บทที่357
ผู้แปล : N.
การปฏิเสธโดยตรงของซูเฉิงทำให้เฟิงหยวนรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก และเหมือนว่าผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆเองก็ไม่สามารถรอที่จะพูดหยอกล้อได้: “มันหาได้ยากอย่างมากที่จะไม่ใครกล้าปฏิเสธคุณเฟิงแบบนี้!”
เฟิงหยวนที่ได้ฟังแบบนี้ก็รีบพูดออกมาว่า: “คุณซู! ทำไมคุณถึงไม่ผ่อนคลายซักเล็กน้อยละ! ผมสามารถรับรองได้หลังจากที่ผมกลับไปยังบริษัทแล้ว ผมจะนำโครงการของคุณเสนอผู้บริหารอย่างแน่นอน”
เขาพยายามพูดเชิญอีกครั้ง และประโยคนี้ของเขายังทำให้คนอื่นนั้นเข้าใจเป็นในว่า ถ้าเธอยอมเต้นรำกับเขาครั้งนี้ เขาจะช่วยเหลือเธอเช่นกัน
ยี่ฝู่ที่ได้ฟังแบบนั้น ก็รีบส่งสัญณาณไปให้กับซูเฉิงผ่านทางสายตาทันที ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงสวยๆจะใช้เสน่ห์ของตัวเองเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง
“ฉันต้องขอโทษคุณอีกครั้ง! เพราะเพื่อนของฉันกำลังจะมาเร็วๆนี้” ซูเฉิงก็ยังยืนยันคำพูดเดิมของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เห็นสายตาที่ยี่ฝู่ส่งมาให้เธอเลย
เมื่อมาถึงจุดนี้ เฟิงหยวนก็รู้แล้วว่าโอกาสของเขาหมดไปแล้ว เขาถึงกับแสดงสีหน้าเย็นชาออกมาทันที พร้อมกับตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่สนใจโครงการที่เธอพึ่งเสนอมาก่อนหน้านี้อย่างเด็ดขาด
“โอ้! คุณเฟิง! ทำไมคุณถึงไมมาเต้นรำกับฉันละ? ถึงคุณซูจะไม่สนใจเต้นกับคุณ แต่ฉันสนนะ!” ผู้หญิงที่นั่งไม่ไกลกับเขาได้รีบพูดขึ้นมา เพราะสำหรับเธอแล้วนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะสารสัมพันธ์กับคนรวยแบบนี้
“ได้!” เฟิงหยวนไม่ได้ตอบปฏิเสธ แต่ระหว่างที่เขากำลังจะออกไปเต้นนั้น เสียงของซูเฉิงก็ดังขึ้นมาว่า “คุณมาแล้ว!”
เขาที่ยินแบบนั้นก็หันไปมองยังคนที่กำลังเดินเข้ามาทันที เขาสังเกตว่าชายที่มานั้นดูหล่อเหลาอย่างมาก แต่เขากับไม่สามารถนึกออกได้เลยว่าเขาเคยเห็นชายแบบนี้มาก่อน
“ ดูเป็นลูกผู้ดียังไงไม่รู้! ” เฟินหยวนคิดว่ามันก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่ร่ำรวย เขาเองก็คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้มานานแล้ว แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือขนาดผู้หญิงที่รวยอย่างซูเสียวเองก็ยังไม่แตกต่างจากผู้หญิงปกติแบบนี้
หลังจากที่เขาคิดได้แบบนี้ ในใจของเขาก็เย็นชามากขึ้น ตอนนี้เขาได้แสดงสายตาดูถูกพวกเขาออกมาอย่างชัดเจน
“ซูเฉิง! เขาคือใคร?” ยี่ฝู่ได้ถามออกมาด้วยความอยากรู้
“เพื่อนที่ดีมากของฉันนะ!” ซูเฉิงพูดออกมาแค่นี้ ที่จริงแล้วเธอเองก็อยากจะบอกว่านี่เป็นแฟนของเธอเช่นกัน แต่เมือเธอคิดว่าลูชินนั้นก็มีแฟนตัวจริงอยู่แล้ว การที่เธอจะทำอะไรแบบนั้นออกไปมันก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เธอจึงต้องกลั้นเอาไว้แทน
“คุณผู้หญิง! คุณพอจะมาเต้นรำกับผมซักเพลงได้ไหม? ” ลูชินได้พูดออกมาพร้อมกับเอื้อมมือออกไปอย่างสุภาพ
“ได้สิ!” ซูเฉิงได้ตอบตกลงทันที ก่อนที่เธอจะยื่นมือที่เหมือนกับหยกเนื้อดีไปให้กับลูชิน
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็กดหน้าลงจูบมือของเธอเบาๆ และเขาไม่รอช้าที่จะนำซูเฉิงไปยังฟลอร์เต้นรำ ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเต้นรำกัน
เฟิงหยวนเองก็ได้เต้นติดกับพวกเขา และตลอดการเต้นนั้นเขายังได้ส่งสายตาที่ไม่เป็นมิตรของเขา ไปยังลูชินอยู่ตลอดเวลา
ลูชินที่สังเกตเห็นมันมาซักพัก ก็ได้กระซิบข้างหูของซูเฉิงว่า “ ทำไมนายคนนั้นถึงต้องส่งสายตาแบบนั้นมาให้ผมกัน?”
ซูเฉิงได้กระซิบตอบกลับว่า: “อย่ากังวลเลย! มันก็แค่เขาไม่อาจจะยอมรับเรื่องที่ฉันตอบปฏิเสธเต้นรำกับเขาได้เท่านั้น”
“แต่ผมคิดว่ามันคงจะไม่เรียบง่ายแบบนั้น?” ลูชินยังคงไม่เชื่อว่าเรื่องมันจะเป็นอะไรที่ง่ายๆแบบที่พูด
“ เอ้อ! ฉันคงไม่อาจจะปิดบังอะไรนายได้จริงๆ! ที่จริงก่อนหน้านี้ฉันได้พูดเรื่องโครงการอย่างความร่วมมือกับบริษัทปางเหลียนกรุ๊ปของเขา และเขาเป็นถึงรองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทด้วย” ซูเฉิงตอบกลับมาแบบเรียบๆ
“โอ้! ก่อนหน้านี้ผมเองก็เพิ่งจะพูดเรื่องความร่วมมือกับประธานใหญ่ของบริษัทปางเหลียนกรุ๊ปมาเช่นกัน และเห็นได้ชัดว่าเขาสนใจเรื่องที่จะร่วมมือกับบริษัทของเราจริงๆ”
“จริงเหรอ! งั้นนายต้องแนะนำฉันให้รู้จักเขานะ!” ซูเฉิงได้รีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“แน่นอน”
การเต้นกันของคู่ลูชินนั้นทำให้เฟิงหยวนรู้สึกอิจฉามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้เขาได้วางแผนที่จะพิชิตใจของซูเสียวมาให้ได้ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะด้วยสถานะประธานบริษัทยักใหญ่อย่างเธอ มันสามารถทำให้สถานะของเขาเลื่อนขึ้นไปได้อีกระดับ
แต่เขาไม่คิดเลยว่าแผนการของเขาจะต้องมาพังลงเพราะไอ้ผู้ชายที่ดูๆไปแล้วเหมือนกับลูกแหง่แบบนี้!
ยี่ฝู่เองก็ประหลาดใจที่ได้เห็นฉากนี้เช่นกัน ถึงเธอจะพึ่งรู้จักกับซูเฉิงไม่เกี่ยวเดือนเท่านั้น แต่ระหว่างที่พวกเธอติดต่อกันนั้นเธอกับไม่เคยจำได้เลยว่าซูเสียวได้คบผู้ชายคนไหน แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงมีคนรักได้กัน?
และเมื่อเธอได้สังเกตท่าทางของเฟิงหยวนอย่างระมัดระวัง เธอก็สามารถบอกได้ทันทีว่าตัวโครงการของเพื่อนของเธอคงจะถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงเพลงก็จบลงและนั้นหมายความว่าการเต้นรำครั้งนี้ได้จบลงแล้ว พวกเขาทั้งสองจึงได้เดินกลับมายังโต๊ะที่ยี่ฝู่นั่งอยู่
“ซูเฉิง! นี่คือเพื่อนของเธอใช้ไหม? ทำไมเธอถึงไม่คิดแนะนำเขาให้ฉันรู้จักบ้าง” ยี่ฝู่ถามออกมาอย่างสงสัย
“อ่า! ชื่อของเขาคือลูชิน เราเป็นเพื่อนร่วมงานและเขายังถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันอีกด้วย” ซูเฉิงได้พูดแนะนำออกมาสั้นๆ
ลูชินที่ได้ฟังการแนะนำแบบนั้นก็ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะพูดว่า “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ยี่ฝู่เห็นว่าซูเฉิงไม่ได้แนะนำตำแหน่งหรือสถานะทางสังคมอื่นต่ออีก เธอก็คิดเองว่าผู้ชายตรงหน้านั้นคงเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป อาจจะดีหน่อยที่เขามีหน้าตาที่หล่อเหล่าเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถึงช่วงเวลาการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ยากจน ต้องบอกว่าปาร์ตี้การกุศลครั้งนี้เป็นงานที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่มีการรายงานข่าวจากสื่อต่างๆ แต่จะมีการประกาศจำนวนเงินบริจาคหลังจากนั้นแทน
ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคม ปางหมิงหยวน ประธานใหญ่ของบริษัทปางเหลียนกรุ๊ปเองก็ได้มาถึงสถานที่จัดงานเช่นกัน ทันทีที่เขามาถึงเขาก็กลายเป็นศูนย์กลางของงานทั้งหมดทันที
นอกจากเขาแล้ว จางเต๋อและจางไกค์เองก็ได้เดินเข้ามาเช่นกัน
“ผมขอไปเข้าห้องน้ำซักแปปนะ!” ลูชินได้พูดขึ้นมาเงียบๆ
“ได้!” ซูเฉิงได้พยักหน้าออกมา
เมื่อลูชินลุกจากไป ยี่ฝู่ก็ได้พูดแหย่ซูเสียวว่า: “ซูเฉิง!, นั้นใช้ประธานปางไม่ใช้เหรอ?!”
“ทำไมเธอถึงไม่ไปหาเขาละ?! ฉันคิดว่าถ้าเธอพูดเรื่องโครงการของเธอกับเขา เขาอาจจะเห็นด้วยก็ได้นะ!”
“ฉันขอรอไปกับเพื่อนของฉันนะ” ซูเฉิงตอบกลับมาแบบไม่ได้เร่งรีบอะไร
“ซูเฉิง! ฉันคิดว่ามันจะดูเป็นการไม่เหมาะสมนะที่จะพาแฟนของเธอไปด้วย ถ้าเกิดเขาทำอะไรที่แปลกไปมันอาจจะทำให้โอกาสของเธอพังลงก็ได้!” ยี่ฝู่รีบพูดแนะนำขึ้นทันที
ซูเฉิงทำเพียงยิ้มและพูดว่า: “ไม่ต้องเป็นห่วงไป”
ตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาที่การบริจาคจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ได้มีแขกจำนวนมากที่ได้เดินเข้ามายังโต๊ะของพวกเขา หรือไม่บางส่วนก็ได้เดินนำสิ่งของตัวเองไปร่วมประมูลในงานนี้เช่นกัน
“คุณซู! ผมจะมาบอกคุณว่าผมยังคงอยู่ที่เมืองหลวงอีกสองสามวัน ถ้าคุณเกิดต้องการพูดคุยถึงเรื่องโครงการของคุณอีกครั้ง คุณสามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลา ” เฟิงหยวนที่เห็นว่าข้างกายของเธอไม่มีลูชินอยู่ก็ได้เดินเข้ามาพูดเรื่องนี้
“ขอบคุณในความหวังดีของคุณเฟิง!” ถึงแม้ว่าซูเสียวจะพูดขอบคุณไป แต่เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงที่เธอใช้นั้นกับเป็นการดูถูกเขาเล็กน้อย นี้แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นรู้ถึงแผนการที่เขาต้องการ
ในเวลานี้ลูชินที่ไปห้องน้ำก็ได้เดินกับมาแล้ว และเฟิงหยวนเองก็ได้เดินกลับไปยังที่นั่งของเขาแล้วเช่นกัน
ลูชินที่กำลังจะนั่งลงนั้น ก็ถูกเสียงของเฟิงหยวนพูดขึ้นว่า “เพื่อน! ที่นั่งตรงนี้มีคนนั่งอยู่แล้ว ทำไมนายไม่ไปนั่งที่อื่นละ?”
เขาพูดจบแล้วก็ได้ชี้ไปที่ที่นั่งด้านนอกออกไป เห็นได้ชัดว่าที่นั่งตรงนั้นเป็นของนักธุรกิจยากจนเท่านั้น นี้ถือว่าเป็นการแกล้งที่เขาคิดขึ้นมา