ตอนที่ 112: เฉินเวยราวกับแมลงสาบ โดย Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนสูดหายใจลึกทำให้ตัวเองสงบลง
“พ่อ แม่ ไม่ต้องพูดเรื่องซินห้าวกับเสี่ยวเวยนะ ซินห้าวไม่มีทางมีความเห็นเรื่องเสี่ยวเวย เรื่องงานแต่งเขามีพ่อแม่จัดการให้ อย่าทำให้เสี่ยวเวยมีความหวัง ไม่อย่างนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจะดูไม่ดี เขาเป็นเด็กดี อย่าเพียงเพราะช่วยเหลือพวกเรา จนสุดท้ายกลายเป็นศัตรูกัน”
เฉินเยี่ยนพูดให้หวางนิวฟังโดยเฉพาะ เธอจำเป็นต้องให้หวางนิวตัดใจ ดังนั้นเธอเลยพูดอย่างจริงจัง
“ใช่ๆ แม่ไม่พูดแล้ว ไม่พูดแน่นอน ดีไหม?”
หวางนิวรับปาก เธอก็คิดบ้าง แต่ลูกสาวพูดถูก ฐานะเขาดีขนาดนี้ จะมามองบ้านตัวเองได้ยังไง ตอนนี้เขาช่วยพวกเรา ถ้าผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ก็ไม่ดี
เฉินจงไม่ใช่คนที่พูดมากอยู่แล้ว เฉินเยี่ยนค่อยวางใจ ขอแค่หวางนิวไม่พูด เฉินเวยก็จะยังไม่รู้เรื่องซินห้าวระยะหนึ่ง
ไม่โทษเฉินเยี่ยนที่เอาจริงเอาจังแบบนี้ เฉินเวยเป็นคนยังไง? เธอสามารถยั่วอวี๋เหวยหมิน แม้แต่เรื่องแบบนี้เธอยังทำได้ ยังจะมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีก!
ถ้าให้เฉินเวยเจอซินห้าว เฉินเยี่ยนกล้ารับประกัน เฉินเวยต้องทิ้งอวี๋เหวยหมินไปยั่วซินห้าวแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้าตาซินห้าวหรือฐานะทางบ้านของซินห้าวล้วนดีกว่าอวี๋เหวยหมินเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเองรู้จักซินห้าว อีกทั้งยังรู้สึกดีกับซินห้าว เฉินเวยต้องแย่งตัวเองแน่นอน ดังนั้นเธอไม่ยอมให้เฉินเวยได้รู้จักซินห้าว ถึงแม้เธอจะเชื่อมั่นซินห้าวก็ไม่ได้
ผ่านวันขึ้นปีใหม่เข้าวันที่สอง เฉินเวยมาที่บ้านโดยเฉินเยี่ยนยังไม่ได้ตอบตกลง เห็นเสื้อผ้าใหม่ที่ไม่เข้ากับยุคสมัยบนตัวเฉินเวย เฉินเยี่ยนเกือบหัวเราะออกมา
เฉินเวยสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายตัวหนึ่ง เสื้อกันหนาวนี้ทำมาจากผ้าฝ้ายที่เฉินเวยซื้อให้หวางนิวตอนปีใหม่ ดังนั้นลายดอกไม้ที่ดูแก่แบบนั้น อายุอย่างหวางนิวใส่ไม่มีปัญหา แต่อายุวัยรุ่นอย่างเฉินเวยดูไม่เข้ากันเลย
ลายดอกไม่เพียงแต่แก่ อีกทั้งเสื้อกันหนาวยัดใยฝ้ายไว้เยอะ เลยดูหนา ดูอ้วนฉุมาก ท่อนล่างเป็นกางเกงผ้าฝ้ายสีดำ เท้าสวมรองเท้าหุ้มส้นผ้าฝ้ายสีดำ มองดูแล้ว เฉินเวยดูแก่กว่าอายุจริงหลายปีเลย แล้วก็ดูเชยเฉิ่มมาก
เฉินเวยนะเฉินเวย เธอก็มีวันนี้เหมือนกัน คิดถึงตอนที่อยู่ยุคปัจจุบัน เฉินเวยเป็นคนที่ทันสมัยมากที่สุด ทุกวันจะวิจารณ์ชุดของเฉินเยี่ยนว่าเชยบ้าง โบราณบ้าง บอกว่าเฉินเยี่ยนใช้เงินไม่เป็น บอกว่าเฉินเยี่ยนแต่งตัวไม่เป็น ตอนนี้เห็นแล้ว นี่คือเฉินเวยที่แต่งตัวทันสมัยหรือ? ถ้าไม่มองหน้า จะนึกว่าเป็นคุณป้า
“เสื้อกันหนาวนี้ลูกใส่ดูไม่ค่อยอ้วนเท่าไร ยังพอได้ วันนี้ใส่ชุดนี้แล้วกัน”
หวางนิวเห็นเฉินเวยแต่งตัวก็พยักหน้า
สีหน้าเฉินเวยเข้มเหมือนก้นหม้อ แต่ช่วยไม่ได้ เธอไม่มีชุดใหม่ จึงต้องใส่ชุดของหวางนิว ชุดแก่แบบนี้ เหมือนตัวแมลงสาบ แต่ถ้าเธอไม่ใส่ ใส่ของปีที่แล้ว ไม่เพียงแต่เล็กไป ไม่พอดีตัว ยังสกปรกมากอีกด้วย อากาศหนาว เธอขี้เกียจซัก จึงต้องใส่ชุดที่หวางนิวให้เธอมา
คิดถึงตรงนี้เธอจ้องมองเฉินเยี่ยนอย่างอาฆาต เฉินเยี่ยนได้ใส่เสื้อกันหนาวลายดอกเหมย ในสายตาเธอดูเชยมาก แต่สีสดใสแบบนี้ทำให้เฉินเยี่ยนดูมีชีวิตชีวา เหมือนหญิงสาววัยรุ่น ไม่เหมือนเธอที่สวมเสื้อกันหนาวเป็นคุณป้า เป็นเพราะเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนขี้งก ตัดชุดใหม่ให้เธอไม่กี่ชุดจะตายหรือไง
“แม่ พี่ใหญ่พาพี่สะใภ้กลับบ้านไปแล้ว ฝั่งนั้นเหลือหนูคนเดียว หนูตามพวกแม่ไปบ้านลุงด้วยนะคะ”
เฉินเวยบอกจุดประสงค์ที่เธอมา วันนี้ฝั่งนั้นเหลือเธอคนเดียว ถ้าไม่มานี่เธอจะหิวตาย
“ได้สิ”
หวางนิวพยักหน้า แล้วพูดขึ้นมาอีก “พี่ชายลูกกลับไปเอาของเป็นเพื่อนพี่สะใภ้หรือเปล่า? พี่ชายสีหน้ายังไง? เขายอมไปหรือเปล่า?”
“สีหน้าพี่ชายพอใช้ได้ พักนี้พี่สะใภ้ทำดีกับพี่ชายอยู่ พี่ชายไม่พูดเรื่องจะหย่ากับพี่สะใภ้อีกเลย”
เฉินเวยเข้าใจความหมายหวางนิว พูดจบเธอก็เหลือบมองเฉินเยี่ยน แววตาดูยั่วยุ เฉินเยี่ยนเธอเก่งมากเธอมีปัญญาคุมเฉินกุ้ยไหม? ตอนนี้เฉินกุ้ยไม่หย่ากับช่างเหลียนแล้ว ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ขอแค่ช่างเหลียนได้อยู่บ้านนี้นานขึ้นอีกวัน ช่างเหลียนก็เกลียดเฉินเยี่ยนเพิ่มขึ้นอีกวัน เธอต้องตอบโต้เฉินเยี่ยนแน่
เธอเคยคุยเป็นการส่วนตัวกับช่างเหลียน เธอให้ช่างเหลียนทำดีกับเฉินกุ้ยก่อน ทำให้เฉินกุ้ยวางใจแล้วค่อยมาบอกฝั่งนี้ว่าเธอต้องการยาหาหมอเพื่อจะมีลูก นี่เป็นเรื่องใหญ่ เฉินจงกับหวางนิวไม่สนใจไม่ได้ เรื่องหาหมอหายาต้องใช้เงิน เงินจะมาจากไหน? สุดท้ายก็ต้องให้เฉินเยี่ยนออก
รอช่างเหลียนหายแล้ว ท้องได้จริงๆ บ้านนี้ก็จะไม่ใช่ของเฉินเยี่ยนอีกต่อไป ช่างเหลียนสามารถมีหน้ามีตาได้แล้ว ถึงเวลานั้นเธอจะทะเลาะกับเฉินเยี่ยน เฉินจงกับหวางนิวก็จะเข้าข้างเฉินกุ้ยกับช่างเหลียน
เฉินเยี่ยนทำงานลำบากเพื่อครอบครัว สุดท้ายเงินที่หามาได้ก็เป็นของบ้านเฉินอยู่ดี ไม่ใช่ของเฉินเยี่ยน ตอนที่เฉินเยี่ยนเสียใจ เธอจะให้อวี๋เหวยหมินหาผู้ชายที่หน้าตาไม่แย่แต่เป็นโรคให้เฉินเยี่ยนแต่งงานด้วย ชีวิตนี้ของเฉินเยี่ยนน่ะ ค่อยๆ ทุกข์ทรมานไปเถอะ ส่วนเธอกับอวี๋เหวยหมินจะดีวันดีคืน
เฉินเยี่ยนไม่แม้แต่จะมองเฉินเวย เธอรู้ความคิดเฉินเวย ขี้เกียจจะสนใจเธอ
“เฮ้อ”
หวางนิวถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรอีก
“แม่ หนูไม่ไปแล้วนะคะ พวกเราไปกันเยอะแบบนี้ ถึงแม้คุณอาจะไม่พูด แต่คงไม่ชอบใจ เวลากินข้าวก็นั่งกันไม่พอแล้ว หนูกับจวนเอ๋อร์อยู่บ้านนะคะ”
เฉินเยี่ยนเห็นเฉินเวยจะไป เธอเลยไม่ไป และเธอก็ขี้เกียจไปเยี่ยมญาติด้วย หลังกลับมาเกิดใหม่ เธอยังไม่ได้ไปบ้านลุงเลย
หวางนิวเห็นเฉินเยี่ยนไม่อยากไปจริงๆ ก็รู้ว่าเฉินเยี่ยนพูดความจริง การไม่เยี่ยมญาติไม่จำเป็นต้องไปทุกคนก็ได้ เธอเลยตกลง
ที่บ้านเหลือเฉินเยี่ยนและหวางจวน จะกินอะไรก็มี งานก็ไม่ต้องทำ ทั้งสองคนรู้สึกผ่อนคลาย
จนตอนบ่าย ไปเยี่ยมญาติกลับมา เฉินจงและเฉินหู่ไม่ได้กลับมาบ้าน เฉินจงไปเยี่ยมบ้านคนอื่น เฉินหู่เจอเพื่อนระหว่างทาง เลยไปเล่นกับเพื่อน ไปอวดว่าใครได้เงินอั่งเปามากกว่ากัน
สีหน้าเฉินเวยดูไม่ค่อยดี ดูท่าทางแล้วเหมือนโดนรังแกมา เฉินเยี่ยนก็ไม่อยากจะถาม
“เฮ้อ ลูกว่าถ้าพี่ชายลูกเลิกกับช่างเหลียนก่อนปีใหม่จะดีแค่ไหนนะ”
ฝั่งหวางนิวถือของที่หิ้วกลับมาจากบ้านตัวเองไป ก็กระซิบพูดกับเฉินเยี่ยนไปด้วย
“ทำไมคะ?”
เฉินเยี่ยนถาม เรื่องเฉินกุ้ยหย่ากับช่างเหลียน ที่จริงหวางนิวไม่เห็นด้วยมาตลอด ทำไมวันนี้ถึงได้เสียดาย
“วันนี้อาของลูกแนะนำผู้หญิงคนหนึ่งให้พี่ชาย เป็นคนหมู่บ้านข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว หน้าตาก็ไม่แย่ มีความสามารถ พ่อเธอเสียตั้งแต่เด็ก แม่เธออาศัยเธอถึงอยู่ได้ เพราะว่าพี่น้องเยอะ เธอเลยอยากจะแต่งงานช้าหน่อย ตอนนี้เธอมีน้องชายคนหนึ่งอายุสิบแปด บอกว่าจะแต่งงานแล้ว น้องสาวอายุสิบเจ็ด ก็บอกว่าควรแต่งได้แล้ว เธอต้องแต่งก่อน ให้ที่ดินที่บ้าน แม่เธอก็ไม่ได้หวังจะให้เธอหาผู้ชายที่อายุมากกว่า ขอแค่เป็นคนดี ผู้ชายมีจิตใจดีก็พอแล้ว อาลูกคิดว่าพี่ชายลูกไม่เลวเลย เลยเอาพี่ชายไปบอกเขาแล้ว แต่ตอนนี้พี่ชายไม่อยากจะหย่ากับช่างเหลียนแล้ว แม่เลยบอกอาลูก อาลูกว่าแม่ใหญ่ บอกว่าคุยเรื่องนี้กับฝ่ายหญิงไปแล้ว ปรากฏว่าฝั่งเราไม่หย่า เธอไม่รู้จะไปตอบเขายังไง เลยว่าแม่เป็นชุด”
หวางนิวถอนหายใจแล้วเล่าเรื่องราวให้เฉินเยี่ยนฟัง
—————–