บทที่355

ผู้แปล : N.

จางไกล์ได้ถอดหมวกของเขาออกมา ก่อนที่เขาจะส่งมันให้บริกรข้างๆเขา และพาลูชินเดินไปยังพื้นที่ด้านใน

ในตำแหน่งตรงกลางมีโต๊ะที่เด่นสะดุดตาตั้งเอาไว้อยู่ ทั้งชุดนั้นทำมาจากรากไม้เพียงชิ้นเดียว นี้แสดงให้เห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ต้นไม้ต้นนี้จะต้องใหญ่มากขนาดไหน

และรากไม้นี้เองก็ถูกนำมาแกะสลักให้เป็นรูปของสัตว์มงคลต่างๆ กระจายไปทั่ว แต่จะมีที่สะดุดตาหน่อยก็คงเป็นรูปเสือทั้งสีตัวที่อยู่บนเก้าอี้นั่งสี่ตัว

ถ้วยชาเองก็เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าชั้นหนึ่งจากต่างประเทศ ถ้าเขาดูไม่ผิดมันคงเป็นแบรนด์พอร์ซเลน ซึ่งแบรนด์นี้ถือว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำของโลก แค่ชุดน้ำชาชุดหนึ่งนี้ เขาก็คิดว่ามันคงจะมีราคาถึงสิบล้านหยวนเลยที่เดียว

และโต๊ะตัวนี้ก็ถูกจับจองโดยชายวัยกลางคนสองคนอยู่ก่อนแล้ว ลูชินสังเกตเห็นว่าชายทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งน่าจะอายุประมาณห้าสิบ และอีกคนหนึ่งน่าจะอายุสี่สิบย่างเข้าห้าสิบ

เขายังสังเกตเห็นอีกว่าชายที่มีอายุสี่สิบย่างเข้าห้าสิบนั้นเหมือนกับจางไกค์มาก เขาน่าจะเป็นหนึ่งในญาติของจางไกค์อย่างแน่นอน

และอีกคนหนึ่งที่อายุห้าสิบปีนั้น เขาก็เหมือนว่าจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถนึกออกว่าชายตรงหน้าของเขานั้น คือผู้ประกอบการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน เขาไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่เขาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ปัจจุบันบริษัทปางเหลียนกรุ๊ป ถือว่าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนตอนนี้ก็ว่าได้ และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวที่นำเสนอเกี่ยวกับการจัดอันดับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ และอันดับแรกจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบริษัทจางเหลียนกรุ๊ป

และคนที่นั่งอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็คือประธานคนปัจจุบันของบริษัทจางเหลียนกรุ๊ปนั้นเอง เขามีชื่อว่าปางหมิงหยวน ซึ่งเขาเองก็ครองตำแหน่งสูงสุดของคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศจีนอีกด้วย

เขาเองก็มีอีกหลายชื่อ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชื่อว่าผู้ใจบุญที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศ มันไม่น่าประหลาดใจเลยที่งานการกุศลครั้งนี้เขาเองก็มาด้วย

“คุณลุง! สวัสดีครับ!” จางไกค์เดินไปด้วยรอยยิ้ม “พอดีผมมีเพื่อนจะมาแนะนำให้รู้จักครับ!”

คนทั้งสองที่นั่งอยู่ก่อนหลังจากที่ได้ฟังแบบนั้น ก็มองไปที่ลูชินและพวกเขาต่างก็เกิดข้อสงสัยขึ้นในสายตาของพวกเขา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความรู้สึกแปลกๆ

จางไกค์ที่เห็นแบบนั้นก็เรียบพูดแนะนำ: “นี่คือลูชิน! เขาเป็นประธานใหญ่ของบริษัทลู่เทคโนโลยี “

ทันทีที่เขาพูดจบ คนทั้งสองที่ได้นั่งอยู่ก่อนก็ได้ทำยืนขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ “กลายเป็นว่าคุณคือประธานลูนี้เอง! ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ออกไปทักทายคุณ!”

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในประเทศที่สามารถทำให้พวกเขาทั้งสองลุกขึ้นแบบนี้ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าลูชินจะต้องเป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้น

พวกเขาต่างก็ยอมรับว่า ชายตรงหน้าของพวกเขานั้นเป็นคนที่พิเศษอย่างมาก ไม่เพียงแต่เขาจะสร้างความมหัศจรรย์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเท่านั้น บริษัทของเขาเองที่เดิมเป็นเพียงบริษัทขนาดเล็กเท่านั้น เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็สามารถพัฒนาบริษัทของเขาให้กลายเป็นบริษัทยักใหญ่ที่ทั้งคนในและต่างประเทศจะต้องเกรงใจได้

“นี่คือลุงของผมเอง ชื่อว่าจางเต๋า ตอนนี้ลุงของผมเป็นรองประธานของบริษัท เขารับหน้าที่ดูแลบริษัทในเครือแถบภูมิภาคเอเชียทั้งหมด” จางไกค์ยังคงแนะนำลุงของเขาให้รู้จักกับลูชินเช่นกัน

“ แน่นอนว่าชื่อเสียงของคุณเต๋านั้นดังอย่างมาก ผมเองก็เคยเห็นคุณเต๋าครั้งสองครั้งในงานเครื่องใช้ในบ้านเมื่อไม่นานมานี้” ลูชินเองก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ

“ฮาฮาฮา!” จางเต๋าหัวเราะออกมา ก่อนที่เขาจะพูดว่า “เมื่อกี้เองพวกเราก็เพิ่งพูดถึงแนวโน้มความร่วมมือในปัจจุบันของบริษัทของพวกเราและของคุณ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณในวันนี้ “

ลูชินยังคงทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ ก่อนที่เขาจะนั่งลงและพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าจางไกค์จะกลายเป็นผู้ฟังที่ดี มันมีโอกาสไม่บ่อยมากนักที่เขาจะสามารถฟังประสบการณ์จากผู้ที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ได้

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะนั่งนิ่งและฟังอย่างตั้งใจ

ปางหมิงหยวนกับจางเต๋าเดิมที่เขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์กันอยู่ โดยที่พวกเขาคิดแผนความร่วมมือกันระหว่างทั้งสองบริษัท เพราะโครงการต่อไปที่ทางบริษัทปางเหลียนกรุ๊ปจะไปทำนั้น มันได้อยู่ในพื้นที่อิทธิพลของตระกูลจาง และพวกเขายังได้พูดถึงการหาความร่วมมือเกี่ยวกับเทคโนโลยีจากบริษัทลู่เทคโนโลยีอีกด้วย

ในฐานะบริษัทการค้าขนาดใหญ่ พวกเขาทั้งสองต่างก็มีบริษัทเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง แต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับบริษัทยักใหญ่อย่างบริษัทลู่เทคโนโลยีแล้ว บริษัทของพวกเขาไม่ต่างอะไรกับเด็กที่พึ่งหัดตั้งไข่เดินเลย

“คือ พวกเราต่างก็สนใจเป็นหุ่นส่วนกับบริษัทของคุณอย่างบริษัทธันเดอร์สตอร์ม ไม่รู้ว่าคุณลูมีความคิดเห็นยังไง” เป็นประธานปางหมิงหยวนที่ถามคำถามนี้ขึ้นมา

ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ส่ายหัวออกมาและพูดว่า: “บริษัทในเครือของเรานั้นดำเนินงานได้อย่างราบรื่น และไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ตลาดทุน”

ปางหมิงหยวนยังคงยิ้มและพูดว่า: “ผมต้องขอยอมรับความกล้าหาญนี้ของคุณลูจริงๆ ถ้าเป็นประธานคนอื่นที่ได้ฟังข้อเสนอนี้ พวกเขาคงยินดีไปแล้ว! ถ้างั้นผมคงต้องเปลี่ยนแผนเป็นความร่วมมือปกติเสียแล้ว”

“เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้เข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาความร่วมมือกับประธานของบริษัทธันเดอร์สตอร์ม ในเรื่องของความร่วมมือในชุมชนบ้านอัจฉริยะเชิงนิเวศเศรษฐกิจและย่านธุรกิจอัจฉริยะ “

“ และเราเห็นพ้องกันว่าเทคโนโลยีการฉายภาพเสมือนจริงสามมิติ ก็สามารถนำมาปรับให้เข้ากับการปฏิบัติงานในโครงการบ้านอัจฉริยะครั้งนี้ของเราได้ดี…”

“อ่า! ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกลุงจะสนใจเทคโนโลยีแบบนี้ด้วย แต่ก็อย่างที่รู้ๆกัน ถ้าเราไม่สามารถตามเทคโนโลยีได้ทัน มันจะส่งผลเสียต่อตัวเอง” จางไกค์ได้เผลออุทานออกมา

จางเต๋อเห็นว่าลูชินไม่มีประกิริยาอะไรออกมาหลังจากที่เขาฟังเรื่องนี้ เขาจึงได้ถามออกไปอีกครั้งว่า: “เออ! คุณลูคิดว่ายังไงเกี่ยวกับเรื่องที่พวกผมพึ่งพูดออกมา”

แต่ระหว่างที่จางเต๋อและปางหมิงหยวนกำลังรอคำตอบจากลูชินอยู่นั้น จางไกค์กับพูดขึ้นว่า

“ เดี่ยวก่อน! ผมเองก็มีเรื่องที่จะพูดเหมือนกัน” จางไกค์ได้หยุดไปซักพักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดออกมาต่อว่า “ เมื่อไม่นานมานี้ ทางบริษัทของคุณลูเองก็ได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ที่มีชื่อว่า โซเชียลเสมือนจริง ขึ้นมา ผมจึงมีความคิดว่าถ้าเราสามารถร่วมมือกันได้ มันจะเป็นอะไรที่วินๆกันทั้งสองฝ่าย”

“คุณลูก็รู้ว่าหนึ่งในบริษัทในเครือของครอบครัวผมนั้น มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงเช่นกัน ทางเรานั้นมีนักแสดงในสังกัดมากมายและยังมีรายการบันเทิงมากมายเช่นกัน …”

ลูชินที่ฟังแบบนั้นก็พูดขึ้นเรียบๆว่า “เราเองก็ได้พิจารณาถึงประเด็นนี้เช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้บริษัทของเรานั้นมีพลังงานจำกัด “

“แต่ถ้าคุณตกลงร่วมมือกับเราละก็…!” จางไกค์พูดอย่างรวดเร็ว “มันจะส่งผลดีอย่างมาก แค่การที่ผมไลน์สดครั้งเดียว ก็มีผู้ชมเข้ามาดูกว่าหนึ่งล้านคน และนั้นทำให้รายการของผมนั้นติดอันดับหนึ่งในห้าอันดับแรกของประเทศจีนเสมอมา นอกจากนี้ซอฟต์แวร์สังคมเสมือนจริงของคุณเองก็กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาอย่างรวดเร็ว”

“ผมคิดว่าถ้าเราจับมือกันตั้งแต่ตอนนี้ มันจะต้องทำให้อุสาหกรรมบันเทิงเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน! “

“ นี่เป็นเรื่องของบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด  ผมจึงไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้” ลูชินได้หยุดการหารือในครั้งนี้ลง ก่อนที่เขาจะพูดว่า: ” พวกคุณสามารถไปคุยเรื่องนี้กับประธานซูได้ด้วยตรง และงานในวันนี้เองเธอก็มารวมเช่นกัน แต่ถ้าถามความคิดเห็นของผม ผมคิดว่าแผนงานที่คุณพูดมานั้นไม่เลวเลย “

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ขอบคุณมาก! ผมเชื่อว่าประธานซูจะต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลอย่างคุณลูอย่างแน่นอน!” จางไกค์ได้หัวเราะออกมา

หลังจากนั้นพวกเขายังคงพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ และโครงสร้างเศรษฐกิจโลกจากองค์กรต่างๆ พวกเขาต่างก็คุยกันจนผ่านไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมง

“ เออ!, ลุงปาง ลุงเต๋า ผมและลูชินคงต้องขอตัวก่อนนะครับ นี้ก็ใกล้จะถึงช่วงเวลาที่จะประมูลแล้ว” จางไกค์ได้พูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้น

ลูชินเองก็ได้ลุกขึ้นและพูดว่า: “ผมเองก็ต้องขอตัวเช่นกัน”

“เอาล่ะ! พวกเธอไปก่อนละกัน อีกด้วยพวกฉันค่อยตามไป” จางเต๋อและปางหมิงหยวนไม่สนใจงานเลี้ยงต้อนรับพวกนี้เท่าไหร่ ที่พวกเขามานั้นก็เพื่อที่จะร่วมบริจาคช่วยเหลือพวกเด็กๆเท่านั้น

ในขณะนี้ในห้องโถงหลักต่างก็มีแขกเต็มไปหมด

จางไกค์ได้เดินเข้าไปเข้างานพร้อมกับถือแก้วไวน์เข้าไปด้วย ส่วนลูชินนั้นกับมองหาว่าซูเสียวก่อนว่าตอนนี้เธออยู่ตรงไหน