บทที่358

ผู้แปล : N.

ซูเฉิงเองก็รู้สึกไม่ดีอย่างมากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับคนรักของเธอ ดังนั้นเธอจึงได้ขึ้นบัญชีดำของเฟิงหยวนเอาไว้ทันที และเธอจะไม่มีทางทำธุรกรรมใดที่ผ่านเขาอีกในอนาคต

“ไม่มีที่นั่งเลย! งั้นพวกเราไปหาที่นั่นอื่นกันเถอะ” ซูเฉิงใช้เวลาคิดเรื่องนี้ไม่นาน เธอได้ยืนขึ้นก่อนที่จะกุมมือของลูชินเอาไว้

“ไปกันเถอะ!” ลูชินได้พาเธอเดินออกไปจากโต๊ะนั้นทันที แต่เขาไม่ได้เดินไปยังโต๊ะที่เฟิงหยวนชี้เอาไว้ กลับกันเขาได้เดินเขาไปยังโต๊ะปางหมิงหยวนและจางเต๋อแทน

พวกเขาทั้งคู่นั่งที่ด้านหน้านั้นมันเทียบเท่ากับที่นั่งวีไอพีชั้นนำ และมีน้อยคนที่มีคุณสมบัติที่จะนั่งกับพวกเขาได้

“ซูเฉิง! อย่าไป! พวกเธอมานั่งกับฉันก็ได้!” ยี่ฝู่ที่เห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ก็รีบพูดเพื่อที่จะแก้ไขมันทันที

เธอไม่คิดเลยว่าซูเสียวจะดูแลแฟนของเธอดีแบบนี้!

“ผมต้องขอบคุณคุณยี่จริงๆ! แต่มันไม่จำเป็น” ลูชินได้ตอบกลับมายิ้มๆให้เธอ ก่อนที่เขาจะจับมือของซูเฉิงเดินจากไป

“มันเกิดอะไรขึ้น?” ยี่ฝู่ตกใจมาก เธอไม่คิดว่าแฟนของซูเฉิงจะพูดแบบนั้นออกมา และตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็ได้เดินจากไปแล้ว

เฟิงหยวนที่เห็นสถานการณ์นี้ตั้งแต่ต้น เขาก็ได้แสดงความเย่อหยิ่งออกมา แล้วคิดในใจของเขาว่าพวกนั้นช่างไม่รู้อะไรเสียเลย พวกเขาคิดจริงๆเหรอว่าที่ตรงกลางนั้นจะเป็นใครนั่งก็ได้

ลูชินได้นำซูเฉิงเดินไปยังโต๊ะตรงการทันที และทุกคนทั่วทั้งงานต่างก็มองพวกเขาอย่างสงสัย

แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้หญิงที่เดินตามหลังฝ่ายชายนั้นคือซูเฉิงที่เป็นประธานของบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด พวกเขาต่างก็รู้ว่าเธอนั้นมีสิทธิที่จะนั่งตรงโต๊ะตรงกลางได้ แต่กับผู้ชายที่เดินนำหน้านั้น พวกเขากับไม่รู้ว่าเขามีความเป็นมายังไง

ทันทีที่พวกเขาเดินมาใกล้จะถึง จางไกค์ก็ได้ลุกขึ้นยืนทันที

“ โอ้! ฉันคิดแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้” ยี่ฝู่ได้ถอนหายใจออกมาในใจของเธอ เธอรู้ดีว่าที่จางไกค์ลุกขึ้นมานั้นต้องเป็นการปิดกั้นพวกเขาไม่ให้เข้าไปอย่างแน่นอน และการกระทำแบบนี้มันก็จะทำให้ซูเสียวและคนรักตัวน้อยของเธอต้องสูญเสียหน้าอย่างมาก

แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นจะไม่ได้เกิดขึ้น กลับกันมันยังตรงกันข้ามกับที่พวกเขาคิดอย่างชิ้นเชิงอีกต่างหาก: “ประธานลู! ผมไม่คิดเลยว่าพี่สาวซูจะเป็นผู้หญิงที่สวยแบบนี้”

“มาๆ เชิญพวกพี่นั่งตรงนี้เลยครับ!”

ด้วยการนำส่วนตัวของจากไกค์ ทำให้ยี่ฝู่, เฟิงหยวน และคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก อะไรคือการเดินนำด้วยความเคารพ? แล้วสรุปแล้วผู้ชายสุดหล่อนั้นคือใครกันแน่ เขามีสถานะอะไรที่สามารถทำให้จางไกค์ต้องออกมาเชิญด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่จางไกค์เท่านั้นที่ยืนขึ้นมาต้อนรับ เมื่อพวกลูชินได้เดินเข้าไปใกล้โต๊ะประธานมากขึ้น ปางหมิงหยวนและจางเต๋อก็ได้ลุกขึ้นทักทายลูชินเช่นกัน ก่อนที่พวกลูชินจะนั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเล็กๆ แต่มันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงความสำคัญของลูชินได้!

“ผู้ชายคนนั้นคือใคร?!” หลายคนต่างก็มีความสงสัยในใจของพวกเขา

“เขาคือใคร?” เฟิงหยวนรีบถามยี่ฝู่ทันที “คุณรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”

ยี่ฝู่ได้ส่ายหัวของเธอแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้! ฉันเองก็ไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย”

“เขาเป็นใครกันนะ?” เฟิงหยวนได้ขมวดคิ้วออกมา หรือว่าเขาจะเป็นลูกของครอบครัวร่ำรวยไหนซักแห่งกัน?

“ไม่! มันไม่ใช้แบบนั้น ถ้าเขาเป็นลูกชายของครอบครัวที่ร่ำรวยละก็ เขาต้องแสดงท่าทางต่อต้านออกมาบ้างเมื่อฉันแสดงอาการดูถูก!” เฟิงหยวนพยายามหาคำพูดปลอบใจตัวเอง

หลังจากนั้นการบริจาคก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ จางไกค์ได้เดินขึ้นไปบนเวทีก่อนเพื่อพูดสองสามคำจากนั้นก็เป็นปางหมิงหยวนที่พูดเปิดงานในครั้งนี้

“ ฉันต้องขอขอบคุณพวกคุณทุกคนที่มาในงานการกุศลครั้งนี้ เพราะเด็ก ๆในพื้นที่รอบนอกนั้นยากจนเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลเองก็ได้พยายามช่วยเหลือพวกเขาแล้ว แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นฉันหวังเป็นอย่างมากที่จะนำเงินบริจาคนี้ไปช่วยเหลือกพวกเขาอีกแรงหนึ่ง … ” หลังจากนั้นไม่นานปางหมิงหยวนก็ได้พูดจบลง พร้อมกับเสียงปรบมือจากทุกคนที่มาร่วมงาน

ดังนั้นการบริจาคเพื่อการกุศลก็ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ นำโดยปางหมิงหยวน เขาได้บริจาคถึง 10 ล้านหยวน!

โดยทั่วไปแล้วกิจกรรมประเภทนี้จะได้รับเงินบริจาคเพียงห้าสิบล้านถึงหนึ่งร้อยล้านหยวนเท่านั้น เพราะถึงแม้จะมีคนรวยจำนวนมากมาร่วมงานนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถนำเงินที่เอาไว้รักษาสภาพคล่องจำนวนมากมาจากบริษัทของพวกเขาได้ พวกเขาทำได้เพียงนำเงินของพวกเขามาใช้ได้เท่านั้น

นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานต่างก็จะบริจาคเงินไม่เกินผู้เปิดประมูลคนแรก ที่เป็นแบบนี้ก็เพื่อที่จะให้เกียรติไปในตัวนั้นเอง

และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ งานในครั้งนี้ไม่มีพวกสื่อมาทำข่าว การที่พวกเขาบริจาคเงินไปจำนวนมากแล้วไม่สามารถทำให้เกิดผลประโยชน์กับตัวเองได้ แล้วทำไมพวกเขาจะต้องยอมสูญเสียเงินจำนวนมากไปด้วย

จางเต๋อเองก็เริ่มบริจาคเช่นกัน เขาไม่ได้บริจาคเป็นจำนวนเงินออกมา แต่เขากับเลือกที่จะบริจาคเป็นงานศิลปะแทน โดยที่ภาพศิลปะของเขานั้นเองก็ถือว่าเป็นของที่มีชื่อเสียงเช่นกัน ถ้าตีเป็นมูลค่าแล้วละก็ มันก็มีค่าสูงถึงสิบล้านหยวนเลยที่เดียว

จากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานนี้เองก็ได้เริ่มบริจาคเงินและวัสดุต่างๆ หากรายการของการบริจาคเหล่านี้มีค่าควรมากพอ จะมีนักธุรกิจบางคนที่เสนอราคาให้กับมันโดยตรง

หลายคนชอบที่จะซื้อสิ่งของแบบนี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีประโยชน์อะไร แต่สิ่งของบางชิ้นนั้นกับแสดงถึงเรื่องราวที่มันเคยผ่านมาได้

ทั้งปางหมิงหยวนและจางเต๋อต่างก็บริจาคไปแล้ว และทุกคนตอนนี้ก็ต่างก็จับตามองไปที่ลูชินและซูเฉิงว่าพวกเขาจะบริจาคอะไรต่อไป

“ฮ่าฮ่า! พวกนั้นคงไม่ได้เตรียมอะไรมาสินะ!” เฟิงหยวนที่เห็นแบบนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นมาในใจ เขารู้ดีว่าถ้าลูชินไม่สามารถบริจาคเงินได้ถึงสิบล้านแล้วละก็ มันจะเป็นอะไรที่อัปยศอย่างแน่นอน!

“คุณชอบต่างหูไหม?” ลูชินได้หันไปทางซูเสียวก่อนที่เขาจะกระซิบ

“มันสวยมาก!” ถึงแม้ว่าซูเฉิงไม่ได้พูดว่าต้องการออกมาตรงๆ แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอก็สนใจมันเช่นกัน

“ ดี! ” ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า“ ฉันซื้อต่างหูนั้น 10 ล้านหยวน นอกจากนี้บริษัทลู่เทคโนโลยีของฉันเองก็จะบริจาคเครื่องฉายภาพสามมิติเพื่อการศึกษาสำหรับนักเรียนอีก 5,000 เครื่อง ”

“จริงเหรอ!” จางไกค์หัวเราะออกมา “โดยราคาของเครื่องฉายภาพสามมิติสำหรับการศึกษาตอนนี้อยู่ที่ 15,000 หยวน และด้วยจำนวน5000เครื่อง มันจึงคิดเป็นเงิน 75 ล้านหยวน และรวมกับราคาของต่างหู 10 ล้านหยวน ดังนั้นคุณลูได้บริจาคเงินจำนวนทั้งสิ้น 85 ล้านหยวน! “

“ผมขอเป็นตัวแทนเด็กๆทุกคน กล่าวขอบคุณประธานลูที่บริจาคเงินจำนวนนี้!” จางไกค์พูดจบก็ได้เป็นคนคิดริเริ่มที่จะปรบมือขึ้น ก่อนที่คนในงานจะปรบมือตามเขา

“ 85 ล้านหยวน! สรุปแล้วเขาเป็นประธานของบริษัทลู่เทคโนโลยี!” ตอนนี้หัวใจของยี่ฝู่เต้นเหมือนกับกลองชุดยังไงยังงั้น เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะได้นั่งรวมโต๊ะกับคนใหญ่คนตัวแบบนี้ และเมื่อเธอได้คิดไปถึงช่วงเวลาที่เธอช่วยเขาก่อนหน้านี้ มันก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นไปอีก!

ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ซูเฉิงถึงบอกว่าเธอมีผู้ช่วยที่ทรงพลังอยู่ ที่แท้ผู้ช่วยของเธอนั้นกับเป็นประธานใหญ่ลูชินนี้เอง!

และตอนนี้เหมือนเธอจะรู้แล้วว่าทำไมพวกเขาก่อนหน้านี้ถึงไม่สนใจเฟิงหยวน เพราะแม้ปางหมิงหยวนประธานกลุ่มปางเหลียนกรุ๊ปยังต้องสุภาพกับเขาแบบนี้ แล้วทำไมพวกเขาจะต้องไปสนใจตัวตนเล็กๆอย่างเฟิงหยวนอีก

“ประธานใหญ่ของบริษัทลู่เทคโนโลยี! เขาคือลูชิน?” ตอนนี้เฟิงหยวนรู้สึกตกใจอย่างมาก เพราะการบริจาคเงินถึง 85 ล้านหยวนนั้นเป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอะไรที่น่าตกใจ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากกว่านั้นคือสถานะที่แท้จริงของลูชิน!