หลิงหยุนร้องถามหลิวซุ่ยเฟิงที่เวลานี้ไม่สามารถแม้แต่จะอ้าปากพูดได้อีก..แล้วเขายังจะตอบอะไรได้เล่า
  สภาพของหลิวซุ่ยเฟิงเวลานี้..ได้เปลี่ยนจากชายหนุ่มหน้าตาดีมีเสน่ห์ มาเป็นผู้ที่มีใบหน้าสยดสยองยิ่งกว่าได้รับอุบัติเหตุใดๆเสียอีก!
  ใบหน้าของหลิวซุ่ยเฟิงเวลานี้ราวกับถูกทุบด้วยค้อนที่หนักกว่าร้อยกิโลกรัมหรือไม่ก็ถูกทับด้วยรถ ลูกตาทั้งสองข้างห้อยลงมา และกระดูกใบหน้าแตกละเอียด
  ร่างของหลิวซุ่ยเฟิงร่วงลงไปกองกับพื้นและเวลานี้จุดตันเถียนของเขาก็ถูกหลิงหยุนทำลาย ร่างทั้งร่างนอนขดงอเป็นกุ้ง แขนขาบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด..
  หลิวซุ่ยเฟิงหมดสติไปเพราะความเจ็บปวดและความหวาดกลัวลมหายใจของเขาเวลานี้รวยรินอย่างมาก และยากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้..
  “นี่มันอะไรกัน!”
  หลังจากที่จงชวนเยี่ยนเห็นสภาพของหลิวซุ่ยเฟิงนางก็ถึงกับกรีดร้องออกมาพร้อมกับหันหน้าหนีไปทันที ก่อนที่แขนขาจะอ่อนแรงล้มตึงลงไปกับพื้น..
  “ศิษย์น้อง..”
  จี้เสี่ยวฉิงรีบกระโดดเข้าไปยืนตรงหน้าของจงชวนเยี่ยนที่กำลังจะล้มลงกับพื้นและช่วยรับร่างของนางไว้ได้ทันเวลา
  “โอ้..นี่มันอะไรกัน”
  ในบรรดายอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่บนเขาหลงเหมินแห่งนี้มียอดฝีมือหลายคนที่ไม่เคยผ่านการฆ่าคนมาก่อน เมื่อเห็นร่างที่ไร้ศรีษะของกัวเสี่ยวเทียนก็รู้สึกผะอืดผะอมอย่างมากแล้ว แต่เวลานี้ได้เห็นสภาพที่น่าสยดสยองของหลิวซุ่ยเฟิง จึงถึงกับอาเจียนออกมากันถ้วนหน้า..
  ภาพที่น่าสยดสยองและโชกไปด้วยเลือดเช่นนี้ เป็นภาพที่โหดร้ายเกินไปสำหรับผู้ที่เกิดมาเพื่อฝึกวิชาเพียงอย่างเดียว และไม่เคยผ่านการต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายมาก่อนเช่นนี้..
  และแน่นอนว่า..การกระทำของหลิงหยุนในครั้งนี้ ได้สร้างความตระหนกตกใจ และอาการหวาดผวาอย่างที่สุดให้กับเหล่ายอดฝีมือที่อยู่บนยอดเขาแทบทุกคน
  “อามิตตาพุทธ..”
  “สวรรค์!”
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนนักพรตชงซวี และชางซงต่างก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนจากนิ่งเฉยเป็นทนไม่ได้ โกรธขึ้ง งุนงง และยากที่จะเก็บซ่อนความสยดสยองบนใบหน้าไว้ได้ดังเช่นผู้อื่น
  ในความคิดเห็นของพวกเขาการต่อสู้ย่อมมีแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตก็ไม่แปลก แต่การกระทำของหลิงหยุนเมื่อครู่นั้น นับว่าโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเกินกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิด..
  แต่สิ่งที่ยอดฝีมือเหล่านั้นยังไม่รู้ก็คือว่า..เมื่อครู่นั้นหลิงหยุนได้เมตตาปราณีอย่างที่สุดแล้ว หากเขาเพิ่มพลังหมัดมากกว่านั้นอีกเพียงแค่นิดเดียว ก็สามารถทำให้ศรีษะของหลิวซุ่ยเฟิงหายวับไปกับตาได้ในทันที หากเป็นเช่นนั้นสภาพศรีษะของหลิวซุ่ยเฟิงคงจะไม่ต่างจากลูกพลับที่ถูกทุบจนเละ..
  “อามิตตาพุทธ!”
  หลวงจีนหยวนเจี๋วยก้าวออกมาข้างหน้าอีกครั้งสีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่สามารถอดทนต่อการกระทำของหลิงหยุนได้อีกต่อไป จึงได้ร้องตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล
  “ประสกน้อย..เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนยืนมองร่างที่กำลังจะขาดใจตายของหลิวซุ่ยเฟิงด้วยความรู้สึกผิดในใจ..
  เมื่อครู่ที่หลิงหยุนจู่โจมหลิวซุ่ยเฟิงซึ่งยืนอยู่ด้านหลังกับศิษย์สำนักเส้าหลินและบู๊ตึ๊งนั้นด้วยความแข็งแกร่งของหลวงจีนเจี๋วยหยวน หากเขาพยายามอย่างดีที่สุด เขาเชื่อว่าจะสามารถขัดขวางหลิงหยุน และสามารถช่วยหลิวซุ่ยเฟิงให้รอดชีวิตได้ แต่เพราะวิชาตัวเบาของหลิงหยุนนั้นรวดเร็วมากจนเกินไป ในระหว่างที่หลวงจีนเจี๋วยหยวนกำลังลังเลอยู่นั้น หลิงหยุนก็ลากคอหลิวซุ่ยเฟิงไปได้สำเร็จแล้ว!
  ในฐานะภิกษุผู้มีเมตตาจิตมีหรือที่หลิวซุ่ยเฟิงต้องอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ หลวงจีนเจี๋วยหยวนจะไม่ตำหนิตนเอง!
  หลิงหยุนร้องตอบหลวงจีนเจี๋วยหยวนกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและไม่แม้แต่จะชายตาไปมองร่างของหลิวซุ่ยเฟิง เขาเอามือไขว้หลังพร้อมกับพูดจาประชดประชันหลวงจีนเจี๋วยหยวนทันที..
  “ข้าทำเกินไปงั้นรึไต้ซือเจี๋วยหยวน.. นี่ท่านไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?”
  “ข้าเป็นเพียงเด็กที่เพิ่งจะจบจากโรงเรียนมัธยมปลายใช้ชีวิตปกติในเมืองจิงฉู ไม่เคยสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับพวกท่านเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่เคยพบเจอพวกท่านมาก่อนด้วยซ้ำไป! บอกข้าที.. มีท่านใดในที่นี้ที่ข้าเคยพบเจอมาก่อนบ้างหรือไม่”
  “อ่อ..ข้ารู้จักอยู่หนึ่งคนสินะ!” หลิงหยุนพูดพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางหลิวซุ่ยเฟิงที่นอนกองอยู่กับพื้น “ก็คือเจ้านั่น..”
  “แต่ท่าน..แล้วก็ยอดฝีมือสำนักต่างๆมากมาย กลับมาซุ่มอยู่ที่ตีนเขาหลงเหมิน เพื่อรอคอยให้สำนักดาบสวรรค์ใช้น้าหญิงของข้าเป็นเหยื่อล่อให้ข้าออกมาปรากฏตัว นี่นับเป็นการกระทำที่ชั่วช้าหรือไม่.. ในเมื่อทุกท่านต้องการจะสังหารข้านัก.. ก็เชิญลงมือได้เลย!”
  “แต่ก่อนที่จะลงมือ..ข้าขอบอกให้ทุกท่านได้เข้าใจก่อนว่า ข้า – หลิงหยุนหาใช่คนป่าเถื่อนไร้เมตตาอย่างที่พวกท่านคิดไม่! แต่เป็นเพราะหลิวซุ่ยเฟิง และสำนักดาบสวรรค์ตั้งใจเรียกทุกคนมาที่นี่เพื่อสังหารข้า เช่นนี้แล้ว.. เหตุใดข้ายังต้องปราณีพวกมันด้วยเล่า”
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปถามหลวงจีนเจี๋วยหยวนว่า“ไต้ซือเจี๋วยหยวน.. ข้าขโมยคัมภีร์จากสำนักเส้าหลินของท่านไปหรืออย่างไรกัน”..ไอลีนโนเวล
  จากนั้นจึงหันไปทางนักพรตชงซวีพร้อมกับถามขึ้นว่า“นักพรตชงซวี.. ข้าไปก่อกวนสำนักบู๊ตึ๊งของท่านเช่นนั้นรึ”
  “ข้าครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้แล้วยังไงเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกท่านอย่างนั้นรึ?”
  “หากข้าฝึกวิชาดูดลมปราณ..ทุกท่านมีปัญหาอะไรงั้นรึ”
  “ข้าเป็นคนดีหรือคนเลวทรามชั่วช้า ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของข้า! จำเป็นต้องให้พวกท่านมาอบรมข้างั้นรึ”
  ถึงแม้ว่าคำพูดของหลิงหยุนจะฟังดูก้าวร้าวแต่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ทำให้ทั้งหลวงจีนเจี๋วยหยวน และนักพรตชงซวีไม่อาจตอบโต้ได้..
  “พวกเจ้าสี่สิบกว่าคนล้อมข้ากับน้าหญิงเพียงแค่สองคน..แต่ยังกล้าพูดว่าจะไม่ปล่อยให้ข้าได้มีชีวิตลงจากเขาหลงเหมิน! ข้ายังไม่ได้จัดการกับพวกเจ้าทั้งหมด นี่ข้าเพียงแค่จัดการกับยอดฝีมือเพียงแค่คนเดียว พวกเจ้ากลับกล่าวหาข้าทำเกินไป! พวกเจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันไปหน่อยรึ”
  คำพูดของหลิงหยุนทำให้ทั้งเขาหลงเหมินต้องตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้งและไม่มีใครกล้าที่จะโต้เถียงกับเขาอีกเลย..
  เมื่อหลิงหยุนเห็นว่าไม่มีผู้ใดตอบโต้เขาจึงหันกลับไปมองหลวงจีนเจี๋วยหยวน และพูดขึ้นอย่างผยอง..
  “ที่ผ่านมา..ข้าจะลงมือกับผู้ที่บาดหมางกับข้า และสร้างความรำคาญใจให้กับข้าเท่านั้น.. ”
  “และสาเหตุที่ข้าจัดการกับคนแซ่หลิวก่อนผู้อื่นเช่นนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า – หนึ่ง.. เขาน่ารำคาญที่สุด และสอง – เพื่อเป็นการกล่าวเตือนทุกคนที่นี่..”
  “หากพวกเจ้าทั้งหมดต้องการจะลงจากเขาไปตอนนี้ข้า-หลิงหยุนจะไม่ขัดขวาง และจะให้พวกเจ้าได้ลงจากเขาอย่างปลอดภัย แต่หากใครยังคิดที่จะมีเรื่องกับข้า และต้องการหาประโยชน์จากข้าอีก จุดจบของหลิวซุ่ยเฟิงก็คือจุดจบของมันผู้นั้น!”
  “แต่หากพวกเจ้าทั้งหมดต้องการที่จะอยู่ที่นี่เพื่อสังหารข้าข้าก็ยินดีที่จะอยู่ร่วมสนุกกับพวกเจ้าด้วย!”
  คำพูดทั้งหมดนั้นเป็นเหตุผลของหลิงหยุนแต่เพียงฝ่ายเดียวและเขาก็ได้ให้ทางเลือกสุดท้ายกับยอดฝีมือที่เหลือทุกคน หากอีกฝ่ายยังไม่สนใจหรือเพิกเฉยโอกาสที่เขามอบให้นี้.. เขาก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดอีกแล้ว!
  นอกจากต้องสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่!
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนได้แต่นิ่งฟังคำพูดของหลิงหยุนอย่างเงียบๆคิ้วหนาคู่นั้นขมวดเข้าหากันแน่น สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความอัดอั้นตันใจ..
  เขาหันไปมองหน้านักพรตชงซวีอย่างลืมตัวสีหน้าของชงซวีนั้นก็บ่งบอกว่า เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากหลวงจีนจี๋วยหยวนนัก..
  มีคำพูดมากมายในใจที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้..
  แน่นอนว่าทั้งเส้าหลินและบู๊ตึ๊งต่างก็ไม่ได้มาที่นี่เพียงเพราะเรื่องกระบี่โลหิตแดนใต้เท่านั้นหากทั้งคู่มาเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ก็คงต้องไม่หลบซ่อนอยู่ที่ตีนเขา และรอจนถึงป่านนี้.
  สำหรับกระบี่วิเศษด้ามนี้..บางคนอาจจะมองว่ามันคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต อย่างเช่นกัวเสี่ยวเทียนเป็นต้น แต่ในสายตาของคนบางคน เขาก็มองว่ามันเป็นเพียงแค่อาวุธชนิดหนึ่งเท่านั้น อย่างเช่นเจี๋วยหยวนกับนักพรตชงซวีทั้งสองคน..
  การที่เส้าหลินส่งหลวงจีนมาที่เมืองจิงฉูนั้นนอกจากสืบหาการตายของหลวงจีนมี่ฉิงกับหลวงจีนสิงฉีแล้ว เหนือกว่านั้นก็คือสืบหาเรื่องสมุดจักรพรรดิ และพู่กันจักรพรรดิในตำนานนั่นเอง!
  ส่วนเหล่านักพรตหรือนักบวชนั้น ล้วนสนใจหม้อเสินหนงของหลิงหยุน เพราะมันไม่เพียงเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศจีน แต่ยังสำคัญกับเหล่านักบวชเต๋าด้วย..
  หากเทียบระหว่างพู่กันจักพรรดิสมุดจักรพรรดิ และหม้อเสินหนงของหลิงหยุนแล้ว กระบี่โลหิตแดนใต้ก็แทบไม่มีค่าอะไรในสายตาของหลวงจีนเจี๋วยหยวน และนักพรตชงซวีเลยแม้แต่น้อย!
  แต่เมื่อได้รู้ว่าหลิงหยุนฝึกวิชาดูดลมปราณเข้าเท่านั้นทั้งคู่ต่างก็ตื่นตระหนกตกใจ เพราะนี่ย่อมหมายถึงหายนะของยุทธภพ!
  วิชามารเช่นนี้ไม่ควรมีหลงเหลืออยู่ยุทธภพอีกแล้วหรือพูดอีกแง่หนึ่งก็คือว่า หลิงหยุนต้องตายเท่านั้น!
  ความจริงก่อนหน้านี้ทั้งหลวงจีนเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวี ต่างก็ไม่มีใครต้องการที่จะประมือกับหลิงหยุน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงจะเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว ทั้งคู่จึงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอย่างที่เห็น..
  ในบรรดาเหล่ายอดฝีมือที่พอมีใจเป็นธรรมหลังจากได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ได้แต่หันไปมองหน้ากัน..
  และพวกเขาเหล่านั้นก็คือเถี่ยหมิงแห่งสำนักหมัดเทวะและเหลยเจิ้นแห่งทวนเหล็กตระกูลเหลย ตั้งแต่ขึ้นมาบนยอดเขาจนถึงตอนนี้ ทั้งคู่ยังไม่ได้ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว..
  ทั้งสองคนนับว่าอยู่ในระดับกลางขั้นเซียงเทียน-7ด้วยกันแล้วทั้งคู่ ความแข็งแกร่งนั้นเรียกว่าไม่อาจประมาทได้ แต่ตลอดเวลาตั้งแต่ขึ้นมาเห็นร่างไร้ศรีษะของกัวเสี่ยวเทียนนั้น พวกเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว..
  และแน่นอนว่าสำนักหมัดเทวะนั้นมาด้วยเรื่องของเถี่ยเจิ้นผิงและทวนเหล็กตระกูลเหลยก็มาด้วยเรื่องของเหลยเวิ่นชิง ทั้งเถี่ยเจิ้นผิง และเหลยเวิ่นชิงต่างก็ตายอยู่ภายใต้ค่ายกลมังกรหยิน-หยางที่ก้นหลุมยักษ์ทั้งคู่
  ด้วยเหตุนี้..หลิงหยุนจะเกี่ยวข้องกับสิ่งของในตำนานปรัมปราของจีนทั้งสองหรือไม่นั้น หรือว่าจะเป็นเทพแห่งมารหรือไม่นั้น พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยว..
  เถี่ยหมิงและเหลยเจิ้นมองหน้ากัน..หลังจากปรึกษากันแล้วทั้งคู่จึงพยักหน้าพร้อมกับกระโดดออกมาด้านหน้า และพูดขึ้นว่า..
  “ท่านไต้ซือเจี๋วยหยวน..”
  “ข้าเถี่ยหมิงแห่งสำนักหมัดเทวะ”
  “ข้าเหลยเจิ้นแห่งทวนเหล็กตระกูลเหลย..”
  “พวกเราสองคนมีเรื่องต้องสอบถามหลิงหยุน..”
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่พยักหน้า และไม่คิดที่จะห้าม ส่วนหลิงหยุนเองเมื่อเห็นว่าเป็นคนจากสำนักหมัดเทวะ และจากทวนเหล็กตระกูลเหลย เขาจึงได้แต่ยิ้มพร้อมกับผายมือให้ และเอ่ยออกไปว่า
  “เชิญพวกเจ้าทั้งสองถามได้!”
  เถี่ยหมิงหันไปมองเหลยเจิ้นจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. สำนักหมัดเทวะและตระกูลเหลยมาที่นี่ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นปรปักษ์กับเจ้า แต่ข้ามีบางเรื่องต้องการสอบถามเจ้า..”
  หลิงหยุนยิ้มให้และตอบไปว่า“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าสองคนต้องการจะถามเรื่องอะไร! ข้าสามารถตอบพวกเจ้าได้เลย.. ข้าพบเถี่ยเจิ้นผิงกับเหลยเวิ่นชิงที่ก้นหลุมยักษ์ พวกเรามีประมือกันบ้าง แต่โชคร้ายที่ชางกวนเจี๋ย หนานกงเจี้ยน และซีเหมินกังได้ไปสัมผัสกับกลไกของค่ายกังมังกรหยิน-หยางเข้า ทำให้ทั้งห้าคนถูกค่ายกลสังหารตายอยู่ที่ก้นหลุมยักษ์นั่น..”
  หลิงหยุนอธิบายเรื่องนี้อย่างกระชับแล้วจึงพูดขึ้นว่า “หากเจ้าไม่เชื่อ.. เจ้าสามารถถามตู้กู่โม่แห่งตระกูลตู้กู่ และตงฟางถิงแห่งตระกูลตงฟางได้ พวกเขาทั้งสองคนก็อยู่ในเหตุการณ์ และสามารถเป็นพยานได้!”
  “แต่หากพวกเจ้าไม่เชื่อ..ก็อาศัยโอกาสนี้แก้แค้นให้พวกเขาได้เลย!”