บทที่ 583 การคัดสรร
‘รู้สึกเดจาวูชะมัด…’ ลูเซียนเกือบจะควบคุมสีหน้าไว้ไม่อยู่หลังจากได้ยินข้อเสนอของดักลาส ก่อนที่เขาจะโพล่งออกมา “ท่านประธานขอรับ ยังมีคณิตศาสตร์อีกอย่างหนึ่งขอรับ!”
“อ่า ข้าเกือบลืมไป คณิตศาสตร์คืออัญมณีที่ส่องแสงเจิดจ้าที่สุดบนมงกุฎแห่งอาร์คานาและเวทมนตร์ เราจะลืมมันได้อย่างไรกัน ทีนี้เราก็มีรางวัลทั้งหมดสิบสองรางวัลแล้ว” ดักลาสแตะหน้าผากพลางเอ่ยอย่างขบขัน “ลูเซียน เจ้าเสนอเรื่องนี้ช้าไปนะ มิเช่นนั้นเจ้าคงชนะรางวัลอีวานส์สาขาเวทธาตุและโหราศาสตร์ไปแล้ว สำหรับการค้นพบนิวตรอนและการนำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป”
ลูเซียนโบกมืออย่างไร้ความกังวล “ข้ามีอุปกรณ์เวทมนตร์มากเกินจะใช้ได้หมดแล้วขอรับ เพราะฉะนั้น ของรางวัลเหล่านี้จึงไม่สำคัญอะไร หากเป็นเรื่องของชื่อเสียง ด้วยชื่อรางวัลลูเซียน อีวานส์ ข้าเชื่อว่าข้าจะถูกจดจำไปพร้อมกับผู้ชนะรางวัลทุกๆ คนแน่นอนขอรับ”
‘สภาพตัวนำยิ่งยวด’ ของรางวัลจากเหรียญจันทราสีเงิน และ ‘ควอนตัม’ จากเหรียญน้ำแข็งและหิมะนั้นทำเสร็จออกมาแล้ว แต่ลูเซียนมีเหรียญตราติดอยู่บนอกมากมาย และของรางวัลทั้งสองอย่างนั้นก็หาได้มีผลจากเวทมนตร์ชนิดพิเศษที่จะทดแทนจุดด้อยของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สวมพวกมันติดตัว กลับเก็บไว้ในกระเป๋ามิติ เผื่อว่าพลังจากของวิเศษจะกดข่มรบกวนกันเอง
“มีเพียงจอมเวทที่ชนะรางวัลบ่อยจนเกินไปเท่านั้นที่จะใจกว้างเหมือนอย่างเจ้า” โอลิเวอร์แย้มยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นจอมเจ้าชู้หรือไม่ เขาก็ถือเป็นสมาชิกผู้หนึ่งในสภาสูงสุดที่พูดคุยเก่ง คนที่เหลือต่างขาดทักษะการเข้าสังคม แม้ว่าทุกคนจะดูปกติดีก็ตาม อย่างเช่น บรูค ชายผู้เป็นรองเพียงดักลาส เขาเป็นคนอ่อนโยนและเปิดใจกว้าง แต่กลับเข้าถึงได้ยากเล็กน้อย
สำหรับเฟอร์นันโด วิเซนเต แฮททาเวย์ เฮลเลน และเดวีย์ ที่ไม่แม้แต่จะดูเหมือนคนปกติ จึงไม่แปลกที่ทักษะของพวกเขาจะแย่ยิ่งกว่า
หลังจากหยอกล้อลูเซียน โอลิเวอร์ก็หันไปทางดักลาส “ท่านประธาน ข้าไม่คิดว่ารางวัลตามสาขาสำนักเวทมนตร์คงจะไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันนะขอรับ เห็นได้ชัดว่าการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยจะมีส่วนเกี่ยวข้องในแม่เหล็กไฟฟ้า และทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปก็ยังผนวกรวมหลายๆ สำนักเข้าไปด้วย เราควรจะจัดกลุ่มให้รางวัลอีวานส์มีเพียงไม่กี่รางวัลแต่ครอบคลุมหลายๆ สาขาดีกว่าหรือไม่”
ดักลาสพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม “พูดได้ดี ตอนที่ข้าอ่านเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของลูเซียน ข้าสัมผัสได้ถึงเนื้อหาที่เชื่อมโยงจากศาสตร์หลากหลายแขนงอย่างชัดเจน จริงๆ แล้วข้าคิดว่ากรอบความคิดทั้งหมดนั้นเป็นของระบบอาร์คานา และรางวัลอีวานส์สาขาอาร์คานาเพียงหนึ่งเดียวก็คงพอ แต่แน่นอน มันย่อมไม่น่าเชื่อถือนัก”
“ทำไมเล่าขอรับ ทั้งเวทธาตุ แม่เหล็กไฟฟ้า แสงสว่าง-ความมืด โหราศาสตร์ สนามแรง การเล่นแร่แปรธาตุและอุณหพลศาสตร์ต่างศึกษาเรื่องกฎความเป็นไปของโลก เราจะเรียกมันว่ารางวัลอีวานส์สาขาอาร์คานาก็ไม่เห็นเป็นไร ส่วนมายาศาสตร์ การแปลงกาย การอัญเชิญ และศาสตร์มืดนั้นค่อนข้างเกี่ยวข้องกับสิ่งจำเพาะที่สร้างจากสสารและพลังงาน ส่วนนี้จะครอบคลุมอยู่ในรางวัลอีวานส์สาขาเวทมนตร์” แม้จะเคยขัดแย้งกันในอดีต แต่บรูคกลับเห็นด้วยกับดักลาส
ลูเซียนนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “เหตุใดเราจึงต้องแบ่งตามสำนักเวทมนตร์ด้วยล่ะขอรับ ความสำเร็จเปิดเผยกฎความเป็นไปของโลกจะได้รับรางวัลอีวานส์สาขาอาร์คานา ส่วนผลงานที่ใช้ได้จริงและนำไปประยุกต์ได้มากกว่าจะได้รับรางวัลในสาขาเวทมนตร์ และเมื่อรวมกับรางวัลในสาขาคณิตศาสตร์ที่เป็นเรื่องของความสำเร็จเชิงทฤษฎี ทั้งหมดก็จะมีอยู่สามรางวัล”
“ข้าขอเสนอให้การศึกษาวิจัยศาสตร์มืดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและวิญญาณกับการศึกษาเรื่องจิตใจในมายาศาสตร์รวมกันเป็นหนึ่งรางวัล เพราะทั้งสองอย่างอยู่ในกลุ่มของฌานสมาธิ มันจะช่วยให้เราเปลี่ยนโฉมภาพจำของเหล่านักเวทเสียใหม่” แอตแลนต์เสนอ
ลูเซียนยกมือขึ้นเกาปลายคาง รางวัลอีวานส์สาขาแพทยศาสตร์งั้นหรือ ได้โปรดอย่าคิดอะไรแปลกๆ ขึ้นมาได้หรือไม่ หากว่าจะมีรางวัลสาขาสันติภาพล่ะก็ เขาคงเสนอให้มอบรางวัลนี้แก่อาจารย์ของเขากับท่านยายแฮททาเวย์สำหรับการรักษาความสันติสุขของโลกด้วย ‘เวทเปลวไฟนิรันดร์’ และระเบิดมนุษย์
“ดีมากๆ อาร์คานา เวทมนตร์ คณิตศาสตร์ และแพทยศาสตร์ สี่รางวัลตามขุมกำลังพื้นฐานทั้งสี่” ดักลาสตัดสินใจและก็มิมีผู้ใดเอ่ยค้าน “เอาล่ะ ขอจบการประชุมเพียงเท่านี้ เจ้าจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จด้วยตนเองหรือจะส่งต่อให้คณะกรรมการกิจการก็ตามแต่ใจได้เลย”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยค ดักลาสก็หายตัวไปแล้ว ลูเซียนที่ยังไม่ทันจะยืนขึ้นถึงกับตะลึงงัน ท่านประธานเป็นนักวิ่งตัวฉกาจจริงๆ
“เขากำลังอุทิศตัวหมกมุ่นอยู่กับการทบทวนและเรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เจ้าควรจะเตรียมตัวให้พร้อมรับการโจมตีด้วยคำถามนับแสนนะ” เฟอร์นันโดเอ่ยกับลูเซียนด้วยท่าทางไม่ประหลาดใจเลยสักนิด จากนั้นเขาก็เดินกลับไปยังนรกสายฟ้าของตน เพราะว่าการเคลื่อนที่ข้ามห้วงอวกาศนั้นห้ามใช้ในห้องประชุม
เฟอร์นันโดเองก็กำลังพยายามทำความเข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปเช่นกัน แต่การค้นพบนิวตรอนกลับดึงความสนใจของเขาไป เรียกได้ว่าเขายุ่งอยู่กับปัญหามากมายจากการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย
สมาชิกสภาสูงสุดคนอื่นๆ ต่างก็ออกจากห้องไปอย่างไม่รีรอ เป็นการพิสูจน์คำพูดของโอลิเวอร์ก่อนหน้านี้ว่า เวลาของทุกคนมีค่ามาก
“ข้าสงสัยว่าพลังที่เหนี่ยวรั้งนิวตรอนกับโปรตอนเอาไว้คือหนึ่งในสองพลังพื้นฐานที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน” แฮททาเวย์เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางครุ่นคิดหนัก
ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเองก็คิดเช่นนั้นขอรับ”
พอลูเซียนตอบกลับ เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าแฮททาเวย์เดินไปถึงประตูแล้วโดยไม่รอฟังคำตอบของเขาเลยสักนิด
“นางพูดกับตัวเองสินะ” ลูเซียนยกมือขึ้นเกาปลายคาง
โอลิเวอร์เดินมาหาเขา “อยากให้ข้าพาเจ้าไปที่ห้องคณะกรรมการกิจการหรือไม่เล่า”
“ขอบคุณขอรับ แต่ไม่เป็นไรขอรับท่านโอลิเวอร์ ทอมป์สันอยู่ที่นั่นทั้งคน” ลูเซียนปฏิเสธยิ้มๆ ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังหาข้ออ้างไปยังห้องคณะกรรมการกิจการ
โอลิเวอร์ผายมือออก “ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่ข้าจะช่วยเจ้าได้เลยสินะ ลูเซียน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเคยจัดตั้งรางวัลดนตรีอีวานส์ตอนอยู่ที่อัลโต้ใช่หรือไม่ เจ้าสนใจก่อตั้งรางวัลด้านศิลปะกับข้าไหมเล่า
‘ออสการ์งั้นหรือ’ ลูเซียนแทบจะสำลักน้ำสกายบลูที่กำลังดื่ม
“ท่านโอลิเวอร์ขอรับ ข้าเพิ่งจะทิ้งส่วนแบ่งรายได้หนึ่งในสามไปนะขอรับ ข้าเกรงว่าข้าจะมีกำลังไม่พอ” ลูเซียนปฏิเสธข้อเสนอของโอลิเวอร์อย่างอ้อมๆ
โอลิเวอร์แย้มยิ้ม “ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องทำด้วยตัวเองแล้วล่ะตอนนี้”
เขาเพียงแต่รู้สึกว่ามีเพียงนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่อย่างลูเซียนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการจัดตั้งรางวัลร่วมกับเขา แต่เขาไม่คิดจะบังคับฝืนใจลูเซียน
หลังจากโอลิเวอร์ออกไป เคลาส์ก็ยืนขึ้นพลางเอ่ยยิ้มๆ “ข้าเคยชินกับการมาถึงเป็นคนแรกและออกจากห้องคนสุดท้าย อีวานส์ เจ้าบอกว่ารางวัลลูเซียน อีวานส์ จะมีมาตรฐานที่เข้มงวดกว่าเดิม เช่นนั้นผู้สมควรได้รับรางวัลจะมีคุณสมบัติก็ต่อเมื่อพวกเขามีทฤษฎีเป็นของตนเองและการค้นพบนั้นทำให้หัวของผู้คนระเบิดหรือไม่”
“ท่านเคลาส์ช่างเป็นคนมีอารมณ์ขันมากจริงๆ ขอรับ” ลูเซียนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ชื่อเสียงเขาชักจะน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!
เมื่อเคลาส์ออกไปจากห้อง ลูเซียนก็จงใจกระแอมไอเสียงดัง บัดนี้ในห้องเหลือเพียงตัวเขากับเฮลเลน แม่มดแห่งแดนน้ำแข็ง
เฮลเลนหมกมุ่นอยู่กับเรขาคณิตอีวานส์เสียจนไม่ได้ยินเสียงไอของลูเซียนเลยสักนิด
ด้วยไม่มีทางเลือกอื่น ลูเซียนจึงแสร้งไอต่อไป
เฮลเลนยังคงไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ
“ท่านเฮลเลน…” ลูเซียนเรียกนาง
ในที่สุดเฮลเลนก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีมึนงง “มีอะไรหรือ”
จากนั้นนางก็มองไปรอบกายก่อนจะถามอย่างเหม่อลอย “การประชุมจบลงแล้วหรือ”
“ขอรับ” ลูเซียนรู้สึกอับอายไม่น้อย ตัวเขายังไม่จดจ่อถึงเพียงนี้เมื่อเทียบกับอีกฝ่าย
เฮลเลนพยักหน้าอย่างไม่แปลกใจ ราวกับนางคุ้นชินกับมันดี และทำเพียงก้มลงอ่านตำราต่อ
“ท่านเฮลเลน…” ลูเซียนเรียกนางอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
ดวงตาสีฟ้าสดใสของเฮลเลนช้อนขึ้นมามองลูเซียน ก่อนที่นางจะเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “มีอะไรงั้นหรือ เหตุใดเจ้ายังอยู่ที่นี่อีกเล่า”
“ท่านบอกว่าจะพาข้าไปเลือกเวทมนตร์ระดับตำนานหลังจากจบการประชุมมิใช่หรือขอรับ” ลูเซียนพยายามรักษารอยยิ้มเอาไว้
เฮลเลนนึกถึงคำสัญญาของตนขึ้นมาได้ นางเก็บตำรา กระดาษ และปากกาขนนกตรงหน้า ก่อนจะแตะนิ้วตรงแหวนบนมือซ้าย เพื่อที่นางจะได้รู้ว่าตนเองต้องสั่งการอะไรกับคณะกรรมการกิจการทั้งสามคน
“ตามข้ามา” จากนั้นเฮลเลนก็พาลูเซียนตรงไปยังห้องสมุดลับบนชั้นที่สามสิบห้าอย่างไม่รีรอ
“ตามมาตรฐานแล้ว เจ้าสามารถเลือกได้หนึ่งบท” เฮลเลนมักสงวนถ้อยคำเสมอ
ลูเซียนยื่นกระดาษที่มีแผนภูมิการเลื่อนขั้นขึ้นสู่ชั้นตำนาน ‘ผู้บัญชาอะตอม’ กับเวทมนตร์ระดับตำนานขั้นพื้นฐานสองบท และถามว่า “แล้วถ้าข้าส่งพวกนี้ล่ะขอรับ”
“เวทมนตร์ขั้นพื้นฐานสองบทแลกเปลี่ยนได้สองบท และชั้นตำนานจะแลกได้สองบท เจ้าเลือกได้ทั้งหมดห้าบท” ในที่สุดเฮลเลนก็หันมาให้ความสนใจเมื่อได้เห็นสิ่งนั้น แต่เนื่องจากมีข้อกำหนดอยู่ ตอนนี้นางจึงทำได้เพียงยืนยันว่าพวกมันคือชั้นตำนานจริงๆ หากว่านางต้องการจะเรียนรู้ นางก็ต้องทำการแลกเปลี่ยน
ลูเซียนก้าวเข้าไปในห้องสมุดและก็ได้เห็นเวทมนตร์ระดับตำนานกับพิธีกรรมแปลกๆ มากมายวางเรียงรายอยู่บนชั้นหนังสือ
จากสถิติของสภาเวทมนตร์ จนถึงตอนนี้ ปรากฎเวทมนตร์ระดับตำนานขึ้นประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบหกถึงหนึ่งร้อยหกสิบห้าบท บางบทก็เป็นเวทมนตร์ที่ใช้ได้เฉพาะบางเผ่าพันธุ์ เช่น ‘ความฝันจริงแท้’ ของเหล่าแวมไพร์ และบางบทก็เป็นไพ่ตายของเหล่านักเวทชั้นตำนาน อย่างเช่น ‘เวทแยกธาตุ’ ของแฮททาเวย์ เวทมนตร์เหล่านั้นหาได้อยู่ในห้องสมุด ด้วยเหตุนี้ ในนี้จึงมีเวทมนตร์ระดับตำนานเพียงแปดสิบเจ็ดบทให้เลือกสรร
จากทั้งหมดนั้น บทเวทที่ไม่เกี่ยวข้องกับชั้นตำนานของเขาแทบจะนำมาเรียนรู้ไม่ได้เลย และบทที่ขัดแย้งยิ่งไม่สามารถเรียนรู้ได้ เว้นแต่ว่าความเชี่ยวชาญทางด้านอาร์คานาศาสตร์ของเขาจะสูงมาก
อีกสองสามปีต่อจากนี้ ลูเซียนจะประทับโครงสร้างเวทมนตร์ระดับตำนานไว้ในดวงจิตของเขาได้เพียงสามบทเท่านั้น เขาจึงต้องเลือกให้ครอบคลุมทุกด้าน
‘เวทฟิชชันปรมาณูของข้าเป็นการโจมตีระยะไกลที่ผนวกรวมความร้อนสูง พายุพลังงาน และคำสาปเข้าด้วยกัน เพราะฉะนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องเลือกเวทมนตร์โจมตีแบบวงกว้าง อีกอย่างเวทคทาอวกาศที่ข้าตั้งใจจะสร้างก็ช่วยเรื่องเร่งและลดความเร็วได้ ซึ่งจะช่วยให้ข้าสามารถหลบหนีและควบคุม ข้าไม่จำเป็นต้องหาเวทมนตร์ประเภทนี้ด้วยเหมือนกัน…’
ลูเซียนมีเพียงความเข้าใจขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับคเวทมนตร์ที่น่าสะพรึงกลัวโดยยึดหลักจากทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป มีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะควบคุมเวลาและอวกาศได้จริงๆ เมื่อเขาเลื่อนขั้นขึ้นไปอีก
‘เวทจำพวกโล่ป้องกันกับมิติปิดกั้น… อาจารย์สัญญาว่าจะสอนเวทปราการวายุให้ เพราะงั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องเลือกประเภทนี้’ ลูเซียนครุ่นคิดไตร่ตรองขณะกวาดตาอ่านชื่อและการแสดงผลของเวทมนตร์แต่ละบทบนชั้นหนังสือ ‘สิ่งที่ข้าต้องการที่สุดในตอนนี้คือเวทมนตร์ระดับตำนานที่จะโจมตีเป้าหมายเดียว…’
เมื่อเขาตัดสินใจได้ ลูเซียนก็เจอเวทมนตร์สามบทที่น่าเลือกใช้ นั่นคือ ‘ความพิโรธของเทพธิดาหิมะ’ ‘เพ่งพยาบาท’ และ ‘ระเหยไอ’
ด้วยเพราะเขามีเวทมนตร์แช่แข็งอยู่แล้ว ลูเซียนจึงชอบสองอย่างหลังมากกว่า เพื่อที่เขาจะได้เพิ่มความหลากหลายในการใช้เวทมนตร์ให้ตนเอง
‘เวทเพ่งพยาบาท’ สามารถสร้างแสงเลเซอร์พลังงานสูงจนน่ากลัวที่มีพลังเจาะทะลวงแสนยอดเยี่ยม ในขณะที่ ‘เวทระเหยไอ’ ทำให้เป้าหมายตกอยู่ในภาวะความร้อนสูงได้ แม้แต่นักเวทชั้นตำนานก็ถูกทำให้ระเหยกลายเป็นไอได้หากมิได้ป้องกันตัวเองด้วยวิธีการใด
‘เวทเพ่งพยาบาทสามารถเจาะทะลวงการป้องกันส่วนใหญ่ได้ อีกอย่าง มันเร็วมากและหลบเลี่ยงได้ยาก…’ ลูเซียนใช้เวลาไม่นานก็ตัดสินใจได้ มันจะเป็นเวทมนตร์ระดับตำนานบทที่สามที่เขากำลังจะสร้าง
จากนั้นลูเซียนก็เลือกเวทมนตร์ระดับตำนานที่เขาจะศึกษาในภายหลังมาอีกสี่บท ได้แก่ ‘จิตแตกซ่าน’ ที่จะก่อกวนความคิด ‘กระจกแห่งชะตา’ ที่เป็นเวทด้านการทำนาย ‘หวนคืน’ ที่จะช่วยรักษาชีวิตเขาไว้ได้ และ ‘เวทมนตร์พลิกผัน’ เวทป้องกันที่ดีที่สุด
ลูเซียนเคยคิดว่าจะเลือก ‘เวทพังทลายขั้นสุดยอด’ แต่เขามี ‘เวทจัดลำดับธาตุ’ ที่สามารถใช้แลกกับ ‘เวทแยกธาตุ’ และ ‘เวทแยกสลาย (ขั้นสูง)’ ได้ ดังนั้น มันจึงดูไม่มีความจำเป็น เมื่อใช้ ‘เวทแยกธาตุ’ กับ ‘เวทแยกสลาย (ขั้นสูง)’ รวมกัน ก็จะช่วยให้เขารับมือกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ได้
ส่วน ‘เวทหวนคืน’ เป็นเวทมนตร์ที่จะร่ายบนตัวผู้ใช้ล่วงหน้าและจะถูกกระตุ้นเมื่อชีวิตของผู้ใช้ตกอยู่ในอันตราย มันจะเคลื่อนย้ายผู้ใช้กลับไปยังสถานที่ที่ร่ายเวทหวนคืน ผลของเวทบทนี้จะอยู่ได้นานถึงหนึ่งเดือน ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องประทับโครงสร้างไว้ภายในดวงจิตและสามารถร่ายก่อนออกไปทำภารกิจทุกครั้ง มันเข้าคู่กับเวทคทาอวกาศได้อย่างดี แต่เวทมนตร์จะใช้การได้มากสุดกับคนสามคนเท่านั้น และจะไม่อาจปกป้องผู้คนได้มากกว่านี้
…
ภายในบ้านพักที่ไฮดี้กับคาทรินาร่วมกันซื้อ ทั้งสองกำลังเพลิดเพลินไปกับชาแดงกับสหายสตรีคนอื่นๆ ขณะเฝ้ารอให้ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ เริ่มขึ้น การรับฟังรายการวิทยุทั้งสองคลื่นทุกๆ วันกลายเป็นวิถีชีวิตที่พวกนางโปรดปรานไปเสียแล้ว
“…ก่อนจะเริ่มรายการ ข้าขออนุญาตประกาศข่าวดี วันนี้ท่านประธานได้เป็นตัวแทนสภาสูงสุดมอบตำแหน่งมหาจอมเวทให้แก่ท่านลูเซียน อีวานส์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผลงานการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ด้วยการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย คำสรรเสริญของท่านคือ…” เสียงแว่วหวานตื่นเต้นของไนติงเกลดังก้อง
“หา อาจารย์ของเรา…” เลย์เรีย คาทรินา และเชลีย์พึมพำ หลังจากการค้นพบนิวตรอน พวกนางก็รู้แล้วว่าอาจารย์ของตนจะได้เป็นมหาจอมเวท แต่พวกนางก็ยังพบว่ามันเชื่อได้ยากเหลือเกินเมื่อได้ยินข่าวจริงๆ
ในทางกลับกัน ไฮดี้อุทานออกมาด้วยความดีใจ “มหาจอมเวท! ท่านมหาจอมเวทอีวานส์!”
เลนก้าและคนอื่นๆ มองมาทางพวกนางด้วยความอิจฉา “ยี่สิบหกปี… มหาจอมเวทที่อายุเพียงยี่สิบหกปี…”
……………………………….