ตอนที่ 114: ขโมยเงิน โดย Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนฟังหวางนิวเล่าแล้วไม่ได้พูดอะไร คุณอาตัวเองใจร้อนไปจริงๆ ฝั่งนี้ยังไม่ทันได้หย่าเลย ฝั่งนั้นก็หาครอบครัวใหม่ให้แล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงฝั่งนั้นเป็นยังไง แต่ฟังดูแล้วอีกฝ่ายดูยินยอม
แต่ว่าตอนนี้เป็นอย่างที่หวางนิวว่า เฉินกุ้ยไม่ยืนหยัดที่จะหย่าแล้ว เธอและคนที่นี่ก็ไม่สามารถที่จะบังคับให้เฉินกุ้ยหย่า
“แล้วเฉินเวยล่ะ? เธอเป็นอะไรอีก?”
เฉินเวยไม่พูดเรื่องเฉินกุ้ยแล้ว เธอมีแผนในใจ
“จะอะไรก็ชุนฮวาว่าเธอสิ บอกว่าเสื้อกันหนาวเธอไม่เข้ากัน ดูแล้วเหมือนคุณป้าใส่ เสี่ยวเวยได้ยินก็เสียใจ ลูกก็เหมือนกัน ปีใหม่ตัดเสื้อกันหนาวชุดใหม่ให้เสี่ยวเวยหน่อยจะเป็นไรไป? ถ้าเสี่ยวเวยมีชุดใหม่ วันนี้เธอก็ไม่โดนชุนฮวาว่าหรอก ระหว่างกลับบ้านเสี่ยวเวยเสียใจจนตาแดงไปหมดแล้ว ต่อไปลูกไม่ต้องตัดชุดใหม่ให้แม่แล้ว เอาของแม่ไปให้เสี่ยวเวย”
พูดขึ้นมาหวางนิวรู้สึกไม่ค่อยพอใจลูกสาวคนโต รู้สึกว่าลูกสาวคนโตโหดร้ายกับลูกสาวคนเล็กไป พวกเธอเป็นพี่น้องกัน ไม่ควรแค้นกันแบบนี้
เฉินเยี่ยนรู้ว่าชุนฮวาที่หวางนิวพูดถึงคือลูกน้องผู้หญิงบ้านคุณลุง คือคนที่เคยแกล้งเจ้าของร่างเดิม คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เธอออกโรงมาหัวเราะเยาะเฉินเวย ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ชุนฮวารูปร่างเตี้ยมาก สูงประมาณ 150 เซนติเมตร หน้าตาก็ไม่สวย แต่เธอมีความมั่นใจตัวเองสูงมาก คิดว่าเธอเก่งกาจ ไม่เห็นใครในสายตา เธอไม่เข้าใจว่าชุนฮวาเอาความมั่นใจมาจากไหน ส่วนหวางนิวพูดเรื่องอื่น เฉินเยี่ยนไม่สนใจ หวางนิวเป็นแม่ เธอเป็นห่วงเฉินเวยก็เป็นเรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
วันเวลาผ่านไป พริบตาเดียวก็วันที่สิบห้าแล้ว
วันที่สิบห้าเป็นเทศกาลโคมลอย เฉินจงทำโคมอันใหญ่ให้เฉินหู่ล่วงหน้า โคมทำมาจากเส้นเหล็กดัด ด้านนอกปะกระดาษ เฉินเยี่ยนยังวาดรูปด้านบนให้ ดูไปก็ไม่แย่เท่าไร ข้างในใส่ชามใบเล็ก ในชามใส่น้ำมัน มีไส้ตะเกียง พอจุดก็สว่าง โคมไฟส่องแสงสว่าง ถึงแม้จะไม่สว่างสดใส แต่ดูสลัว ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ตอนบ่ายเฉินจงสลักโคมไฟจากไชเท้าหลายอัน จะเอาไปไว้ในสุสาน ต้องมีวางไว้ที่หน้าสุสานบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนั้นหน้าประตูทุกบานในบ้านต้องวางโคมไฟไชเท้าเช่นเดียวกัน วางสองอันไว้หน้าประตู ต้องให้คอยสว่างอยู่ตลอด ไม่ให้ดับ หมายความว่าจะดี
เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าน่าสนใจ เลยลงมือสลักโคมไฟไชเท้าบ้าง แล้วยังใช้มีดสลักลายดอกไม้ลงไปด้วย แต่เพราะว่าเธอไม่ได้เรียนมา สลักออกมาเลยไม่สวย แต่เฉินหู่ชอบมาก หยิบไชเท้าที่เฉินเยี่ยนสลักดอกไม้ได้ครึ่งหนึ่งวิ่งออกไปอวดเพื่อน
“พี่ ฉันเห็นพี่สะใภ้ออกมาจากห้องเรา ดูท่าทางลุกลี้ลุกลน ประตูก็ไม่ได้ปิดดี วันนี้พี่ลืมใส่กุญแจ”
ตอนที่เฉินเยี่ยนกำลังหยิบไชเท้าอีกลูกหนึ่งขึ้นมา หวางจวนมากระซิบบอกข้างเธอ
มือเฉินเยี่ยนหยุดชะงัก วันนี้วันที่สิบห้า มีเทศกาล ดังนั้นเฉินกุ้ย ช่างเหลียนและเฉินเวยมาที่นี่กินข้าวเย็นถึงค่อยกลับ ปกติเวลาที่พวกเขามาเฉินเยี่ยนจะล็อคประตูห้องที่เธออยู่ เพราะข้างในมีเงิน มีไปป์บุหรี่ เธอไม่อยากให้เฉินเวยและช่างเหลียนเห็น
เมื่อกี้เฉินเยี่ยนเข้าไปในห้อง ตอนที่ออกมาเธอแค่ปิดประตูห้อง ไม่ได้ล็อค ส่วนช่างเหลียนเข้าไปในห้องเธอหลังเธอออกไป
สีหน้าเฉินเยี่ยนดูเย็นชา เธอวางไชเท้าและมีดในมือลุกขึ้นกลับไปที่ห้องเธอ
เธอมองเตียง หมอนโดนย้ายที่ เงินที่เธอวางไว้ใต้หมอนไม่อยู่แล้วจริงๆ
เฉินเยี่ยนเข้าไปในบ้าน หวางนิว เฉินกุ้ย เฉินเวย ช่างเหลียน อยู่ในบ้านทั้งหมด
“พี่สะใภ้”
เฉินเยี่ยนตะโกนเรียก
“หา มีอะไร”
ช่างเหลียนกำลังยกชามขึ้นดื่มน้ำ อาจจะเป็นเพราะรู้สึกผิด เธอได้ยินเฉินเยี่ยนตะโกน ชามในมือเธอหล่นลงไปที่พื้น เสียงแตกดังเพล้ง ชามตกแตกแล้ว คนในบ้านต่างมองไปที่ช่างเหลียน
“เธออยากจะทำให้ฉันตกใจตายหรือไง ฉันไม่ได้หูหนวก ร้องเสียงดังทำไม ดูสิ ชามแตกหมดเลย”
ช่างเหลียนไม่รับผิดแล้วยังโยนความผิด โทษว่าเฉินเยี่ยนเสียงดัง
“พี่สะใภ้ไปห้องฉันมาเหรอ?”
เฉินเยี่ยนไม่สนใจคำพูดเธอ แต่ถามเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เปล่า ฉันไปห้องเธอที่ไหน ห้องเธอล็อคอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ? ทำเหมือนจะป้องกันขโมย ฉันไม่เข้าใจเลย คนในครอบครัวทั้งนั้น ใครจะมาขโมยของเธอได้ ล็อคประตูอยู่ทั้งวัน”
ช่างเหลียนเบะปาก แต่ฟังจากเสียงแล้วดูออกว่าไม่มั่นใจ
“เยี่ยนจื่อ? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
หวางนิวมองออกว่าผิดปกติ
“ก่อนหน้านี้หนูลืมล็อคประตู เมื่อกี้เห็นพี่สะใภ้ออกมาจากห้องหนู หนูเข้าไปดูก็เห็นว่าเงินที่หนูวางไว้ใต้หมอนหายไปแล้ว”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็เหลือบมองช่างเหลียน ช่างเหลียนหันหน้าไปไม่กล้าสบตาเฉินเยี่ยน
“เท่าไรล่ะ? ทำไมหายไป? ลูกหาดีหรือยัง?”
หวางนิวร้อนรนขึ้นมา
สีหน้าเฉินกุ้ยดูไม่ดีเลย เขาก็มองช่างเหลียน
“มองฉันทำไม ฉันไม่ได้เอาไปสักหน่อย ฉันไม่ได้เข้าไปในห้องเธอ!”
ช่างเหลียนถูกมองจนอึดอัด พูดเสียงดัง แต่สีหน้าดูไม่มั่นใจ
“สิบแปดเหรียญเจ็ดสิบสองสตางค์ นี่เป็นเงินที่สองวันนี้หนูเตรียมจะไปซื้อกระดาษ หนูหาแล้ว ไม่เจอเลย มีพี่สะใภ้ที่เข้ามาในห้อง”
เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดว่าช่างเหลียนขโมย ดูท่าทางก็ชัดเจนมากแล้ว คนในบ้านก็มองไปที่ช่างเหลียน
“ฉันไม่ได้เอาไปจริงๆ ฉันไม่ได้ไปห้องเธอ พวกเธอทำอะไรกัน เห็นฉันเป็นขโมยหรือไง ทำไมพวกเธอมาแกล้งฉันแบบนี้ ฉันไม่อยู่แล้ว ฉันจะกลับ”
ช่างเหลียนสีหน้าโกรธ ลุกขึ้นยืนจะออกไปข้างนอก
ไม่ทันที่เฉินเยี่ยนจะขยับเลย เฉินกุ้ยรั้งเธอไว้ ถามหน้าเครียด “คุณบอกมา คุณได้เข้าไปในห้องเยี่ยนจื่อไหม เงินนี่คุณเอาไปหรือเปล่า?”
“ฉันไม่ได้เอาไป! คุณก็ไม่เชื่อฉัน ฉันเป็นภรรยาคุณนะ ทำไมคุณถึงเชื่อสิ่งที่เธอพูด ฉันไม่ได้เอาไป พูดร้องรอบฉันก็ไม่ได้เอาไป!”
ช่างเหลียนตะโกนเสียงดังใส่เฉินกุ้ย เหมือนเสียงยิ่งดัง ก็ดูเธอยิ่งมีเหตุผล ยิ่งไม่มีความผิด
เฉินกุ้ยมองเฉินเยี่ยน
“พี่ใหญ่ ในบ้านก็มีแค่ไม่กี่คน ไม่มีคนนอกเข้ามา เงินก็นับไว้แล้ว แล้วฉันก็เห็นพี่สะใภ้ออกมาจากห้องฉัน พี่สะใภ้เอาหรือไม่ได้เอาไป ดูกระเป๋าเธอก็รู้แล้ว ถ้าพี่สะใภ้ไม่ได้เอาไป ฉันก็จะขอโทษเธอ ถ้าเอาไป ก็ขอให้พี่สะใภ้อธิบายฉันด้วย”
เฉินเยี่ยนมองเฉินกุ้ย ในใจเธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าช่างเหลียนเอาไป เพราะวันนี้เธอตั้งใจไม่ล็อคประตู แล้วเธอก็ตั้งใจให้ช่างเหลียนเห็นเธอนับเงินอยู่ในห้อง เห็นเธอเอาเงินวางไว้ใต้หมอน จนเธอออกมา ช่างเหลียนแอบเข้าไป ส่วนเงินเธอก็หายไปแล้ว เงินนี่ช่างเหลียนเอาไปแน่นอน ส่วนที่เฉินเยี่ยนทำแบบนี้นั้น ก็เพื่อจะให้โอกาสช่างเหลียน เธออยากจะดูว่าช่างเหลียนจะเอาเงินไปหรือเปล่า ถ้าเอาไป ก็หมายความว่าช่างเหลียนไม่ได้ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเลย คนแบบนี้อยู่บ้านเฉิน มีแต่จะทำให้เดือดร้อน ถ้าช่างเหลียนไม่ได้เอาไป แปลว่าเธอปรับปรุงตัวแล้วจริงๆ ก็สามารถอยู่กับเฉินกุ้ยได้อย่างสบายใจ เฉินเยี่ยนก็จะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว ยังไงไม่ช้าก็เร็วเธอต้องแต่งงานอยู่ดี เฉินกุ้ยเป็นคนที่ใช้ชีวิตด้วย
ส่วนที่เธอเลือกวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ที่พรรคและอำเภอเริ่มทำงานกันแล้ว ถ้าจะหย่าก็สามารถไปได้เลย
———–