การสูญเสียสัตว์นำทางในเมืองใหญ่ชูฮันจึงจำเป็นต้องพึ่งตัวเองเพื่อตามล่าหาลูกผสมที่เหลืออยู่ แม้ว่าจะยังไม่รู้แน่ชัดว่ามีลูกผสมที่มู๋เย๋ส่งมาในครั้งนี้ทั้งหมดกี่ตัว และก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนการหรือกับดักอะไรวางไว้บ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีหายนะอะไรบ้างรอเขาอยู่ภายในตัวเมืองหนานตู้
ทว่าตั้งแต่ที่เผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์ปีศาจชูฮันก็ได้เปิดโหมดการระวังตัวสูงสุดเอาไว้
การกลายพันธุ์มาเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจได้รวมถึงการถูกสั่งการ แสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดา ชี้ให้เห็นว่าจะต้องมีเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เหนือกว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับลูกผสม!
แค่การพูดคุยไม่กี่ประโยคชูฮันก็สามารถค้นข้อมูลจากปากเผ่าพันธุ์ปีศาจมาได้ สถานะและอำนาจของมู๋เย๋ในตอนนี้ยังไม่ได้เป็นที่รู้กันทั่วทั้งจีน แม้ว่ามู๋เย๋จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีทางที่มู๋เย๋จะทำลายทุกค่ายทั่วทั้งจีน
ดังนั้นมู๋เย๋จึงต้องมีอะไรที่เหนือกว่าบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปเงียบๆโดยไม่มีใครรับรู้และเตรียมตัวตั้งรับมาก่อน!
การบีบและกดดันชูฮันทุกทางที่เผ่าพันธุ์ปีศาจบอกนั่นทำให้ชูฮันคิดหนักด้วยความเข้าใจที่ชูฮันมีต่อมู๋เย๋ อีกฝ่ายไม่น่าจะแค่ต้องการทำให้ชีวิตของเขายุ่งยากแค่อย่างเดียว
นี่คือราชาลูกผสมความทะเยอทะยานของมู๋เย๋นั่นเป็นสิ่งที่เกินจินตนาการ ทั้งในชาติที่แล้วและในชาตินี้!
การปิดล้อมและบีบทุกทางของมู๋เย๋…ในความเข้าใจของชูฮันนั่นก็คือทุกคน ทุกกองกำลัง ทุกค่าย ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมด…
ต้องถูกทำลาย
——————–
ในใจกลางเมืองหยินแห่งลูกผสมเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆทำการลงจอดช้าๆท่ามกลางวงล้อมเหล่าลูกผสมที่ยืนรออยู่ ชุดคลุมสีดำสนิททั้งตัวปกปิดผิวหนังจนมิดชิด นัยน์ตาสีแดงเลือดของพวกมันจับจ้องภาพเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังลงจอดเงียบๆ
และทันทีที่ลงจอดสนิทลูกผสมสองตัวแรกที่อยู่ในชุดคลุมสีดำก็ลงมาทันทีพร้อมกับมนุษย์ที่ถูกจับมาด้วย มือขาดหายไป ซึ่งคนคนนี้ก็คือ…เหย่จือโปนั่นเอง!
สภาพของเหย่จือโปในตอนนี้นั่นดูไม่จืดเลยเสื้อผ้ายับย่นมอมแมม ไม่เหลือสภาพเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ให้เห็นเลย หน้าตาสิ้นหวัง
แววตาที่มีแต่ความหวาดกลัวขณะจ้องมองภาพกลุ่มลูกผสมจำนวนมากตรงหน้าที่ล้อมเขาเอาไว้ และยิ่งอับอายเมื่อนึกภาพของตัวเองในการมาเยือนเมืองหยินอย่างสง่างามครั้งล่าสุด
ผู้แทนของตระกูลลึกลับในตอนนั้นเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นและแสนจะเย่อหยิ่ง!
และเพียงแค่ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นสถานการณ์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาจ้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระดับสูงเพื่อไปจัดการชูฮันที่ถนัดข้างซ้าย เขาคัดเลือกนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดและวางแผนกลยุทธ์ทุกอย่างมาเป็นอย่างดีเพื่อไปฆ่าชูฮัน
แต่ผลลัพธ์ก็ยังกลายเป็นความล้มเหลว!
ทำไมทำไมเขาถึงฆ่าไอ้ชูฮันไม่ได้!
เหย่จือโปที่รู้สึกได้ว่าชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตรายก็เริ่มวางแผนที่จะหนีเพราะเขารู้ดีว่าความโกรธแค้นของตระกูลลึกลับจะไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ จากการพยายามที่จะฆ่าชูฮันล้มเหลวซ้ำไปซ้ำมาและครั้งนี้ป่ายยูจะต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่
เหย่จือโปที่กล้าจะหนีการตามล่าของตระกูลป่ายท่ามกลางการหลบหนีอย่างลับๆ แต่แล้วโดยไม่คาดคิด เขากลับถูกลูกผสมสองตัวจับได้ แน่นอนว่าเหย่จือโปไม่ได้โง่ขนาดจะคิดว่านี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญทว่ายิ่งคิดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกลัวขึ้นมากเท่านั้น
ทำไมมู๋เย๋ถึงรู้ที่อยู่เขาได้?ทำไมมู๋เย๋ถึงกล้าจะที่จับตัวเขามาตรงๆ? ทำไมตระกูลป่ายถึงไม่ขัดขวางหรือไม่ลงมือทำอะไรเลย?
”มู๋เย๋มู๋เย๋อยู่ไหน?” เหย่จือโปที่ถูกความกลัวครอบงำตัวสั่นเหมือนลูกนก ไอลีนโนเวล
และตอนนี้เหย่จือโปก็ถูกลูกผสมจับตัวและพามายังห้องโถงหรูหราที่ซึ่งเหย่จือโปได้เจอกับมู๋เย๋เมื่อครั้งก่อน แต่ตอนนี้มันไม่มีร่างของมู๋เย๋ให้เห็น และสายตามากมายของกลุ่มลูกผสมที่มองมาก็ยิ่งทำให้เหย่จือโปขวัญผวาเข้าไปอีก ตัวเขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับปลาที่ถูกจับไว้ในตู้ รอเวลาถูกจับไปผ่ากิน
”เพี้ยะ!”ทันใดนั้นลูกผสมตัวที่จับเหย่จือโปเอาไว้ก็สะบัดมือออกแล้วพุ่งเข้ามาตบเหย่จือโปเต็มหน้า “อย่าเรียกชื่อท่านมู๋เย๋ห้วนๆแบบนี้”
เหย่จือโปหน้าชามีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ในปากของเขา สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนกับครั้งที่แล้วแต่เพราะมีมู๋เย๋อยู่ด้วย เหย่จือโปจึงมีชีวิตรอด
มู๋เย๋แกอยากจะรู้อะไร? แกต้องการอะไร?
ขณะที่บรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆจู่ๆมันก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นทางบันได ตามมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกของมู๋เย๋ “อย่าแตะต้องเขา เหย่จือโปเคยเป็นหุ้นส่วนของฉัน”
มู๋เย๋ชัดเจนมากกับว่า‘เคย’
”ครับท่านหัวหน้า” ลูกผสมที่ตบเหย่จือโปตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยความเคารพยำเกรง จากนั้นก็ปล่อยมือที่จับเหย่จือโปออก และถอยออกไปยืนเงียบๆห่างออกไปสามเมตร
เหย่จือโปได้อิสระจากการถูกจับกุมนั่นเต็มไปด้วยความสับสนอารมณ์มากมายตีกันวุ่นในหัวไปหมด และหมุนตัวไปมองตามมู๋เย๋ที่พึ่งเดินมาถึงห้องโถง มู๋เย๋ที่อยู่ในชุดสง่างามผิวหนังมนุษย์ รูปลักษณ์ทุกอย่างที่เหมือนมนุษย์ทั้งหมด ยกเว้นเพียงแค่นัยน์ตาสีแดงเลือด แถมยังมีถุงมือที่ปกปิดผิวหนังที่แท้จริง ทั้งๆที่ในเวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดมันด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นเหย่จือโปก็ขนลุกฮือขึ้นมาทันทีความตื่นตระหนกพุ่งขึ้นรุนแรง ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นมู๋เย๋ อีกฝ่ายยังมีร่อยรอยของลูกผสมให้เห็นอยู่ แต่ตอนนี้…
มู๋เย๋เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว!
เหงื่อเย็นๆเริ่มซึมขึ้นมาตามกรอบหน้าเหย่จือโปเขาเค้นพลังตัวเองออกมาและเปิดปากขึ้นพูด “คุณ ในที่สุด คุณก็…”
คำพูดที่เหลือติดอยู่ในลำคอของเหย่จือโปเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงต่อ การเผชิญหน้ากับมู๋เย๋มันเหมือนกับมดเจอกับยักษ์
มู๋เย๋ไม่สนใจเหย่จือโปเลยเขานั่งลงในเก้าอี้ตำแหน่งของเขา “คุณคงประหลาดใจมากที่ฉันจับคุณได้ แล้วคิดว่าตระกูลป่ายจะไม่โกรธเลย?” ”เฮือก!”
ผลกระทบเหมือนกับมีภูเขาไฟระเบิดอยู่กลางอกเหย่จือโป
ที่มู๋เย๋พึ่งพูด…ตระกูลป่าย?
มันรู้ได้ยังไง?!
สีหน้าของเหย่จือโปแสดงออกถึงทุกอย่างชัดเจนตัวสั่นเทิ้มจนแทบจะเป็นลมอยู่ร่อมร่อ
อีกฝากหนึ่งมู๋เย๋ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ ท่าทางของเขามีความสง่าผ่าเผย และยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงก้องกังวาล “ต้องขอโทษที่พาตัวคุณมาแต่ฉันมาสายซะเอง เพราะฉันพึ่งเสร็จจากการเข้าพบกับตระกูลป่ายนะ”
ราวกับถูกคลื่นสึนามิซัดเข้าใส่เหย่จือโปกระอักจนพูดอะไรไม่ออก
มู๋เย๋สมควรที่จะเป็นลูกมือที่เขาใช้เพื่อจัดการกับชูฮันเป็นไปไม่ได้เลยที่มู๋เย๋จะมีช่องทางในการติดต่อกับตระกูลลึกลับ แม้ว่าเหย่จือโปจะหวาดกลัวลูกผสม แต่เหย่จือโปก็ยังคงมีความรังเกียจและดูถูกลูกผสมอยู่ข้างใน
ทว่าตอนนี้ที่มู๋เย๋บอกกับเขาว่าตระกูลป่ายได้เดินทางมาที่นี้เพื่อเจอมู๋เย๋ด้วยตัวเอง และยังติดต่อกับมู๋เย๋เองตรงๆอีก?
ดังนั้นเรื่องของเขาก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป?
มู๋เย๋ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้สร้างผลกระทบมากมายให้กับเหย่จือโปขนาดไหนเพราะคำพูดของเขาบนหน้ายังคงมีรอยยิ้มอยู่ “แกน่าจะถูกฆ่าทิ้งซะ แต่ในเมื่อฉันขอตระกูลป่ายให้ให้โอกาสกับแกอีกครั้ง ดังนั้นจงเป็นหมารับใช้ข้างตัวฉันซะ รับใช้ผู้มีพระคุณของแก แกควรจะขอบคุณฉันไม่ใช่หรือไง?”