เมื่อครั้งที่อยู่ในก้นหลุมยักษ์นั้นหลิงหยุนไม่ได้มีความรู้สึกแย่ๆ กับเถี่ยเจิ้นผิง และเหลยเวิ่นชิงมากมายนัก แต่เพราะครั้งนั้นทั้งคู่ยังไม่แข็งแกร่งพอ จึงถูกค่ายกลมังกรหยิน-หยางสังหารตาย หลิงหยุนเองก็ได้แต่รู้สึกเห็นใจเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้..ทันทีที่หลิงหยุนได้ยินว่ายอดฝีมือทั้งสองนี้คือเถี่ยหมิงแห่งสำนักหมัดเทวะ และเหลยเจิ้นแห่งทวนเหล็กตระกูลเหลย เขาจึงตั้งใจที่จะอธิบาย และเล่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นให้ทั้งสองคนฟัง อีกทั้งยังพูดจากับทั้งคู่ด้วยความสุภาพ..
ไม่ใช่ว่าหลิงหยุนทำไปเพราะเกรงกลัวที่จะต้องเป็นศัตรูกับยอดฝีมือทั้งสองนี้แต่เขารู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้มีความคับแค้นใจต่อกัน เหตุใดจึงต้องเข่นฆ่ากันด้วยเล่า
หลิงหยุนเล่าทุกอย่างไปตามความเป็นจริงไม่ได้สร้างเรื่องให้เกินความจริงเพื่อหวังหลีกเลี่ยงการปะทะแต่อย่างใด หลิงหยุนได้บอกความจริงทั้งหมดกับอีกฝ่ายไปแล้ว และปล่อยให้ทั้งคู่เป็นผู้ตัดสินใจเอง..
สำหรับหลิงหยุนแล้ว..หากทั้งคู่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด ก็เชิญลงจากเขาไปได้! แต่หากไม่เชื่อ.. ก็เข้ามาจู่โจมตนเองได้เลย!
เถี่ยหมิงกับเหลยเจิ้นยืนฟังคำอธิบายของหลิงหยุนด้วยท่าทางสงบนิ่งจากนั้นทั้งคู่ก็หันไปมองหน้ากัน และแลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึกผ่านดวงตาทั้งสองข้างของตนเอง..
หลิงหยุนหัวเราะโดยไม่ทีท่าว่าจะเกรงกลัวต่อยอดฝีมือมากมายบนยอดเขาแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย!
หลิงหยุนซึ่งอยู่ต่อหน้าทุกคนเวลานี้ได้แสดงออกซึ่งอุปนิสัยที่ตรงไปตรงมา เปิดเผยอย่างจริงใจว่ากระบี่ในมือของตนนั้นคือกระบี่โลหิตแดนใต้ ยอมรับว่าตนเองคือผู้ที่เด็ดศรีษะของกัวเสี่ยวเทียนแห่งสำนักดาบสวรรค์ และจัดการชกหลิวซุ่ยเฟิงจนกลายเป็นแค่ชิ้นเนื้อต่อหน้ายอดฝีมือมากมาย..
จากอุปนิสัยที่เปิดเผยไม่เกรงกลัวผู้ใดเช่นนี้หากเขาสังหารเถี่ยเจิ้นผิงกับเหลยเวิ่นชิงจริง มีหรือที่จะไม่กล้ายอมรับออกมาตรงๆ..
ด้วยเหตุผลนี้..ทำให้ทั้งเถี่ยหมิงและเหลยเจิ้นจึงเชื่อคำพูดของหลิงหยุน!
เถี่ยหมิงและเหลยเจิ้นต่างก็เดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “หลิงหยุน.. พวกเราเชื่อคำพูดของเจ้า!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและไม่มีทีท่าถ่อมตัวแต่อย่างใด เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยคำขอบคุณ และเพียงแค่พยักหน้ารับรู้..
นับว่าเถี่ยหมิงและเหลยเจิ้นเป็นผู้ที่มีเหตุมีผลทีเดียว.. หาไม่แล้วหากหลังจากที่หลิงหยุนอธิบายทุกอย่างไปอย่างละเอียด และทั้งสองคนยังไม่เชื่อ แล้วยืนกรานที่จะแก้แค้น รับรองได้ว่าหลิงหยุนต้องทำให้ทั้งคู่ตายโดยเร็วที่สุด!
แต่เถี่ยหมิงกลับยังคงยืนนิ่งอยู่นานก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า “แล้วศพของพวกเขาทั้งสองคนล่ะ”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันที“พวกเจ้าอาจจะเคยไปสำรวจหลุมยักษ์มาบ้างแล้ว เวลานี้ที่ก้นหลุมยักษ์มีน้ำอยู่เต็มไปหมด หากพวกเจ้าคิดที่จะลงไปด้านล่าง อาจต้องกลายเป็นอาหารให้กับปลายักษ์ด้านล่างก็เป็นได้..”
หลิงหยุนได้แต่เตือนทั้งคู่ไว้ล่วงหน้าอีกทั้งยังเป็นการเตือนยอดฝีมือที่อยู่บนยอดเขาหลงเหมินทั้งหมดด้วยว่า อย่าได้คิดลงไปที่ก้นหลุมยักษ์ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งอย่างน่าเสียดาย..
หลิงหยุนอธิบายจนทุกคนสามารถมองเห็นภาพไม่เพียงค่ายกลจัดกรวาลที่ทำให้ก้นหลุมยักษ์ต้องจมอยู่ใต้น้ำจนผู้คนยากที่จะลงไปสำรวจได้เช่นนี้ แต่ที่ก้นหลุมแห่งนั้นยังมีหินมังกรเขียวที่เขานำไปทิ้งไว้อีก เขาจึงไม่ต้องการให้ผู้ใดไปพบมันเข้า..
เหลยเจิ้นยกหมัดขึ้นประสานกับฝ่ามือแล้วพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ที่พวกเรามากับทุกคนในคืนนี้ ก็เพื่อที่จะมาแก้แค้นให้กับเหลยเวิ่นชิงกับเถี่ยเจิ้นผิง แต่ในเมื่อเจ้าไม่ได้เป็นผู้สังหารพวกเขาทั้งคู่ พวกเราจึงไม่มีความแค้นต่อกัน และไม่มีความจำเป็นที่พวกเราทั้งสองคนจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีก..”
เถี่ยหมิงแห่งสำนักหมัดเทวะจึงพูดต่อว่า“ตราบใดที่หุบเขายังคงตระหง่าน สายน้ำยังคงไหลเรื่อยเช่นนี้ เชื่อว่าพวกเราคงมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง..”
ครั้งนี้หลิงหยุนทำตามมารยาทในยุทธภพเขายกหมัดขึ้นประสานกับฝ่ามือ แล้วเอ่ยออกไปว่า “ล่าก่อน..”
เถี่ยหมิงและเหลยเจิ้นมองหน้ากันแล้วจึงเดินกลับไปที่เดิมพร้อมกับร้องตะโกนสั่งว่า “พวกเรากลับ..”
จากนั้นเถี่ยหมิงก็นำยอดฝีมือที่ติดตามมาด้วยทั้งสี่คนกลับไปและเหลยเจิ้นก็นำยอดฝีมือของตนทั้งสองคนกลับออกไปเช่นกัน แล้วทั้งหมดก็กระโดดลงจากยอดเขาหลงเหมินหายเข้าไปในป่าทึบทันที และไม่แม้แต่จะกล่าวคำร่ำลายอดฝีมือจากสำนักอื่นๆ
หลังจากที่ยอดฝีมือทั้งแปดคนกลับออกไปแล้วเวลานี้จึงเหลือยอดฝีมือราวสามสิบกว่าคนอยู่บนยอดเขา..
หลิงหยุนก็ได้แต่คิดในใจว่า‘จะเหลือก็แต่พวกหัวมังกุท้ายมังกรที่ไม่มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองสินะ..’
หลิงหยุนรู้ดีว่า..ใช่ว่าเถี่ยหมิงกับเหลยเจิ้นจะเชื่อในคำอธิบายของเขาเสียทีเดียว แต่น่าจะเป็นเพราะทั้งคู่ตกใจกับความแข็งแกร่งของเขาเสียมากกว่า!
ทั้งร่างไร้ศรีษะของกัวเสี่ยวเทียนและพลังหมัดที่ทำให้ใบหน้าของหลิวซุ่ยเฟิงเละจนน่าสยดสยอง ทำให้ทั้งคู่คิดว่าอยู่ต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร….novel-lucky
เพราะไม่ว่าจะเป็นหม้อเสินหนงหรือพู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดิที่ทุกคนล้วนอยากได้นั้น อย่าว่าแต่จะแย่งมาได้เลย จะสามารถรักษาชีวิตตนเองไว้ได้หรือไม่ ก็ยังไม่อาจรู้ได้..
“หึ!ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!”
ชางซงจากเขาหลงหู่จ้องมองไปทางคนของสำนักหมัดเทวะและทวนเหล็กตระกูลเหลยด้วยแววตาเหยียดหยัน พร้อมกับพูดจาดูถูกถากถาง..
ศิษย์ของสำนักกระบี่คุนหลุนทั้งหมดก็เช่นกันทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าเหยียดหยัน และไม่พอใจออกมา..
มีเพียงมือกระบี่นามหลี่เคิ่นวู๋เท่านั้นที่ยังคงยืนกอดกระบี่แนบอกแน่นด้วยสีหน้าเฉยชาเช่นเคย..
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
จู่ๆกงซุ่นหลี่แห่งสำนักแดนใต้ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“คิดไม่ถึงจริงๆ!คนของสำนักหมัดเทวะ และทวนเหล็กตระกูลเหลย ยังไม่ทันจะได้แก้แค้นให้กับคนของตัวเองด้วยซ้ำ เพียงแค่ถูกมารน้อยข่มขู่ไม่กี่คำ ก็ถึงกับกลัวลนลานจนต้องหนีลงเขาไปเช่นนั้น..”
จากนั้นกงซุ่นหลี่ก็ยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะ และพูดจายั่วยุ “มารน้อยผู้นี้สังหารผู้คนโดยไม่ต้องคิด และเห็นชีวิตของผู้คนเป็นผักปลาเช่นนี้ คำพูดของมันยังมีอะไรน่าเชื่อถืออีกงั้นรึ สำหรับข้า – กงซุ่นหลี่ ไม่มีทางเชื่อคำพูดของมันอย่างแน่นอน!”
และภารกิจของกงซุ่นหลี่ในคืนนี้ก็คือต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลิงหยุนไม่สามารถลงจากเขาหลงเหมินแห่งนี้ได้!
เพราะเวลานี้ไม่เพียงหลิงหยุนจัดการหลิวซุ่ยเฟิงได้ด้วยเพียงแค่สองหมัดแต่ยังพูดจาไม่กี่คำก็สามารถกำจัดสำนักหมัดเทวะ และทวนเหล็กตระกูลเหลยไปได้อีก ส่วนเส้าหลินกับบู๊ตึ๊งก็ยังคงมีท่าทีลังเล กงซุ่นหลี่จึงต้องรีบแก้ไขสถานการณ์..
แต่กงซุ่นหลี่ยังไม่รู้ตัวว่า..โชคร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ กำลังจะเกิดกับตนเองต่างหาก ไม่ใช่หลิงหยุน!
ความจริงแล้ว..หลิงหยุนต้องการที่จะจัดการกับชางซงจากเขาหลงหู่เป็นรายต่อไป แต่ในเมื่อกงซุ่นหลี่แกว่งเท้าหาเสี้ยนเช่นนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะปราณีเช่นกัน!
“เจ้าพูดได้ดี..”
หลิงหยุนพูดออกไปเพียงแค่นั้นก็ดึงกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาจากฝักทันที!
เวลานี้กระบี่โลหิตแดนใต้ได้เผยตัวออกจากฝักแล้ว..หลิงหยุนเดินลากกระบี่สีดำไปกับพื้น และค่อยๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เสียงปลายกระบี่ที่เสียดสีกับพื้นดินและหินบนยอดเขานั้น ดังกรีดลึกเข้าไปในจิตใจของผู้ที่ได้ยินเลยทีเดียว..
กงซุ่นหลี่กำลังจะอ้าปากพูดจายั่วยุต่อไปแต่กลับพบว่า.. จู่ๆ ตนเองก็ไม่สามารถหัวเราะ และพูดอะไรออกมาได้อีก เพราะกำลังตระหนกตกใจเมื่อได้เห็นภาพที่หลิงหยุนเดินลากกระบี่เข้ามาหาตนเองอย่างช้าๆ
เวลานี้กงซุ่นหลี่ยืนห่างจากหลิงหยุนไปเพียงแค่สี่เมตรเท่านั้นและเวลานี้ก็เหลือเพียงแค่สามเมตร หลิงหยุนยังคงเดินลากกระบี่เข้าไปหาอย่างต่อเนื่อง..
สีหน้าท่าทางของหลิงหยุนยังคงอยู่ในอาการสงบนิ่งราวกับว่ากำลังเดินเข้าไปในเล้าไก่ เพื่อเลือกไก่สักตัวออกมาเชือด..
สีหน้าของกงซุ่นหลี่เปลี่ยนไปทันที..ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างด้วยความตกใจกลัว พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“ศิษย์สำนักแดนใต้ฟังคำสั่งของข้า..จัดการสังหารหลิงหยุนเพื่อล้างแค้นให้กับศิษย์ที่ตายไป..”
หลิงหยุนเพียงแค่แสยะยิ้มพร้อมกับหันไปมองศิษย์สำนักแดนใต้คนอื่นๆ เขายังจำได้ว่าในคืนที่เขาบุกเข้าตระกูลซัน และสังหารซันจิ้งนั้น เขาได้ลงมือฆ่ายอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียนไปมากมาย ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์สำนักแดนใต้แทบทั้งสิ้น..
ในเมื่อคนพวกนี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของเฉิงเม่ยเฟิงหลิงหยุนจึงไม่อาจปราณีได้..
ชัวะ!ชัวะ! ชัวะ!
ทันทีที่กงซุ่นหลี่ออกคำสั่ง..ชายชุดดำทั้งแปดคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ก็กระโดดออกมายืนเป็นกำแพงอยู่หน้ากงซุ่นหลี่ทันที
“ทุกคนฟังข้า..คืนนี้ใครสามารถสังหารหลิงหยุนได้ อาจารย์จะมีรางวัลให้!”
“ฆ่ามัน!”
กงซุ่นหลี่เห็นหลิงหยุนสาวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆก็ยิ่งร้องตะโกนเสียงดังออกไปมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นจึงรีบยกมือขึ้นดึงแส้ยาวกว่าสองเมตรสีดำออกมาจากข้างเอวของตนเอง
ส่วนศิษย์ทั้งแปดเมื่อได้ยินคำสั่งอาจารย์ก็ยิ่งฮึกเหิม และต่างก็ยกกระบี่ในมือขึ้นฟันใส่ร่างของหลิงหยุนทันที
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและพูดอออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนั้น..
“คืนนี้ข้าคงพูดมากเกินไปจนป่านนี้ยังไม่ได้ลงมือสังหารผู้ใดเลย! ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่อุปนิสัยของข้าสินะ!”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบดี..มือของหลิงหยุนก็ยกขึ้น และกระบี่โลหิตแดนใต้สีดำเงาในมือของหลิงหยุนก็ฟันเข้าที่ศรีษะของผู้โชคร้ายคนแรกทันที
ยอดฝีมือผู้นั้นยังไม่ทันจะได้ล้มลงไปกองกับพื้นกระบี่ในมือของหลิงหยุนก็ได้ผ่าร่างของเขาจนแยกออกเป็นสองซีกตั้งแต่หัวจรดเท้า!
ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องใดๆมีเพียงร่างไร้วิญญาณที่แยกออกเป็นสองเสี่ยง และค่อยๆ ร่วงลงพื้นไปทางซ้ายและขวา..
อีกทั้งที่พื้นยังไม่มีเลือดไหลเจิ่งนองมากอย่างที่คาดคิดเพราะเลือดทั้งหมดนั้นได้ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ดูดเข้าไปจนหมดแล้ว..
จากนั้น..หลิงหยุนก็ตวัดกระบี่ไปในทางขวาง ยอดฝีมืออีกสามคนจึงถูกกระบี่ของหลิงหยุนฟันเข้าที่ท้อง จนอวัยวะภายในไหลออกมากองกับพื้น ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยอง และชวนสะอิดสะเอียนยิ่งนัก..
ส่วนที่เหลืออีกสี่คนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาหลิงหยุนนั้นก็ถึงกับหยุดชะงักไปในทันที! สีหน้าของยอดฝีมือทั้งสี่นั้นบ่งบอกว่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และต้องการที่จะกระโดดหนีออกไป..
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าไปแล้ว..แต่พวกเจ้ากลับไม่สนใจ มาคิดที่จะหนีเอาตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว!”
หลิงหยุนร้องบอกยอดฝีมือที่เหลือด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะฟาดฟันกระบี่ในมือออกไปเป็นครั้งที่สาม..
และครั้งนี้..ศรีษะทั้งสี่ก็ร่วงลงสู่พื้นดิน ส่วนร่างไร้ศรีษะทั้งสี่นั้นยังคงยืนนิ่งอยู่ราวสองสามวินาที ก่อนจะร่วงลงพื้นตามไป..
เพียงแค่สามดาบ..แต่สามารถสังหารยอดฝีมือของสำนักแดนใต้ไปได้ถึงแปดคนในคราวเดียว..
ในที่สุดหลิงหยุนก็เดินเข้าไปหากงซุ่นหลี่พร้อมกับหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า..
กงซุ่นหลี่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ฟันบนและฟันล่างกระทบกันเสียงดัง พร้อมกับร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก..
“เจ้า..เจ้า.. เจ้าต้องไม่ใช่คน!”
แม้กงซุ่นหลี่จะเคยสังหารผู้คนมามากแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการสังหารที่เหี้ยมโหด และน่าสยดสยองเช่นนี้!
หลิงหยุนตอบกลับเสียงเย็น“เจ้าเองไม่ใช่รึที่เรียกข้าว่ามารน้อย! สามารถสังหารผู้คนโดยไม่รู้สึกอะไร เห็นชีวิตผู้คนเป็นผักปลา เจ้าลืมแล้วงั้นรึ”
“ในเมื่อเจ้ากล่าวหาข้าเช่นนั้น..ข้าก็แสดงให้เจ้าเห็นกับตา ไม่ถูกต้องงั้นรึ”
กงซุ่นหลี่หวาดกลัวจนคลุ้มคลั่งเขาตวัดแส้ยาวในมืออกไป พร้อมกับกระโดดถอยหลัง และร้องตะโกนออกไปว่า..
“ไต้ซื้อเจี๋วยหยวนท่านนักพรตชงซวี.. ช่วยข้าด้วย!”
เวลานี้กงซุ่นหลี่หวาดกลัวหลิงหยุนเป็นอย่างมาก..
“เจ้าสำนึกได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วต่อให้เป็นเซียนก็ยากที่จะช่วยเจ้าได้!”
กระบี่ในมือของหลิงหยุนตวัดออกเป็นครั้งที่สี่และร่างที่อยู่กลางอากาศของกงซุ่นหลี่ก็ขาดออกจากกันเป็นสองท่อน!
และเพียงแค่สี่ดาบ..คนของสำนักแดนใต้ทั้งเก้าคน ก็ถูกหลิงหยุนสังหารจนสิ้น!