บทที่ 490 เมื่อยังสาวไปจีบหนุ่มเหรอ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 490 เมื่อยังสาวไปจีบหนุ่มเหรอ?
“วิธีอะไรเหรอ”

“ให้คุณ!”

เส้นหมี่พูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา

คำพูดหล่นออกมา ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า หญิงสาวในสายโทรศัพท์ด้านนู้น นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างออกมาจนจะล้นขอบตา:“คุณพูดอะไร คุณพูดอีกครั้งสิ ให้ฉันงั้นเหรอ!”

เส้นหมี่พยักหน้า:“ใช่ ให้คุณ ข้อแรก คุณคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลหิรัญชา ให้คุณเหมาะสมที่สุดแล้ว ข้อสอง ถ้าหากน้องชายคุณไม่ยอมรับช่วงต่อ งั้นก็ต้องพึ่งความสามารถของคุณแล้ว คุณอย่าลืม เมื่อก่อนคุณก็เคยบริหารหิรัญชากรุ๊ปมาก่อน”

“แต่ว่า……”

“ตามนี้แหละ คุณไม่ต้องแต่ว่าอะไรให้มากความ พวกเรานัดเจอแล้วคุยกัน งั้นนัดกันที่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง”

เส้นหมี่ไม่ได้ให้เวลากับหญิงสาวสำหรับคิดพิจารณา บอกออกไปตรงๆว่าอีกสักพักนัดเจอกันที่ไหน เธอก็วางสายโทรศัพท์ไปเลย

หญิงสาวคนนี้ ความจริงแล้วบางครั้งก็ต้องการการผลักดัน

หลังจากนั้นเส้นหมี่จัดเก็บอะไรนิดหน่อย ก็ออกไป

แน่นอนว่า ตอนเธอออกไป ไม่ลืมที่จะส่งวีแชทไปหาแสนรักที่กำลังไปส่งลูก บอกเขาว่าเธอไปบริษัทเองแล้ว

หลังจากที่แสนรักได้รับ……

“ท่านประธาน เมื่อวานที่คุณให้ผมไปสืบเรื่องนายหญิง ผมสืบดูอย่างชัดเจนแล้ว หลังจากที่เธอออกจากบ้าน ไปที่คฤหาสน์หลังเก่าก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ไปที่บ้านพักคนชราอากิยามะ”

“……”

บ้านพักคนชราอากิยามะ?

แสนรักมองไปที่ลูกน้องแวบหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าของตัวเอง

บ้านพักคนชราอากิยามะ นั่นเป็นสถานที่ที่ตาแก่นั่นพักอยู่ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเมื่อวานเธอไปหาเขาแล้ว?

เธอไปหาเขามีเรื่องอะไร?

สีหน้าของเขาเริ่มไม่ดีขึ้นมา

เขาไม่อยากยอมรับเลยว่า ถึงแม้ว่าเรื่องที่ศาลเจ้าเรื่องนั้นเขาไม่ได้โกรธหญิงสาว แต่ว่าเขาก็ไม่อยากเห็นหญิงสาวไปมาหาสู่กับคนฝั่งโน้น

โดยเฉพาะตาแก่คนนี้

“สืบมาให้ได้ว่าเธอไปที่นั่นทำอะไร”

“ไม่ได้หรอกครับ ถูกคุมอย่างเข้มงวด แต่ว่าตอนที่นายหญิงออกมา มองเห็นว่าเธอมีคนคุมบังคับออกมา”

“คุมบังคับออกมางั้นเหรอ”

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถเหมือนเมฆที่ดำมืดมากกำลังจะมีหยดน้ำหยดออกมา ได้ยินไม่กี่คำนั้น สีหน้าก็นิ่งไป

ดลธีพยักหน้า:“ใช่ครับ ทั้งยังเปิดปากด่าออกไป แต่ไม่ยอมออกมา”

แสนรัก:“……”

เขาไม่มีเสียงใดออกมา

หรือว่า เขาเข้าใจผิดแล้ว?

ใช่สิ เมื่อวานตอนที่หาเธอเจอแล้ว เธอร้องไห้ไม่หยุด หลังจากนั้นยังถามเขาเพราะว่าเรื่องศาลเจ้าเรื่องนั้นหรือเปล่า ถึงเริ่มเกลียดเธอ?

แต่ก่อนหน้านี้ เดิมทีเขาไม่ให้เธอรู้เรื่องที่เขาถูกด่า

งั้นถ้าพูดแบบนี้ เธอน่าจะมีคนบอกเธอแล้ว หลังจากนั้นรีบวิ่งไปหาตาแก่นั่นชี้แจง ต้องรู้ว่า เด็กโง่คนนี้ ไม่ยอมเห็นเขาถูกทำให้น้อยเนื้อต่ำใจ

เด็กโง่คนนี้!

ก้นบึ้งหัวใจของชายหนุ่ม ทั้งรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกผิดขึ้นมา

อีกทั้งความขุ่นมัวในเมื่อสักครู่ ในที่สุดเพราะว่าได้เรียบเรียงและเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว เหมือนสาดเมฆครึ้มออกไปมองเห็นฟ้าใส ทั้งหมดสลายตัวไป

“เข้าใจแล้ว ต่อไปนี้ไม่ต้องตามดูเรื่องนี้แล้ว เตรียมคนไปมัลดีฟส์ก่อนจัดการเรื่องธุรกิจให้พร้อม รวมทั้งโรงเรียนและที่พัก เตรียมเอาไว้ก่อน”

“ครับ ท่านประธาน”

ดลธีได้รับคำสั่งอย่างนี้ ในทันใด เขาก็หายตัวไปจากที่นี่

พูดจริง BOSSใหญ่ของเขาคนนี้ ถึงแม้ว่าจะออกจากหิรัญชากรุ๊ปมาแล้ว แต่เขาก็ยังคือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิดคนนั้น

——

เส้นหมี่มาถึงห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง

ความจริงแล้วเป็นร้านกาแฟร้านนั้น เพียงแต่ว่า ทั้งสองเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของผู้คน จึงสามใส่และแต่งตัวธรรมดานิดหนึ่ง

“เอาของมาด้วยหรือเปล่า รีบเอามาให้ฉันดูหน่อย”

เมื่อทั้งสองมาถึงร้านกาแฟ แสงดาวที่ใส่หมวกแก๊ปรีบถามถึงของสองสิ่งนั้นกับเส้นหมี่ทันที

เส้นหมี่จึงหยิบออกมา

ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ เดิมทีอยากจะขโมยก็ขโมยมาไม่ได้ ทำไมตอนนี้ ตาแก่คนนั้นถึงได้เอาออกมาเองอย่างกะทันหัน?

แสงดาวหยิบสิ่งของสองสิ่งนี้ขึ้นมา ดูอยู่นาน

“ไอ้เหื้ย ของจริงว่ะ!”

“……”

เส้นหมี่มองดูหญิงสาวที่เหมือนคนบ้าคนนี้อย่างเหนื่อยใจ ยกกาแฟขึ้นมาจิบหนึ่งจิบ

“งั้นตอนนี้ก็แน่ใจได้แล้ว คุณมีความคิดยังไงกับความเห็นของฉัน”

“ฉัน……” แสงดาวพูดไม่ออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

พูดจริง ความจริงแล้วจากความสามารถของเธอ ถ้าได้หุ้น20%นั้นมาแล้ว เธอสามารถลอยหน้าลอยตาต่อหน้าคณาธิปได้เลย เขาไม่มีทางทำอะไรเธอไม่ได้อย่างแน่นอน

แต่ว่า เหมือนว่าทุกคนต่างมองข้ามไป เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลหิรัญชา ในหิรัญชากรุ๊ป ความจริงแล้วไม่ได้ถือหุ้นอยู่เลย

งั้นเพราะอะไรกันแน่?

แสงดาวดวงตาละห้อยลงมา ยกกาแฟที่อยู่ด้านหน้าแก้วนั้นขึ้นมา เธอคิดวกไปวนมาอยู่นาน ถึงได้ยินเธอพูดออกมาหนึ่งประโยค:“พ่อของฉันเขาไม่ยอมหรอก”

“ทำไมล่ะ คุณเป็นลูกสาวของเขาไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ แต่เพราะว่าเมื่อตอนที่ฉันยังวัยรุ่น……เคยแตะที่สิ่งไม่ควรแตะต้องมาก่อน ในตอนนั้น พ่อของฉันพูดกับฉันแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันไม่มีสิทธิ์รับช่วงต่อ”

ทันใดเธอฟุบลงที่โต๊ะกาแฟ เธอไม่เคยมีน้ำเสียงหมดสิ้นแบบนี้มาก่อน ทำใจยากมากที่จะพูดความลับนี้ออกมา

เส้นหมี่นิ่งไป

สิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง?

เธอไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน นั่นคืออะไร? ถึงทำให้ตาแก่ลงโทษเธอหนักขนาดนี้?

ความอยากรู้ของเส้นหมี่บังเกิดขึ้นมา เธอถามออกไปอย่างระมัดระวัง :“งั้น……คือเรื่องอะไรเหรอ พูดให้ฉันฟังได้หรือเปล่า”

“……”

เกือบแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลหิรัญชาที่อารมณ์ร้าย เกือบจะตะโกนด่าออกมา