บทที่356

ผู้แปล : N.

ที่มุมหนึ่งของห้อง ซูเฉิงกำลังพูดคุยกับผู้นำทางธุรกิจหลายคนทั้งชายและหญิง

“คุณเฟิง! คุณสามารถพิจารณาโครงการห้องฉายสามมิติของเราได้! นี้คือข้อมูลที่เราได้ทำการลงพื้นที่สำรวจในจังหวัดเจียงเฉิง มันแสดงให้เห็นถึงผลการตอบสนองที่ดีอย่างมาก ดังนั้นฉันคิดว่าถ้าเกิดเราทั้งสองบริษัทร่วมมือกันละก็มันจะเป็นอะไรที่วินๆทั้งคู่อย่างแน่นอน “

สิ่งที่ซูเฉิงกำลังพูดอยู่นี่คือ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่บริษัทของเธอร่วมกับบริษัทเรทเกมได้พัฒนาขึ้นมาร่วมกัน โดยที่ห้องนี้จะทำการติดตั้งตัวอุปกรณ์ฉายภาพสามมิติเอาไว้ มันทำหน้าที่ได้มากมายไม่ว่าจะเป็นการฉายภาพยนต์ หรือไม่ก็อุปกรณ์ความบันเทิงต่างๆ และมันยังถือว่าเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นของเครื่องเกมวีอา

“ มันยากที่จะพูด!” ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเธอได้พูดออกมาพร้อมกับแสร้งทำเป็นหนักใจ

บุคคลนี้เป็นถึงรองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทปานเหลียงกรุ๊ป เขามีชื่อว่าเฟิงหยวนและเขายังเป็นผู้รับผิดชอบด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในภูมิภาคกลางทั้งหมด

ห้องฉายภาพเสมือนจริงสามมิติที่ซูเฉิงกำลังโปรโมตอยู่นั้น หากเธอต้องการที่จะกระจายมันให้ไปทั่วประเทศให้ได้ อย่างแรกที่เธอจะต้องมีก็คือการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งเช่นบริษัทปานเหลียนกรุ๊ป

ที่เป็นแบบนั้น เพราะพวกเขามีโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ทั่วประเทศ ดังนั้นบริษัทนี้จึงเป็นตัวเลือกแรกของเธอที่จะจับมือเป็นพันธมิตร

“ คุณเฟิง! ฉันยังสามารถแสดงข้อมูลให้คุณดูได้อีก นี้คือข้อมูลการวิจัยการตลาดในเมืองชั้นหนึ่งและเมืองชั้นสองทั่วประเทศ จะเห็นได้ว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่แสดงความตั้งใจที่จะให้มีห้องฉายภาพเสมือนจริงสามมิติในพื้นที่ของตัวเอง ดังนั้นฉันคิดว่าถ้าเกิดพวกเรามาร่วมมือกันตอนนี้ มันจะต้องสามารถทำกำไรให้บริษัทของคุณได้อย่างแน่นอน” ซูเฉิงพยายามพูดโน้มน้าวเฟิงหยวนอย่างสุดความสามารถ

“ นี่เป็นเพียงทัศนะส่วนตัวของคุณเท่านั้น ผมจะบอกอะไรให้นะ ในอุตสาหกรรมการตลาดที่แท้จริงมันไม่สามารถควบคุมได้ เราจำเป็นที่จะต้องทำการตรวยสอบจำนวนมาก ก่อนที่จะนำมันมาวิเคราะห์ทุกอย่างอีกครั้ง” เฟิงหยวนเองก็ยังคงแสดงท่าทางไม่สนใจเรื่องนี้เช่นเดิม

“และในเรื่องความร่วมมือนั้น ผมไม่สามารถตอบอะไรคุณได้ตรงนี้ เนื่องมาจากที่โต๊ะทำงานของผมเองก็มีเอกสารแบบเดียวกับคุณกองเต็มโต๊ะเช่นกัน”

“แต่โครงการอย่างเกมสามมิติและภาพยนตร์สามมิติที่เราทำออกมาก่อนหน้านี้ ก็มากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเราแล้ว ฉันคิดว่าถ้าคุณตกลงร่วมมือกับเราในครั้งนี้ คุณจะไม่เสียใจอย่างแน่นอน!” ซูเฉิงได้พยายามพูดแย้งออกมา

อย่างไรก็ตามเฟิงหยวนก็ยังไม่สนใจสิ่งนี้อยู่ดี เขายังพูดขึ้นว่า: “ผมก็ยังคงไม่สามารถตัดสินใจได้อยู่ดี แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นพวกคุณมาเช่าพื้นที่ในของเราเพื่อจัดแสดง อันนี้ก็พอมีความเป็นไปได้อยู่”

ที่เขาพูดออกมาแบบนั้น ก็เนื่องมากจากเขาจำเป็นต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเป็นอันดับแรก และในมุมมองของเขาเอง ก็เห็นว่าการที่เขาสามารถทำผลงานให้กับบริษัทได้นั้น เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

สำหรับด้านการลงทุนอื่นๆ เขาไม่เคยได้รับเชิญเข้าไปฟังเลย มันจะเป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่เป็นคนคิด ก่อนที่เขาจะรับหน้าที่มาปฏิบัติเท่านั้น

ซูเฉิงยังคงต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฟิงหยวนกับพูดขัดจังหวะขึ้น : “คุณซู! ผมคิดว่าเราควรจะหยุดการพูดคุยเรื่องธุรกิจเอาไว้แค่นี้ก่อนดีไหม? ยังไงการมางานนี้มันก็เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกเด็กๆที่ยากจน แล้วทำไมเราถึงไม่คุยเรื่องพวกนี้กันละ? “

เมื่อเขาพูดจบ ดวงตาของเขาที่จ้องมองที่ซูเฉิงก็เปลี่ยนไปเป็นอะไรที่ลามกขึ้นทันที สำหรับเขาแล้วซูเสียวนั้นเป็นอะไรที่แตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยรู้จัก เธอนั้นเป็นเหมือนไข่มุกที่สดใสซึ่งเป็นที่สะดุดตาอย่างมาก

“ใช่! มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมากกว่าที่เราจะพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจในตอนนี้” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฟังมานานก็พูดขึ้นมา “คุณซู! ทำไมคุณถึงไม่ดื่มไวน์นี้แล้วทำตัวผ่อนคลายละ ฉันคิดว่าอีกไม่นานจะต้องมีคนมาชวนคุณออกไปเต้นรำอย่างแน่นอน”

ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างสุภาพ และเธอไม่ได้ตอบปฏิเสธอะไรออกไป

“คุณซู! ทำไมคุณถึงไม่กินขนมปังนี้กับไวน์ละ ผมรับรองได้ว่าคุณจะต้องชอบมันอย่างแน่นอน” เฟิงหยวนพูดจบ เขาก็ได้ยืนขนมปังให้กับซูเฉิงหนึ่งชิ้น

“อะไรเนี่ย? มีผู้หญิงตั้งมากมายที่อยู่ที่นี่ แต่คุณกับเลือกปฏิบัติซะงั้น” ผู้หญิงคนหนึ่งได้พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“ ฮาฮาฮา! แน่นอนว่ามันไม่ใช้อย่านั้นแน่นอน” เฟิงหยวนได้หัวเราะออกมา

หลังจากนั้น พวกเขาก็พูดคุยกันในเรื่องอื่นๆจำนวนมาก จนในระหว่างนั้นเองซูเฉิงก็ได้ถูกเพื่อนของเธอดึงเข้ามาในห้องน้ำ แล้วพูดว่า “ซูเฉิง! เธอกำลังถูกผู้ชายคนนั้นหลอกนะ!”

นี่คือยี่ฝู่ ผู้จัดการอาวุโสของบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์

เป็นเรื่องปกติที่เธอจะต้องมาเตือนเรื่องนี้กับซูเฉิงเป็นการส่วนตัว เพราะบริษัทของพวกเธอนั้นถือว่ามีผลประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้เพื่อนใหม่คนนี้ของเธอต้องมาถูกหลอกโดยผู้ชายคนนี้

“ ฉันจะพูดกับเธอตรงๆ เมื่อปีที่แล้วพนักงานของฉันคนหนึ่งได้ไปพูดคุยเรื่องธุรกิจบางอย่างกับเขาเช่นกัน ในตอนแรกเขาก็พยายามพูดจาบ่ายเบี่ยงแบบนี้ จนที่สุดเขาก็ได้พูดเสนอเงื่อนไขหนึ่งขึ้นมา นั้นคือการที่พนักงานของฉันจะต้องไปกินอาหารเย็นกับเขาหนึ่งมื้อ ฉันคงไม่ต้องพูดต่อใช้ไหมว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น!”

“ เฮ้อ! ฉันก็พอรู้มาบ้าง ดูได้จากสายตาที่เขามองมาที่ฉัน ฉันก็พอรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่?”

“ก็นั้นแหละ! ฉันจึงไม่อยากให้เธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ … “ยี่ฝู่ยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะปล่อยผ่านไปแบบนี้ เธอจึงพูดต่อว่า ” ฉันจึงคิดว่าเธอควรจะอยู่ห่างๆจากเขาจะเป็นการดีที่สุด! “

“โอ้! ฉันเข้าใจแล้ว ฉันต้องขอบคุณสำหรับการเตือนของเธอ!” ซูเฉิงเองก็รู้ว่ามันจะได้ไม่คุ้มเสีย หากเธอยังคงไม่ทำอะไรซักอย่าง

“ซูเฉิง! ถึงเฟิงหยวนอะไรนั้นจะไม่สนใจโครงการของเธอ แต่สำหรับฉันคิดว่าโครงการของเธอนั้นน่าสนใจมาก ทำไม่เธอถึงมามาร่วมมือกับบริษัทของฉันละ ถึงแม้ว่าบริษัทของฉันจะไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับบริษัทปางเหลียนกรุ๊ป แต่ฉันรับรองได้ว่าฉันจะไม่เอาเปรียบเธออย่างแน่นอน” ยี่ฝู่ได้พูดออกมา

ซูเสียวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดว่า: “บริษัทของเธอนั้นก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่เธอต้องไม่ลืมว่าบริษัทของเธอนั้นมีระบบนิเวศเชิงพาณิชย์ที่เป็นของตัวเองมากเกินไป ซึ่งถ้าฉันคิดจะเข้าไปแล้วละก็มันจะเป็นอะไรที่ยากอย่างมาก”

“ งั้นบริษัทฮงซินละ? ฉันมีเพื่อนอยู่บริษัทนี้ ฉันพอจะช่วยเธอพูดได้นะ” ยี่ฝู่ยังคงพูดต่อ

ซูเฉิงทำเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดว่า: “ลืมมันเถอะ! ถ้าฉันไม่สามารถหาได้จริงๆ ฉันก็ยังมีคนที่สามารถช่วยฉันได้อยู่!”

“คนช่วย?” ยี่ฝู่เกิดคำถามขึ้นมาทันที

หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็เดินออกจากห้องน้ำ และระหว่างนั้นก็ได้เริ่มการแสดงเปิดงานขึ้น

เป็นดาราหญิงแถบยุโรปที่เป็นคนไปร้องเพลงเปิดงานในครั้งนี้ แต่การแต่งตัวของเธอนั้นกับเป็นแบบยุคจีนสมัยโบราณ และเสียงร้องของเธอนั้นก็เหมือนกับคนจีนอีกด้วย

คนจำนวนมากที่ได้ฟังแบบนี้ ต่างก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา พวกเขาไม่คิดว่าชาวต่างชาติคนนี้จะร้องเพลงภาษาจีนได้ไพเราะแบบนี้

“มิสซือ! ผมจะชวนคุณไปเต้นรำได้ไหม?” ชายคนหนึ่งยิ้มและเดินเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายคนนั้นจะต้องเป็นเฟิงหยวน

ซูเฉิงที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยและตอบปฏิเสธไป: “คุณเฟิง! ฉันต้องขอโทษด้วย พอดีฉันกำลังรอเพื่อนอีกคนอยู่ ดังนั้นฉันคงไปเต้นกับคุณไม่ได้”