอู๋จุนอาจสำลักผงตายได้ แทนที่จะตายจากอาการบาดเจ็บภายใน
“ผงยาเพียงเล็กน้อยคงให้ผลไม่มากนัก ต้องหาน้ำมา” อวิ๋นจิ่นกล่าว
อย่างไรก็ตาม ดินแดนต้องห้ามของสกุลจงนั้นกว้างใหญ่ ทั้งพื้นที่นี้ยังถูกทิ้งร้างไว้นานหลายปี จะไปหาน้ำมาจากที่ใด?
ต่อให้พบบ่อน้ำหรืออันใดก็ตาม ก็คงเหือดแห้งจนใช้การไม่ได้แล้ว
ซูจิ่นซีครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ดวงตาของนางเป็นประกาย ทันใดนั้น นางก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่ง
ในอดีต สัตว์เทพกิเลนอาศัยอยู่ในถ้ำ นางจำได้ว่าในถ้ำมีทะเลสาบมรกต ตอนที่พบสัตว์เทพกิเลน มันอยู่ที่ริมทะเลสาบมรกตนั่น
โดยทั่วไปแล้ว ในถ้ำมักไม่มีทะเลสาบ สาเหตุที่มีทะเลสาบปรากฏอยู่ในถ้ำ เป็นไปได้ว่าอาจเป็นภูเขาน้ำตก หากหาถ้ำนั้นเจอ ก็อาจหาน้ำสะอาดได้
ทว่าถ้ำแห่งนั้นอยู่บนยอดเขา สภาพของอู๋จุนในตอนนี้ไม่สามารถขึ้นไปได้ หากให้นางหรืออวิ๋นจิ่นเป็นคนไปตามหาน้ำ ก็จะยิ่งทำให้ล่าช้า
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงเรียกสัตว์เทพกิเลนออกมาอีกครั้ง นางเหยียบขึ้นไปบนหลังของมันและขึ้นไปบนภูเขา
ดินแดนต้องห้ามของสกุลจง แท้จริงแล้วเป็นถิ่นของสัตว์เทพกิเลน เมื่อมีมันอยู่ พวกเขาก็สามารถหาถ้ำนั้นเจอได้อย่างรวดเร็ว
เป็นอย่างที่ซูจิ่นซีคิดไว้ ด้านล่างเป็นตาน้ำจริงๆ
อวิ๋นจิ่นตักน้ำสะอาดมาผสมผงยาสมุนไพรที่เหลือแล้วให้อู๋จุนดื่ม ผสานกับการฝังเข็มเงินของซูจิ่นซี ผ่านไปไม่นาน อาการของอู๋จุนก็ดีขึ้นไม่น้อย
ทว่าอาการของอู๋จุนยังไม่พ้นขีดอันตราย อาจเกิดสถานการณ์วิกฤตจนถึงแก่ชีวิตได้ตลอดเวลา พวกเขาต้องรีบหาวิธีการรักษาอย่างปลอดภัยโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ที่นี่คือดินแดนต้องห้ามของสกุลจง!
ด้านนอกมีเหล่าทหารมากมาย ลำพังเพียงพวกเขาคงฝ่าออกไปได้ ทว่ามีอู๋จุนที่กำลังบาดเจ็บสาหัส หากคิดจะฝ่าออกไป คงไม่ง่ายอย่างที่คิดกระมัง?
ในความเป็นจริง นางจะใช้สัตว์เทพกิเลนจัดการคนเหล่านั้นให้ราบคาบทีเดียวก็ย่อมได้ ทว่าการสังหารหมู่นั้นโหดร้ายเกินไป ซูจิ่นซีไม่อาจทนดูได้
แท้จริงแล้วนางไม่ได้เป็นแม่พระ ทว่าอย่างน้อยก็ต้องมีหลักการ สำหรับศัตรูที่จงเกลียดจงชัง นางย่อมโต้กลับโดยไม่ลังเล ทั้งยังใช้วิธีโหดร้ายอีกด้วย ทว่าสำหรับคนบริสุทธิ์แล้ว แม้จะปราศจากความเห็นอกเห็นใจ ก็ไม่ควรนำพวกเขาเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย
อวิ๋นจิ่นออกจากถ้ำไปหาฟืนแห้งมาก่อไฟ
ยามค่ำคืน ภายในถ้ำอากาศหนาวเหน็บ เมื่อเปลวไฟลุกโชน ภายในถ้ำจึงอบอุ่นขึ้นมาก
ซูจิ่นซีใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของอาการบาดเจ็บของอู๋จุน นางกลัวอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันก็พยายามหาวิธีรักษา และต่อสู้กับช่วงเวลายากลำบากในทุกวินาที
นางหวังว่าจะหาวิธีรักษาอู๋จุนได้ ก่อนที่อาการของเขาจะย่ำแย่มากกว่านี้
อวิ๋นจิ่นหักกิ่งไม้แห้งและโยนเข้าไปในกองไฟ จนเกิดเป็นเสียงปริแตกของไม้
ซูจิ่นซีนั่งอยู่ด้านข้างกองไป จมอยู่ในความคิด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้น นางก็ถามขึ้นว่า “อวิ๋นจิ่น ท่านบอกได้หรือไม่ จงซูอี้ฝึกวรยุทธ์แบบใด? ”
เดิมที นางเพียงถามอวิ๋นจิ่นด้วยคำถามง่ายๆ ว่าจงซูอี้ฝึกวรยุทธ์อันใด เพื่อประเมินวิธีรักษาอาการบาดเจ็บภายในของอู๋จุน
ทว่าเมื่อเอ่ยคำถามออกไป ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็นึกขึ้นได้ว่านางเคยถามอวิ๋นจิ่นด้วยคำถามเดียวกัน และเขาก็ยังไม่ได้ตอบคำถามนาง
พวกเขาทั้งคู่ต่างตกตะลึง
ซูจิ่นซีเห็นการแสดงออกของอวิ๋นจิ่น แท้จริงแล้ว อวิ๋นจิ่นก็นึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน
วนกลับมาที่หัวข้อนี้จนได้
อวิ๋นจิ่นจะตอบเช่นไร?