TQF:บทที่ 535 ความทรงจำถูกสะกด บรรลุปรากฏราชันย์จักพรรดิ์(4)
“ท่านย่า ข้ารู้ ข้ารู้…”
น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวฝังหัวเข้าไปในอ้อมกอดของท่านย่า ในตอนนี้ความเจ็บปวดในใจค่อยๆจางหายไป
เมื่อนางสงบลงแล้วเงยหน้าขึ้น จึงได้รู้ว่าทุกคนพากันมาหมด รวมถึงท่านตาท่านยายที่นางไม่ค่อยต้อนรับก็อยู่ที่นี่ด้วย
เมื่อทักทายกับทุกคนเสร็จ ก็นั่งน้ำตาไหลเงียบๆกับอาจารย์หญิงของนาง สำหรับพวกนางแล้วความรู้สึกนี้เหมือนกัน เจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหว
สายตาของอาจารย์ปู่เวิหารสวรรค์อยู่ที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตลอด ราวกับจะมองนางให้ทะลุ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสบตากับเขาอย่างช่วยไม่ได้ ถามขึ้น “อาจารย์ปู่ ทำไมมองข้าแบบนี้ล่ะ หรือว่าท่านจำข้าไม่ได้ซะแล้ว”
“ใช่สิ ข้าแทบจะจำยัยหนูอย่างเจ้าไม่ได้แล้ว” อาจารย์ปู่เวิหารสวรรค์ยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจ “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ในเวลาแค่ 1 เดือนยัยหนูอย่างเจ้าถึงกับบรรลุจากก่อเกิดราชันย์จักพรรดิ์ตอนกลางไปสู่ปรากฏราชันจักรพรรดิ์แล้ว เจ้าจะให้ข้าพูดอะไรดี”
“หาาา…”
“อะไรนะ…..”
“คุณ คุณหนูบรรลุแล้วหรือ”
“เสี่ยวเสี่ยวบรรลุเป็นเซียน ปรากฏราชันจักรพรรดิ์แล้วเหรอ”
ทุกคนในที่นี้อึ้งไปหมด สายตาไม่อยากจะเชื่อตกไปอยู่ที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ข่าวนี้เกินกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก ทำให้พวกเขายากที่จะเชื่อจริงๆ
เห็นท่าทางของทุกคนแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ปกติแล้วเป็นคนนิ่งๆก็อดมีท่าทีอึดอัดไม่ได้ ภายใต้การจ้องมองจากทุกคน นางพยักหน้าเบาๆ
ซี้ดด…..
ได้รับการยืนยันจากนาง ทุกคนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆพร้อมกัน ปรากฏราชันจักรพรรดิ์เชียวนะ
จากเดิมที่ทั้งผืนดินนี้มีปรากฏราชันจักรพรรดิ์อยู่แค่คนเดียวเท่านั้น ตอนนี้มีเพิ่มมาอีก 1 คน แลัวยังเป็นปรากฏราชันจักรพรรดิ์ที่อายุน้อยขนาดนี้ ช่างน่าตระหนกตกใจสำหรับพวกเขาจริงๆ
เทียบกับสีหน้าตกใจของพวกเขาแล้ว มีแค่ 2 คนเท่านั้นที่ยังมีท่าทีเรียบเฉยอยู่ ซึ่งก็คือเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและท่านย่าฟางซูหยุน ราวกับทั้งคู่ไม่รู้สึกว่าปรากฏราชันจักรพรรดิ์จะเลิศเลออะไร
ที่ผืนดินฉางไห่ ปรากฏราชันจักรพรรดิ์ไม่ได้เลิศเลอจริงๆนั่นแหละ เทียบเท่ากับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ของที่นี่เท่านั้น ไม่มีอะไรให้ต้องตกใจ
ตาเฒ่าทั้งหลายก็คิดได้แล้ว พวกเขายิ้มออกมาเฝื่อนๆ คนกับคนเปรียบเทียบกันมีแต่จะน่าโมโหซะเปล่าจริงๆนั่นแหละ
“เสี่ยวเสี่ยว ความตั้งใจของเจ้าพวกเรารู้แล้ว เจ้าเตรียมจะออกเดินทางตอนไหน” ฟางซูหยุนมองหลานสาวอย่างอ่อนโยน เอ่ยถามเบาๆ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวชะงักไปนิด แต่ไม่ได้แปลกใจ “ท่านย่า น่าจะอีกสักพักนึง ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่ชัด”
ทุกคนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เวลาเพิ่งผ่านไปแค่ 1 เดือนเท่านั้น วิทยายุทธของนางก็เพิ่งจะสูงขึ้น คงจะออกไปทันทีเลยไม่ได้
ฟางซูหยุนพยักหน้าเบาๆ พูดเสียงนุ่มนวล “เสี่ยวเสี่ยว วิทยายุทธของเจ้าถือเป็นชั้นยอดของที่นี่ แต่เมื่อเจ้าไปผืนดินฉางไห่ควรจะบรรลุไปอีกระดับ อย่างน้อยเมื่อเจ้าไปผืนดินฉางไห่จะได้มีความสามารถพอจะตั้งตัว ไม่อย่างนั้นเจ้าไปถึงก็มีแต่จะเจออุปสรรค และยากที่จะตามหาข่าวคราว”
“ท่านย่า ข้ารู้” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ในใจว่าท่านย่าวหวังดี อย่างไรซะเดิมทีท่านย่าก็เป็นคนของผืนดินฉางไห่ นางรู้จักที่นั่นดี
ฟางซูหยุนลูบผมนางเบาๆ “ยัยหนู ถึงเวลานั้นย่าจะไปกับเจ้าด้วย ย่าจะพาเจ้ากลับบ้าน”
“ท่านแม่ นี่ท่าน…” เฉิงไป๋หยวนคิดไม่ถึงว่าท่านแม่จะไปด้วย รู้สึกทำใจไม่ได้ขึ้นในบัดดล
ฟางซูหยุนเหล่ลูกชายก่อนจะกล่าว “เจ้าเด็กโง่ เจ้าน่ะมีครอบครัวแล้วนะ แม่จะมีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีก กลับเป็นเสี่ยวเสี่ยวที่ไปผืนดินอื่นคนเดียวต่างหากที่แม่เป็นห่วง ข้าตามนางไปด้วยจะได้ช่วยชี้แนะนางได้”
“ท่านแม่ ข้ารู้” เฉิงไป๋หยวนมองไปที่ลูกสาวที่ผอมจนเกินไปพลางพยักหน้า หาลูกเขยไม่เจอไม่มีใครสบายใจได้ ไม่มีใครจะมีความสุขได้จริงๆ
“คุณหนู พวกเรารวบรวมทรัพยากรไว้ไม่น้อย เตรียมจะเลื่อนขั้นให้มิติของท่าน” ผู้เฒ่าหยิงเอ่ยปาก
หยูเฮงที่ไม่ได้พูดอะไรเลยดีใจมากเมื่อได้ฟัง ตาคู่สวยเบิกกว้าง “ตาเฒ่า เจ้าพูดจริงหรือ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็อดมองไปที่เขาไม่ได้
ผู้เฒ่าหยิงพยักหน้าจริงจัง “จริงแท้แน่นอน ตอนนี้ตัวแทนจากอิทธิพลต่างๆได้มาพำนักที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนแล้ว รอให้คุณหนูออกมาทำการแลกเปลี่ยน”
“ว้าว มีทรัพยากร งั้นก็เยี่ยมไปเลย มิติของเราได้เลื่อนขั้นอีกแล้ว เป็นเรื่องดีกับพวกเรามากจริง”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็ยิ้มออกมาบางๆ มีท่าทีเฝ้ารออยู่นิดหน่อย
“คุณหนูหยูเฮง นี่เป็นเรื่องจริงนะ”
ผู้เฒ่าหยิงเอ่ยยิ้มๆ “พวกเรารู้ว่าพวกท่านจะออกไป เพื่อรวบรวมทรัพยากรในครั้งนี้ จึงได้ประกาศกับคนจากทุกอิทธิพลว่าครั้งนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนทรัพยากรครั้งสุดท้าย ถ้าพวกเขาไม่มาทำการแลกเปลี่ยนละก็ วันหลังจะไม่สามารถทำการซื้อขายทรัพยากรจำนวนมากที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนอีก ดังนั้นพวกเขาจึงมากันหมด เชื่อว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”
พูดถึงตรงนี้ เขาหันไปถามเจ้าตัวเล็ก “หยูเฮง ทรัพยากรของพวกเราไม่น้อยใช่มั้ย เพียงพอกับการแลกเปลี่ยนครั้งนี้นะ”
“แน่นอนสิ อยากได้เท่าไหร่ก็มีเท่านั้น เจ้าวางใจเถอะ”หยูเฮงรับประกัน
ซึ่งเป็นความจริง ตอนนี้ทรัพยากรในมิติมากมายจนน่ากลัว รับประกันได้ว่าเพียงพอสำหรับคนทั้งผืนดินในระยะเวลา 10 โดยไม่มีอะไรต้องห่วง
คนที่รู้เรื่องนี้มีแค่เฉิงเสี่ยวเสี่ยว คนอื่นไม่มีใครรู้ เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากหยูเฮงจึงถอนหายใจกันอย่างโล่งอก
หลังจากนั้นหยูเฮงและผู้เฒ่าหยิงก็เริ่มทำการแลกเปลี่ยน
การแลกเปลี่ยนในจำนวนมหาศาลนี้ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายพึงพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นทรัพยากรมากมายที่อยู่ในมือตัวเองหยูเฮงดีใจสุดๆ ใบหน้าเล็กๆของนางยิ้มได้ในทุกวัน
ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนั้นว่างขึ้น อยู่กับครอบครัวในทุกๆวัน อย่างไรซะการฝึกฝนก็ต้องยืดหยุ่นบ้าง จะเก็บตัวตลอดนั้นเป็นไปไม่ได้
ผ่านไป 5 วัน ทรัพยากรในมิติหายไปกว่าครึ่ง สิ่งที่แลกกลับมากองกันจนเป็นภูเขาเลากาอีกครั้ง เรียกได้ว่าสมบัติสะสมของแต่ละอิทธิพลในผืนดินนี้ถูกพวกนางขุดไปจนหมด
สำหรับภูเขาสมบัติเหล่านี้แล้ว ความคาดหวังฉายอยู่ในแววตาเฉิงเสี่ยวเสี่ยว หวังว่าครั้งนี้มิติจะเลื่อนได้สักหลายสิบขั้น ตัวเองจะได้มีโอกาสบรรลุอีก เมื่อตัวเองได้เป็นบรรลุราชันย์จักพรรดิ์หรือก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะจะได้มีความสามารถพอที่จะรักษาชีวิตไว้ และสบายใจที่จะไปจากที่นี่
แน่นอนว่าบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ก็ยังเป็นแค่ความคาดหวังอยู่ ส่วนก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะนั้นไม่น่าจะเป็นจริงได้ อย่างไรซะแต่ละระดับก็ไม่ง่ายนักที่จะบรรลุ
“คุณหนู หลังจากที่มิติเลื่อนขั้นไปในครั้งนี้ ท่านก็สามารถสร้างภาพสมมุติเทพของตัวเองแล้วนะ”หยูเฮงบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ภาพสมมุติเทพ?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวชะงักไป นึกถึงภาพสมมุติสีทองที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่โม่ซวนซุนสู้ศึกกับพวกฝ่ายมารแล้วเกิดความคาดหวังขึ้น
“ใช่แล้วคุณหนู วิชากษัตริย์หญิงเทียนเสวี่ยนอวี่ที่คุณหนูฝึกฝนอยู่สามารถสร้างภาพสมมุติเทพของตัวเองได้ รอให้ท่านสร้างออกมาแล้วมันยังสู้เคียงบ่าเคียงไหลกับท่านได้ด้วย”
“ข้าเข้าใจแล้ว” แม้ว่จะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของภาพสมมุติเทพดี แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็พอเข้าใจแล้วบ้าง
“คุณหนู การสร้างสมมุติเทพไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีพลังสูงส่งอะไร เพียงแต่วิชาและคาถาการสร้างภาพสมมุติเทพสีทองนี้ไม่ได้อยู่ที่ผืนดินนี้”
“ข้าเชื่อว่านอกจากวิชากษัตริย์หญิงเทียนเสวี่ยนอวี่ของคุณหนูและวิชาเจ้าอาทิตย์เลี่ยจวินของคุณชายสามารถสร้างภาพสมมุติเทพได้แล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำได้อีก”
หยูเฮงกล่าวต่อยิ้มๆ “แต่ว่าที่ผืนดินอื่นจะมีคนสร้างออกมาได้มั้ยนั้นตอนนี้ข้ายังไม่รู้ ข้ารู้ว่าภาพสมมุติเทพเป็นวิชาชั้นสูง และก็เป็นกลยุทธการรบที่สำคัญอย่างหนึ่ง ตำนานกล่าวว่า ภาพสมมุติเทพขยับ ฟ้าดินสะเทือน ภาพสมมุติปรากฏ ฟ้าดินสลาย”
“อีกอย่าง ภาพสมมุติเทพไม่ใช่แค่วิชาอิทธฤทธิ์ยิ่งใหญ่ แล้วยังมีลิขิตฟ้าแฝงไว้ด้วย เมื่อลำเลียงพลังจะดูดซับพลังวิญญาณในระยะพันลี้มาใช้ได้โดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นพลังรบจะสูงกว่าตัวผู้ฝึกฝนวิทยายุทธเองอยู่มาก ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธมากมายจึงอิจฉาผู้ที่มีวิชานี้”
“ได้ รอให้มิติได้เลื่อนขั้นก่อน เจ้าค่อยชี้แนะข้าว่าจะสร้างภาพสมมุติเทพขึ้นได้อย่างไร มีภาพสมมุติเทพนี้ต้องเป็นผลดีกับพวกเราแน่”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
หยูเฮงพูดอย่างได้ใจ อย่างไรซะคาถาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนางก็เป็นคนสอนเองทั้งนั้น ต้องภาคภูมิใจอยู่แล้ว
เห็นท่าทางของเจ้าตัวเล็กแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็รู้ทันทีว่านางคิดอะไรอยู่ อดหัวเราะแกมก่นด่าออกมาไม่ได้ “พอแล้ว เลิกบ้ายอแล้วเริ่มทำงานได้แล้ว”
———————————