เฉวียนหมิงตกทะเล

 

 

“บอกว่ากินเสร็จจะออกไปดูดาวไม่ใช่เหรอ งั้นก็กินเลยเถอะ” เห็นเฉวียนหมิงมองเธออย่างทึ่มๆ อีลั่วเสวี่ยจึงเอ่ยปาก เธอไม่ชินกับการที่มีคนคอยจ้องขณะกินอาหาร แถมแววตานี้ยังร้อนแรงเป็นพิเศษด้วย

 

 

“อืมๆ” เฉวียนหมิงหยิบตะเกียบ แต่ก็ยังอดเหลือบมองอีลั่วเสวี่ยไม่ได้ เดิมตั้งใจจะใช้ส้อม แต่รู้สึกว่าตะเกียบจะสะดวกกว่า

 

 

อีลั่วเสวี่ยคีบสปาเกตตีที่ดูไม่น่ากินนักขึ้นมาชิมคำหนึ่ง เคี้ยวเล็กน้อยแล้วกลืนลงไป แม้จะไม่อร่อยเท่าที่เชฟมีชื่อทำ แต่รสชาติก็นับว่าใช้ได้ เพียงแต่รสชาติของเครื่องปรุงต่างๆ อ่อนไปหน่อย

 

 

“เป็นไงบ้าง” เฉวียนหมิงมองดูด้วยความกระวนกระวาย เขายังไม่ได้ขยับตะเกียบของตัวเอง ตอนที่ทำเสร็จเขาชิมแล้ว ไม่ถึงกับกลืนไม่ลง และไม่ได้เข้าใจผิด ใส่น้ำตาลเพราะคิดว่าเป็นเกลือ

 

 

“อร่อยมาก ไม่เชื่อคุณลองกินดูสิ” อีลั่วเสวี่ยว่าพลางคีบกินต่อ ในที่สุดก็ค่อยวางใจลงได้ เฉวียนหมิงจึงเริ่มลงมือกิน

 

 

สุดท้ายบนโต๊ะก็เหลือแต่จานเปล่า ถือว่ามื้อนี้ของทั้งสองลงเอยด้วยดี

 

 

“คุณพักเถอะ ผมเก็บเอง” เฉวียนหมิงพูดหลังจากเช็ดมุมปากที่เผอิญเลอะคราบน้ำมัน เขาเก็บจานไปวางไว้ในครัว

 

 

“เป็นไงบ้าง” เฉวียนหมิงเดินออกจากครัวมานั่งบนโซฟากับอีลั่วเสวี่ย เขาอดถามเรื่องที่ค้างคาใจไม่ได้

 

 

ดูเหมือนจะต้องให้คะแนนฝีมือทำอาหารของเขาด้วย

 

 

หมอนี่ไม่เห็นเหรอว่าฉันกินจนเกลี้ยง “อร่อยดีค่ะ แต่ต้มเส้นสุกไปหน่อย คุณคงไม่ได้เข้าครัวบ่อย”

 

 

ไม่ได้เข้าครัวบ่อย? วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าครัวทำอาหารต่างหาก สามารถทำออกมาเป็นรูปเป็นร่างไม่ดูน่าเกลียด ก็นับว่ามีพรสวรรค์แล้ว

 

 

“อาเสวี่ย ถ้าคุณชอบ ต่อไปผมจะทำให้กินเอง” นี่เป็นคำมั่นสัญญาของเฉวียนหมิง นับจากนี้ท่านประธานผู้สูงส่งก็ได้เรียนรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นอีกอย่าง นั่นคือการทำอาหารอร่อย

 

 

ดวงตาอีลั่วเสวี่ยเป็นประกาย จากนั้นก็ตอบไปส่งเดช “เราออกไปเดินข้างนอกกันเถอะ” กินข้าวแล้วก็ต้องออกไปเดินย่อยสักหน่อย พูดพลางเดินตรงไปข้างนอก เธอก็ไม่รู้หรอกว่าเวลาเดตกันต้องทำอะไรบ้าง

 

 

สถานการณ์ระหว่างเธอกับเฉวียนหมิงไม่เหมือนกับที่เห็นในละครโทรทัศน์ ดังนั้นก็ต้องค่อยๆ คลำทางไป การเดตกันเริ่มต้นจากการพูดคุย เดินเล่น และกินข้าวด้วยกัน

 

 

“รอผมเดี๋ยว” เฉวียนหมิงตะโกนเรียกให้อีลั่วเสวี่ยหยุดรอ แล้วไปหยิบเสื้อโค้ตของเธอและของเขาในห้อง

 

 

“ชายทะเลลมแรง ระวังเป็นหวัด” จากนั้นก็คลุมเสื้อโค้ตให้อีลั่วเสวี่ยอย่างระมัดระวัง นี่ไม่ใช่แค่เอาใจใส่เธอ ตัวเขาเองก็ต้องคอยระวังเช่นกัน

 

 

จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากคฤหาสน์ มาถึงบริเวณโขดหินสูงที่เห็นวันนี้ บริเวณนี้โล่งกว้าง เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับดูทะเล และดูดาว

 

 

“มา ดื่มหน่อยไหม” เฉวียนหมิงหยิบแชมเปญขวดเล็กออกมาสองขวดราวกับเล่นกล เปิดขวดหนึ่งยื่นให้อีลั่วเสวี่ย กลางคืนยังมีไอเย็น ดื่มเหล้าสักหน่อยจะทำให้รู้สึกอุ่นขึ้น

 

 

อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้ว รับแชมเปญไปดื่มอึกใหญ่ทันที “ชมวิวจะขาดเหล้าได้ยังไง”

 

 

“คุณพูดถูก” เฉวียนหมิงยกขวดแชมเปญชนกับเธอ แล้วนั่งลงข้างๆ สองคนแหงนมองดวงดาว

 

 

ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ริมโขดหิน ไม่ต้องแหงนหน้ามากเกินไปก็มองเห็นดาวเต็มฟ้า วันนี้แม้จะไม่ใช่คืนวันเพ็ญแต่ก็สว่างมาก ถึงไฟถนนจะอยู่ห่างจากพวกเขามาก แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น

 

 

แชมเปญสองขวดหมดไปอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปไม่น้อยแล้ว ขณะที่เฉวียนหมิงกำลังจะชวนเธอกลับไปพักผ่อน ก็เหลือบเห็นหัวสีดำมะเมื่อมโผล่ขึ้นมา ว่ายอย่างรวดเร็วตรงเข้ามาหาอีลั่วเสวี่ย

 

 

“งู อาเสวี่ยระวัง!” เฉวียนหมิงลุกขึ้นทันที ยืนขวางข้างหน้าอีลั่วเสวี่ยเตรียมไล่งูตัวนั้น แม้แสงทางด้านนี้จะพอมองเห็น แต่ก็ไม่ได้สว่างมากนัก ไม่รู้ว่างูมีพิษหรือเปล่า