TQF:บทที่ 534 ความทรงจำถูกสะกด บรรลุปรากฏราชันย์จักพรรดิ์(3)

 

ปรากฏราชันจักรพรรดิ์ในอายุ 18 ปี ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปต้องทำให้ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธของผืนดินนี้บ้าคลั่งแน่

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองได้เข้าสู่จุดพลิกผัน นาทีต่อมาพลังในร่างพลุ่งพล่านขึ้น เสื้อผ้าหน้าผมปลิดปลิวอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าที่สงบอยู่ก็เริ่มมีความดุร้ายขึ้น มองแล้วรู้สึกน่ากลัวแปลกๆ

 

หยูเฮงรู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญแล้ว จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ชั่วขณะนี้แหละ

 

ความจำกัดจากฟ้าดินยังผูกมัดอยู่ลางๆ ความจำกัดนี้ถ้าไม่ถึงระดับหนึ่งจริงๆจะไม่สามารถรู้สึกถึงมัน แต่เมื่อผู้ฝึกฝนวิทยายุทธจะทำการบรรลุจะรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน

 

ก่อเกิดราชันย์จักพรรดิ์และปรากฏราชันจักรพรรดิ์เป็นรอยต่อจากกัน ถ้าข้ามรอยต่อนี้ไปได้ถึงจะเปลี่ยนพลังภายในเป็นพลังเซียนได้ ขอแค่มีพลังเซียนก็จะไปสู่ระดับที่สูงขึ้นกว่านี้ได้

 

ต้องเรียกว่าพลังภายในไม่ใช่สำหรับผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่แท้จริง มีแต่ฝึกฝนจนได้พลังเซียนมาเท่านั้นจึงจะนับไ้ด้ว่าเป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่แท้จริง ตอนนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมาถึงจุดนี้แล้ว มีแต่ต้องก้าวออกไปเท่านั้นนางถึงจะมั่นใจในการตามหาสามีของตัวเอง

 

บรรลุเป็นปรากฏราชันย์จักพรรดิ์ต้องทำลายขีดจำกัดในร่างและขีดจำกัดของก่อเกิดราชันย์จักพรรดิ์ ทำลายความจำกัดนี้ไปพลังของนางก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ถ้าหากทำไม่ได้วิทยายุทธก็จะหยุดอยู่แค่นี้

 

พลังยิ่งเยอะ ขีดจำกัดที่อยู่บนร่างก็ยิ่งยากจะทำลาย นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมเมื่อผู้ฝึกฝนวิทยายุทธมีระดับที่สูงขึ้นจะพัฒนาฝีมือได้ช้าลง

 

บางครั้งผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหยุดอยู่ที่ระดับหนึ่งไว้เป็นปีเพราะพรสวรรค์จำกัด ไม่สามารถทำลายมันได้

 

นอกเสียจากจะหาโอกาสวาสนาในการบรรลุ ไม่อย่างนั้นก็จะหยุดอยูที่จุดนี้ไปตลอดชีวิต

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสัมผัสด้วยใจ รวมรวมพลังวิญญาณทั่วร่างปะทะกับขีดจำกัดที่ล่ามตัวเองไว้อยู่

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เกิดเสียงดังตู้มขึ้น ขีดจำกัดในร่างถูกทำลาย นางรู้สึกตัวเบาเหมือนหลุดออกจากการถูกล่าม แรงกดดันและความทรมานต่างๆหายไปจนหมด เสมือนหนีออกจากคุกที่จองจำมาได้ รู้สึกถึงอิสระไปทั้งกายใจ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกสดชื่น มีบารมีที่มองไม่เห็นกระจายออกโดยมีเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเป็นจุดศูนย์กลาง เกิดระลอกคลื่นที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

 

หยูเฮงที่นั่งอยู่บนปุยเมฆยิ้มออกมา ใบหน้าเล็กๆประดับไปด้วยรอยยิ้มอันสดใส นางรู้ว่าคุณหนูทำสำเร็จแล้ว คุณหนูได้กลายเป็นปรากฏราชันจักรพรรดิ์ที่อายุน้อยที่สุดในผืนดินนี้

 

แม้จะบรรลุสำเร็จ แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่ได้ลุกทันที ระดับใหม่ที่บรรลุเสถียรอย่างรวดเร็ว นางยังลำเลียงพลังอยู่ เกิดแรงดึงดูดราวน้ำวน มีความรู้สึกแปลกๆตามเส้นชีพจร ทำให้รู้สึกสบายทั้งกายใจ เสมือนทุกรูขุมขนได้หายใจ

 

ผ่านไปสักพัก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวค่อยๆลืมตาขึ้น ในตาคู่สวยเหมือนมีสายฟ้าฟาดผ่านไป เกิดเป็นประกายขึ้น นางนั่งคิดอะไรอยู่สักพัก

 

“คุณหนู….”

 

หยูเฮงกระโดดลงมาจากปุยเมฆ ร้องด้วยความดีใจ “คุณหนู ยินดีด้วย ในที่สุดก็บรรลุปรากฏราชันจักรพรรดิ์แล้ว”

 

“ขอบใจ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าตอบ มุมปากยกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มจางๆบนหน้า

 

เป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ

 

ขณะเดียวกัน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็รับรู้ได้ว่าพลังจิตของตัวเองแกร่งขึ้นกว่าก่อนมาก

 

ก้านหลิวโบกสะพัดเบาๆ ราวกับกำลังดีใจกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วย

 

1 วันให้หลัง

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหายตัวออกจากมิติ

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวออกมาหลังจากเข้ามิติไป ได้กลิ่นอากาศที่คุ้นเคย หัวใจของนางเหมือนถูกฉีกออกอย่างไร้ความปราณี เจ็บจนนางต้องหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

 

เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ได้เห็นเขาแล้ว

 

สาวใช้ในสวนไม่กล้าเข้าใกล้ หยูเฮงที่ตามออกมาใช้มือเล็กๆอ้วนๆคอยเช็ดน้ำตาให้นาง

 

ไม่นานนัก ก็มีคนมาปรากฏตัวเรื่อยๆ

 

เพราะทุกคนในบ้านต่างเฝ้าดูพลังลมปราณในตำหนักเถาวัลย์หยกอยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อเฉิงเสี่ยวเสี่ยวออกมา ทุกคนจึงรู้สึกได้ทันที

 

คนแรกที่มาถึงคือผู้เฒ่าหยิง

 

“คุณหนู…..”

 

เห็นคนที่โศกเศร้าจนมีน้ำตา ผู้เฒ่าหยิงกระพริบตาถี่ๆ ที่จมูกรู้สึกตันๆ ตาแก่ที่เลือดเย็นอย่างเขารู้สึกว่าน้ำตาจะไหลเป็นครั้งแรก

 

ช่วงเวลาที่อยู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มา 3 ปีกว่า จากความรู้สึกต้องยอมในตอนแรกจนถึงตอนนี้ที่รู้สึกเหมือนทุกคนเป็นครอบครัว รู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้าน

 

แม้ว่าตระกูลเฉิงจะอยู่ในฐานะเจ้านาย แต่ไม่มีใครเห็นเขาเป็นแค่คนรับใช้ เรื่องนี้ผู้เฒ่าหยิงรู้สึกได้มานานแล้ว ในช่วงเวลา 3 ปีอันวุ่นวายนี้ ผู้เฒ่าหยิงเห็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเป็นเหมือนหลานสาวคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว รักใคร่เอ็นดูนางจากใจจริง

 

“ตาเฒ่า…” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ลืมตาขึ้นเหลือบไปเห็นน้ำตาที่รื้นขอบตาเขาพอดี รู้สึกอบอุ่นขึ้นที่ใจ เรียกเขาเบาๆ

 

“ขอรับ ข้าอยู่นี่” ผู้เฒ่าหยิงฉีกมุมปากออกให้เป็นรอยยิ้มอันฝืนเกร็ง

 

คนอื่นๆก็มาถึงแล้ว โดยเฉพาะเฉิงไป๋หยวนที่น้ำตาคลอเมื่อได้เจอลูกสาว ยื่นมือไปตบบ่านาง “ยัยหนู ในที่สุดเจ้าก็ออกมา”

 

“เสี่ยวเสี่ยว…” ฟางซูหยุนก็มาถึงแล้ว

 

นางเดินเข้าไปหาหลานสาวที่ผอมแห้ง ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ กอดนางเอาไว้และพูดเสียงเบา “ยัยโง่ เจ้ายังมีพวกเราอยู่นะ พวกเราทุกคนจะอยู่ข้างๆเจ้า”

——————————–