ตอนที่ 501 หางาน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 501

หางาน

เจ้าจะหางานเป็นนักดนตรีงั้นหรือ”หลังจากกลับมาจากอาณาจักรชิน ไป๋จูล่งก็บอกเรื่องจะใช้ขลุ่ยไปลองหางานดูกับชางซีทันที แต่พอได้ยินนางกลับทำสีหน้าลำบากใจออกมาเสียอย่างนั้น

“ขอรับ ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าข้าเป่าเก่งแล้วหรือขอรับ”จูล่งถามพลางเอียงคอสงสัย เหตุใดชางซีถึงมีท่าทีไม่เห็นด้วยเอาเสียเลย

“แน่นอน เจ้าเป่าได้เก่งมาก แต่จูล่งเจ้ารู้หรือไม่ว่าการเล่นดนตรีไม่ใช่การเล่นให้ถูกต้องหรือแม่นยำเท่านั้น แต่จะต้องสื่ออารมณ์ออกมาด้วย”ชางซีว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ทันทีที่สอนการเป่าขลุ่ยให้จูล่ง มันก็แทบจะเป่าได้ทันที แถมไม่ว่าจะได้ยินเพลงอะไรก็เป่าตามได้หมด เพียงแต่จูล่งไม่อาจใส่อารมณ์เข้าไปในเสียงเพลงได้เลย เหมือนไป๋จูเหวินที่จำท่ากระบี่ได้แต่ไม่มีจิตกระบี่ทำให้กระบวนท่าแข็งทื่อไม่อาจเทียบเท่าเหม่ยหลินหรืออู๋หมิงได้

“แต่เรื่องอารมณ์นั่น ข้าไม่เข้าใจนี่ขอรับ”จูล่งตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ น่าเสียดายหัวใจสำคัญของวงดนตรีคือการสื่ออารมณ์ออกมาร่วมกัน หากดนตรีไม่ได้บอกอะไรสักอย่างก็คงไม่นับเป็นดนตรี นั่นคือสิ่งที่ชางซีคิดและทำให้นางร้องเพลงได้อย่างตราตรึงใจมาตลอดนั่นเอง

“น่าเสียดาย แต่เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วย”ชางซีส่ายหน้าช้าๆด้วยท่าทีเห็นใจ จูล่งเองก็เหมือนจะอยากลองเล่นดนตรี แต่ถึงจะเป็นอัจฉริยะตระกูลไป๋ แต่ตัวมันก็มีหลายอย่างที่ไม่อาจทำได้ และดนตรีก็เป็นหนึ่งในนั้น

“งั้น ข้าจะลองหางานอื่นทำดูขอรับ”ไป๋จูล่งตอบด้วยท่าทีไม่คิดมาก ใจความหลักของมันคือการหาเงินด้วยตนเองเท่านั้น เรื่องจะหาด้วยวิธีไหนตัวมันไม่ได้ใส่ใจมากขนาดนั้น เพียงแค่การเปล่าขลุ่ยเป็นสิ่งที่มันสนใจในตอนนี้เท่านั้นเอง

“เช่นนั้นพรุ่งนี้เราเข้าไปในเมืองแล้วหางานกันดีหรือไม่”หลี่เย่ถามพลางยิ้มออกมา จูล่งมีความสามารถอื่นตั้งมากมาย มีหรือที่มันจะหางานไม่ได้เลย

“ขอรับ”จูล่งยิ้มกว้างพลางมองพี่สาวทั้ง 4 ที่อยู่ข้างๆมัน

.

.

“เอ่อ….เจ้า…ท่านมาสมัครงานจริงๆหรือขอรับ”เจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเขตอาณาจักรอู๋ถามออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ

“ขอรับ ข้ามาสมัครงานตามที่ท่านเขียนประกาศเอาไว้หน้าร้านขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีร่าเริง

“แต่….งานที่รับเป็นงานเด็กล้างจานนะขอรับ เกรงว่า….”เจ้าของร้านพูดพลางมองไปทางไป๋จูล่ง นี่มันเรื่องอะไรกัน เจ้าหนูนี่เป็นใคร แต่งตัวราวกับคุณชาย พกผู้ติดตามเป็นสาวงามมาร่วม 4 คน ยังมีหน้ามายิ้มแย้มบอกจะสมัครงานเป็นคนล้างจานอีกงั้นหรือ แบบนี้มันจงใจมาก่อกวนกันชัดๆ

“ขอรับ”จูล่งที่ตั้งใจมาสมัครงานจริงๆพูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีจริงใจ แต่น่าเสียดายองค์ประกอบรอบข้างของมันช่างน่าสงสัยเหลือเกิน

“เจ้าคิดว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ พวกเรารับสมัครกันจริงจังนะ หากมีเวลาว่างก็ไปเล่นที่อื่นเถอะ”เจ้าของร้านว่าพลางลุกขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมือนการมาแกล้งกันเสียมากกว่า คุณชายอย่างมันเนี่ยนะจะมาทำงานล้างจาน ต่อให้เงินเดือนตลอด 5 ปีของเด็กล้างจานยังซื้อเสื้อผ้าของมันไม่ได้เสียด้วยซ้ำกระมัง

“อะไรกัน นี่ร้านที่ 7 แล้วนะ”ต้าหวานถามด้วยท่าทีประหลาดใจ จูล่งเลือกไปสมัครร้านที่มีความต้องการค่อนข้างต่ำ ปกติน่าจะรับเข้าทำงานได้ไม่ยากนี่นา ทำไมถึงโดนไล่ออกมาทุกทีเลย

“นั่นสิ ข้าว่างานนี้ไม่น่าจะใช้คนมีความสามารถมากนะ”ต้าเฉียนตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ พวกนางทั้งสองเป็นบุตรสาวเจ้าสำนักไม่เคยสมัครงานมาก่อนเลยไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมพวกเจ้าของร้านที่ผ่านๆมาถึงไม่รับจูล่งเข้าทำงาน

“นี่พวกเจ้าไม่รู้จริงๆงั้นหรือ”ชางซีถามพลางถอนหายใจออกมา ท่าทางพวกคุณหนูทั้ง 3 นอกจากนางกับหลี่เย่จะไม่เคยออกมาสมัครงานแบบนี้เลย

“เจ้ารู้หรือชางซี”ต้าหวานถามพลางเลิกคิ้วอย่างสงสัย นี่นางไม่รู้จริงๆสินะ

“ที่ร้านพวกนั้นไม่รับเพราะเข้าใจผิดว่าจูล่งมาป่วนนะสิ ไม่มีใครที่ไหนพกผู้ติดตามมาสมัครงานอย่างเด็กล้างจานหรอกนะ”หลี่เย่ตอบพลางหัวเราะออกมา ช่วยไม่ได้นี่นาเห็นจูล่งเดินเข้าไปสมัครงานทั้งๆที่พกผู้ติดตามมาด้วยแล้วนางอดขำไม่ได้จริงๆ

“เจ้าจะบอกว่าพวกเราควรปล่อยน้องจูล่งไปสมัครงานคนเดียวงั้นหรือ”ต้าเฉียนถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย

“ใช่แล้ว พวกเจ้าไม่ควรตามไปด้วย”ชางซีตอบพลางพยักหน้าช้าๆ ลำพังจูล่งสวมชุดราคาแพงก็นับว่าดูแปลกแล้วสำหรับพวกกำลังหางาน หากยังพาผู้ติดตามไปด้วยก็มีแต่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง

“งั้น ให้ข้าเข้าไปสมัครคนเดียวสินะขอรับ”จูล่งพูดพลางเดินหาร้านต่อไปที่เปิดรับสมัครงานต่อ เพียงแต่การหางานคราวนี้โดนท่านพ่อกำชับมาว่าห้ามรับงานเกี่ยวกับการคุ้มกันหรืองานล่าอสูรหรือล่าค่าหัวเด็ดขาด

“ว่าแต่เจ้าคิดว่าน้องจูล่งจะหางานได้หรือเปล่า”หลี่เย่ถามพลางเดินตามจูล่งไปห่างๆ

“น่าจะหาได้ไม่ยากหรอก น้องจูล่งมีความสามารถหลายอย่าง ถ้าไม่โดนเข้าใจผิดแบบตอนแรกก็คงได้งานไปแล้วด้วยซ้ำ”ชางซีตอบพลางมองจูล่งที่กำลังยืนอ่านใบประกาศอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง

“เป็นร้านที่ใหญ่ดีนะสำหรับเมืองเล็กๆแบบนี้”ต้าหวานพูดพลางมองร้านที่จูล่งกำลังยืนอ่านป้ายประกาศอยู่

“………”แต่ทางด้านชางซีและหลี่เย่ที่อยู่ด้านหลังพอเห็นชัดตาว่าจูล่งกำลังยืนอยู่หน้าร้านอะไรก็พลันสะดุ้งวาบทันที

“หนุ่มน้อย เจ้ามาสมัครงานงั้นหรือ”หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากร้านที่จูล่งกำลังยืนอ่านประกาศรับสมัครอยู่ โดยเนื้อหาการรับสมัครก็เหมือนกับร้านอื่นๆ โดยตำแหน่งที่ต้องการคือเด็กทำความสะอาด แถมเงินเดือนที่ระบุเอาไว้ยังมากกว่า 7 ร้านก่อนหน้านี้เสียอีก

“ขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มรับเช่นเดิม หญิงสาวตรงหน้ามันเป็นสาวสวยสวมเสื้อผ้าที่เหมือนจะเป็นชุดนอนแต่ก็ดูบางเบาและน่าดึงดูดไม่น้อยเลย

“ตายแล้ว พี่สาวรับเด็กคนนี้เอาไว้เถอะเจ้าค่ะ หน้าตาน่ารักแบบนี้คงทำให้พวกเราผ่อนคลายได้ไม่น้อยเลย”หญิงสาวอีกคนที่อยู่ภายในตัวร้านพูดพลางมองจูล่งผ่านประตูออกมา

“ไหนๆ เด็กจะมาสมัครงานงั้นหรือ”หญิงสาวอีกคนมองลงมาจากหน้าต่างพลางขยิบตาให้จูล่งเล็กน้อย

“น้องจูล่ง เจ้ามากับข้า”หลี่เย่เป็นคนแรกที่เดินเข้าไปหาจูล่งก่อนจะดึงแขนจูล่งให้ตามตนเองออกมาทันที

“มีอะไรหรือขอรับ”จูล่งถามพลางเอียงคอสงสัย อยู่ๆหลี่เย่ก็ลากมันออกมาเสียอย่างนั้น จูล่งเห็นว่าพวกพี่สาวในร้านมีท่าทีต้อนรับดีไม่น้อย บางทีมันอาจจะสมัครงานที่ร้านนั้นผ่านก็ได้นะ

“เจ้าห้ามเข้าไปทำงานที่นั่นเด็ดขาด”หลี่เย่ท้วงพลางยื่นมือมาหยิกแก้มจูล่งเต็มแรง แม้นางจะเข้าใจดีว่าจูล่งไม่ทราบหรอกว่าที่นั่นคือหอนางโลม แต่เล่นเดินหน้าซื่อเข้าไปขอสมัครงานแบบนั้นไม่ดีเอาเสียเลย

“ทำไมหรือขอรับ”จูล่งถามพลางกะพริบตาปริบๆ มันไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่เย่ถึงไม่อยากให้มันสมัครงานที่นั่นนัก

“เรื่องนั้น…”หลี่เย่หน้าแดงระเรื่อพลางหลบตาจูล่งไปทางอื่น จะให้นางอธิบายเรื่องหอนางโลมให้จูล่งฟังอย่างไรดีเล่า

“ที่นั่นเป็นร้านสำหรับผู้ใหญ่ อายุเจ้ายังไม่ถึงสมัครไปเขาก็ไม่รับหรอก”ชางซีเป็นผู้ตอบออกมาแทน แถมเรื่องจำกัดอายุก็เป็นเรื่องจริงอีกต่างหาก เพียงตอบเท่านี้ก็ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยุ่งยากอีกแล้ว

“งั้นหรือขอรับ”จูล่งพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเริ่มเดินหาร้านต่อไปโดยไม่คิดจะถามอะไรเพิ่มเติม ทำให้พวกสาวๆต่างโล่งใจกันเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก

“เฮ้ ระวังหน่อย”ขณะเดินอยู่ในเมือง อยู่ๆไป๋จูล่งก็พบเข้ากับรถม้าคันหนึ่งที่แทบจะไม่เห็นเสียตั้งนาน ไม่ใช่ว่ารถม้าเป็นสิ่งแปลกไปแล้ว เพียงแต่รถม้าที่เต็มไปด้วยข้าวของอยู่เต็มคันนี้ต่างหากที่แปลกตา แม้จะไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่สามารถเปิดช่องมิติส่วนตัวได้ แต่ก็ยังมีแหวนมิติที่ขอเพียงมีพลังวิญญาณนิดหน่อยก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้คนที่จะมาขนของด้วยรถม้าเช่นนี้หาไม่ค่อยได้อีกแล้ว แต่อาจจะเพราะอยู่ในเมืองเล็กๆทางตอนใต้ของอาณาจักรอู๋ก็เลยไม่มีของแบบนั้นกระมัง

“นายท่าน เจ้าบ้าเหลินมันโดดงานอีกแล้วขอรับ”ชายคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาหาชายวัยกลางคนที่กำลังขนของขึ้นรถม้าด้วยท่าทีลำบากใจ

“อะไรกันเจ้านั่นเห็นงานที่ข้าสั่งเป็นอะไร”ชายวัยกลางคนพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ ดูเหมือนลูกน้องของมันคนหนึ่งจะโดดงานไปเสียแล้ว ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันขนย้ายที่สำคัญกับธุรกิจของมันอย่างมากแท้ๆ

“ช่างมัน มันจะไปไหนก็ไป รีบไปประกาศหาคนงานมาเพิ่มหนึ่งคน หากไม่ได้ก็ออกเดินทางในอีกชั่วโมง”ชายวัยกลางคนว่าพลางเดินตรวจตราสินค้าของตนเองอย่างละเอียด เหตุผลที่มันไม่ใช้แหวนมิตินั้นง่ายมาก เพราะพวกมันไม่มีใครมีพลังวิญญาณเลยแม้แต่คนเดียว เรียกได้ว่าต่อให้มีแหวนก็ใช้งานไม่ได้

“ท่านน้า ข้าได้ยินว่าท่านต้องการคนเพิ่มงั้นหรือ”ไป๋จูล่งพูดพลางเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนทันทีเมื่อครู่มันได้ยินอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายต้องการคนเพิ่ม

“ถูกต้อง เจ้าต้องการสมัครงั้นหรือ”ชายวัยกลางคนถามพลางไล่สายตามองร่างของจูล่ง แม้ร่างกายจะผอมบางแต่ก็ดูแข็งแรงดี เรียกว่าดีกว่าเจ้าขี้ก้างเหลินที่กำลังอู้งานอยู่หลายเท่าเลย

“ขอรับ ข้ากำลังหางานอยู่พอดี”จูล่งตอบพลางยิ้มด้วยท่าทีมุ่งมั่น

“งั้นเจ้าช่วยคนอื่นๆขนของ หากเจ้าทำได้ดีข้าจะรับเจ้าทำงาน”ชายวัยกลางคนว่าพลางชี้ไปที่กองสินค้าที่ยังไม่ได้เอาขึ้นรถ แน่นอนว่าพอได้ยินเช่นนั้นจูล่งก็เดินไปช่วยขนของทันที

แน่นอนว่างานแค่นี้ไม่ทำให้จูล่งเหนื่อยแม้แต่น้อย กล่องแต่ละใบเบาราวกับขนนกเมื่ออยู่ในมือของจูล่ง แต่เพราะชายวัยกลางคนกำชับว่าต้องระมัดระวังเป็นอย่างดี จูล่งเลยยกเพียงทีละกล่องเท่านั้นเพราะกลัวว่าจะเกิดความเสียหาย

“หน่วยก้านไม่เลว เจ้าชื่ออะไร”ชายวัยกลางคนเห็นจูล่งยกของไปมาโดยไม่เหนื่อยก็ยอมรับในแรงกายของจูล่งทันที เห็นว่าท่าทางใช้ได้ก็เลยคิดจะตอบตกลงรับจูล่งมาช่วยงาน

“จูล่งขอรับ ข้ามีนามว่าจูล่ง”ได้ยินคำตอบชายวัยกลางคนก็พยักหน้าช้าๆ

“ดี พวกข้ากำลังจะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมง เจ้าพร้อมเดินทางไปด้วยหรือไม่”ชายวัยกลางคนถามขณะตรวจสอบเส้นเชือกที่ใช้มัดสินค้า

“เดินทางไปที่ไหนหรือขอรับ”จูล่งถามพลางมองรถม้าที่อยู่ข้างๆ รถม้าค่อนข้างเก่า น่าจะเดินทางไปได้ไม่ไกลนัก

“อาณาจักรไชน์ยังไงล่ะ”ชายวัยกลางคนยิ้มพลางตบลงบนกล่องสินค้าของตนเองอย่างภูมิใจ ความจริงการค้าขายคราวนี้นับเป็นการเสี่ยงดวงของชายวัยกลางคนเลยทีเดียว มันขายร้านและทุกอย่างที่ขายได้เพื่อจะเริ่มชีวิตใหม่ เรียกได้ว่าใช้เงินทุนทั้งหมดเพื่อเดินทางไปตั้งต้นที่อาณาจักรไชน์เลยทีเดียว