บทที่ 491 ถูกจับเรียกค่าไถ่

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 491 ถูกจับเรียกค่าไถ่
พูดอะไรล่ะ?

ฉันกับคุณสนิทกันมากเหรอ?

แต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอก็ยอมเปิดปากออกมาจริงๆ:“ตอนยังสาวไม่ค่อยรู้ความ ถูกคนรู้จักพาไปเสพ……เสพยาเสพติด หลังจากนั้นถึงได้พบว่าเป็นการวางยาตระกูลหิรัญชาของพวกเรา……”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

เส้นหมี่อ้าปากหวอ นิ่งค้างไปอยู่หลายวินาที ถึงปรับตัวกับเรื่องที่คิดไม่ถึงมาก่อนได้

เรื่องราวพูดมาขนาดนี้แล้ว ความจริงคงไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ก็พอจะรู้ว่าตอนนั้นเรื่องนี้นั้นหนักหนามาก

ลูกสาวตระกูลร่ำรวยผู้สูงศักดิ์ สุดท้ายถูกคนหลอกให้ไปเสพของพวกนั้น นี่บ่งบอกถึงอะไร? ก็คือบ่งบอกถึงคนเหล่านั้นต้องการวางยาตระกูลของเธอ ไม่ใช่ตัวเธอ?

แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ยังถูกหลอกจนได้

สุดท้ายท้ายสุดแล้วเส้นหมี่ ได้แต่แสดงแววตาเข้าอกเข้าใจออกมา

แต่ว่า จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว การลงโทษในตอนนั้น ไม่มีขอบเขตเวลาหรืออย่างไร? คนอื่นเข้าคุก ยังมีเวลาพ้นโทษเลย

แล้วเธอทำไมถึงไม่มีล่ะ?

เส้นหมี่ตัดสินใจเลือกที่จะเสี่ยง:“นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะพูดอย่างนั้น ตอนนี้เป็นเส้นอยู่เส้นตายของตระกูลหิรัญชาของพวกคุณ คุณพ่อของคุณคงไม่ว่าอะไรคุณหรอก”

“……”

“อีกทั้งตอนที่คุณพ่อของคุณให้สองสิ่งนี้กับฉันมา หุ้น20%นี้ ยกให้น้องชายของคุณ ถึงแม้ว่าตอนนี้น้องชายของคุณไม่ต้องการแล้ว คุณก็รับไว้แทนเขา นั่นเป็นเรื่องที่ควรทำ ก็คือว่าช่วยดูแลไปก่อน คุณว่าใช่หรือไม่?”

เส้นหมี่อธิบายอย่างเป็นลำดับเพื่อดึงดูดความสนใจ แน่นอนว่าเพื่อให้หญิงสาวนั้นตอบตกลง

เธอยินยอมมอบ20%นี้ให้กับหญิงสาวจริงๆ แต่ไม่ยอมมอบให้คนจิตใจโหดเหี้ยมอย่างคณาธิป

โชคดีที่หลังจากประโยคสุดท้ายพูดจบลง หญิงสาวคนนี้เกิดสนใจขึ้นมา

“ช่วยดูแลเหรอ”

“ใช่ ช่วยหลานชายหลานสาวทั้งสามคนดูแล คุณคิดดูนะ น้องชายคุณตอนนี้ไม่มีงานทำ ต่างเป็นฉันคนเดียวที่หาเงิน หลังจากนี้ไปมัลดีฟส์แล้ว การเงินในบ้านต้องรัดตัวมากแน่ ถึงเวลานั้นคุณป้าอย่างคุณ ก็คงต้องยื่นมือเข้ามาช่วยหน่อยใช่ไหมล่ะ”

“……”

สุดยอด คำพูดนี้

ในที่สุดแสงดาวก็ตกลงตอบรับแล้ว

ในตอนนี้ ทั้งสองจึงหยิบสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้ออกจากร้านกาแฟไป เตรียมตัวที่จะไปจัดการธุระ

แต่ทั้งสองต่างนึกไม่ถึง เมื่อพวกเธอมาถึงลานจอดรถ ทันใดนั้น มีคนมีกีดขวางพวกเธอเอาไว้

“คุณเส้นหมี่ คุณแสงดาว พวกคุณทั้งสองท่านดูอารมณ์ดีจริงๆ ดื่มกาแฟเสร็จแล้วเหรอครับ แล้วจะไปไหนกัน”

ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ผมถูกหวีอย่างประณีต เขาดูเหมือนปีศาจยังไงอย่างนั้น หลังจากที่เห็นทั้งสองมาถึงที่ลาน จอดรถ ก็ดักหน้าทั้งสองเอาไว้

เส้นหมี่ที่ในมือถือของสองสิ่งนั้นไว้ ตอนนี้ เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว

แต่แสงดาวที่อาจหาญโดยกำเนิด ถามคนที่มาดักหน้าออกไปทันที:“คุณเป็นใคร ถึงได้กล้ามาขวางทางพวกเรา”

“ไม่กล้าไม่กล้า เพียงแค่อยากจะเชิญทั้งสองท่านไปนั่งที่ร้านน้ำชาด้านนอก ไม่รู้ว่าจะสนใจหรือเปล่า”

“ไปไกลๆ!”

แสงดาวที่แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต:“ถ้าไม่อยากให้ฉันฆ่าคุณตาย รีบหลีกไปให้ไกลๆไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้”

คุณหนูใหญ่ตระกูลหิรัญชา รัศมีนั้นไม่ธรรมดา

ในที่สุดชายหนุ่มวัยกลางคนก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา :“ดูเหมือนว่าคุณแสงดาวจะไม่ยินยอม งั้นเอางี้ ผมจะช่วยคุณก็แล้วกัน”

หลังจากนั้นเขาโบกมือสองที ทันใดนั้น ในลาดจอดรถก็มีคนชุดดำปรากฏตัวขึ้นอีกหลายคน

เส้นหมี่ได้เห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไป:“คุณเป็นใครกันแน่ คุณคิดจะทำอะไร คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราเป็นใคร”

เธอถามอย่างสงสัย

แต่คิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มวัยกลางคนคนนี้ไม่ได้เกรงกลัวสักนิด แต่เขากลับยิ้มออกมา

“แน่นอน แล้วคุณเส้นหมี่รู้ว่าผู้น้อยคือใครหรือเปล่า ดี งั้นผู้น้อยจะแนะนำตัวให้พวกคุณรู้จัก ผมชื่อนากาจิมะ เป็นผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธานคณาธิปแห่งหิรัญชากรุ๊ป”

“!!!!”

นากาจิมะ?

เป็นคนญี่ปุ่นงั้นเหรอ!

กิริยาท่าทางของเส้นหมี่เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอไม่สนใจอะไรแล้ว จับหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าไว้แน่นแล้วตะโกนออกมา:“รีบวิ่ง เขามาจับตัวพวกเรา”

หลังจากนั้นหญิงสาวทั้งสองจึงก้าวเท้าวิ่งตรงไปทางด้านหลัง

ว่าแต่ นากาจิมะมาดักพวกเธออยู่ที่นี่ได้ นั่นเพราะว่าได้เตรียมการเอาไว้แล้ว

ยังวิ่งได้ไม่ทันถึงห้าสิบเมตร เส้นหมี่ก็เห็นคนชุดดำปรากฏตัวอยู่ตรงด้านหน้า

แต่ครั้งนี้ยิ่งน่ากลัว ในมือของพวกเขาถือท่อนไม้เอาไว้ด้วย!

“แสงดาว คุณถือเอาของสิ่งนั้นแล้วรีบวิ่งออกไป คุณมีความสามารถในการต่อสู้บ้าง มือเท้าค่อนข้างเร็ว สามารถหนีไปได้”

เส้นหมี่ความหวังริบหรี่ หลังจากนั้นรีบเอาสิ่งของนั้นยัดให้หญิงสาวด้านข้าง แล้วผลักเธอออกไปอย่างแรง

แสงดาว:“……”

เธอต้องวิ่ง มีหวังว่าจะหนีไปได้

แต่ว่า เธอจะทิ้งหญิงสาวคนนี้เอาไว้ที่นี่อย่างไม่สนใจอย่างนั้นเหรอ?

ในสมองของแสงดาวนึกออกโดยเร็วภาพหญิงสาวในตอนนั้นตอนที่เธอนั่งอยู่บนวีลแชร์ แล้วยังตาบอดทั้งสองข้าง……

“คุณบ้าหรือเปล่า ถ้าคุณถูกฆ่าตาย คุณคิดว่าแสนรักจะปล่อยฉันไว้งั้นเหรอ”

หลังจากนั้นหญิงสาวคนนี้ก็หันมาดึงเส้นหมี่เอาไว้:“มาสิ พวกนอกคอก ถ้าฉันกลัวพวกคุณ ฉันก็ไม่ใช่หิรัญชาแล้ว ไอ้หมานอกคอก!!”

ตะโกนออกมาจนเสียงแหบแห้ง ลานจอดรถทั้งลานต่างได้ยิน

——

ตอนเย็นแสนรักเห็นปอร์เช่กลับมา แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเส้นหมี่ จึงรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแน่

“พี่สาวคุณล่ะ”

“วันนี้เธอไม่ได้เข้าไปที่บริษัทนะ ไม่ได้อยู่ที่บ้านเหรอ”ปอร์เช่ถามกลับมา

แสนรักสีหน้าเปลี่ยนไป

เขานึกถึงข้อความที่ได้รับจากวีแชทเมื่อเช้านี้ โมโห กังวล หวาดหวั่น……

ทันใดก็แล่นเข้ามาในหัว ทำให้เขาเกือบจะพังโต๊ะอันนั้นเกือบทั้งอัน

เธอทำไมถึงไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย?