เพียงแค่สี่ดาบของหลิงหยุนก็สามารถสังหารยอดฝีมือของสำนักแดนใต้ไปได้ถึงเก้าคน..
ณยอดเขาหลงเหมินแห่งนี้ ตั้งแต่หลิงหยุนมาถึงเขายังไม่ได้ชักกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาจากฝักเลย แต่ทันทีที่กระบี่สีดำเผยตัวออกจากฝัก ก็ได้สังหารผู้คนไปมากมายอย่างไม่ปราณี ยอดฝีมือที่อยู่ในบริเวณนั้นจึงได้แต่ยืนมองด้วยความตกตะลึง..
หลวงจีนเจี๋วยหยวนแห่งวัดเส้าหลินเองก็ได้แต่ยืนมองนิ่งไม่พูดไม่จาส่วนนักพรตชงซวีแห่งบู๊ตึ๊งก็ได้แน่นิ่งอึ้งเช่นกัน..
มือกระบี่ทั้งสามแห่งสำนักกระบี่คุนหลุนเองก็ถึงกับนิ่งไปด้วยความตกตะลึงแม้กระทั่งหลี่เคิ่นวู๋ที่คร้านจะยุ่งเรื่องของผู้อื่น ก็ยังถึงกับอ้าปากค้างตาโตด้วยความตกใจ..
ส่วนผู้ทรงศีลทั้งสี่จากเขาหลงหู่นามว่าชางซงซีเสีย จุ้ยจู่ และชิงเฟิงนั้น เมื่อได้พบเห็นภาพที่น่าสยดสยองและหวาดกลัวเช่นนั้น ก็ถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง และพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว..
ศิษย์หญิงคนที่หกของสำนักดาบสวรรค์นามว่าจงชวนเยี่ยนที่เพิ่งหายจากอาการตกใจเรื่องของหลิวซุ่ยเฟิง เมื่อได้เห็นภาพที่น่าสยดสยองอีกครั้ง ก็เกือบจะเป็นลมหมดสติเป็นครั้งที่สอง..
เพราะภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเวลานี้หนึ่งคนถูกฟันร่างแยกออกจากกันเป็นสองซีก สามคนถูกฟันเข้าที่ท้อง และอวัยวะภายในไหลออกมากองรวมกันอยู่ที่พื้น ส่วนอีกสี่คนศรีษะขาดออกจากร่าง และกงซุ่นหลี่ถูกฟันจนร่างกายขาดครึ่งท่อน!
สภาพเช่นนี้ไม่ควรเรียกว่าการสังหารแต่มันคือการสับร่างของศัตรูได้อย่างน่าสยดสยองมากกว่า!
และสิ่งที่ทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหมดตกใจอย่างที่สุดนั้นก็คือ..ความแข็งแกร่งที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุน..
ศิษย์สำนักแดนใต้ล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-3หรือเหนือกว่า ส่วนกงซุ่นหลี่นั้นอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7 แต่ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะได้ทำอะไร ก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายแล้วอย่างนั้นหรือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ภาพที่กงซุ่นหลี่ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ฟันขาดครึ่งท่อนนั้น ทุกคนต่างก็เห็นกันอย่างชัดเจนว่า.. ตัวกระบี่ไม่ได้สัมผัสกับร่างของกงซุ่นหลี่เลยแม้แต่น้อย แต่มันคือลมปราณที่พวยพุ่งจากตัวกระบี่สีดำ
หลิงหยุนสามารถสังหารยอดฝีมือด้วยลมปราณ!
เมื่อครั้งที่เหล่ายอดฝีมือขึ้นมาพบร่างที่ไร้ศรีษะของกัวเสี่ยวเทียนต่างก็คาดเดาว่าหลิงหยุนน่าจะต้องแข็งแกร่งอย่างมาก และนั่นก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น..
แต่เวลานี้..ทุกคนต่างก็ได้เห็นประจักษ์กับตาตนเองแล้ว!
สองหมัดและสี่ดาบอันทรงพลังของหลิงหยุนที่ปรากฏต่อสายตาผู้คนนั้น..ก็สามารถบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเขาได้โดยที่ไม่ต้องพรรณาให้เสียเวลา..
โอ๊ก..อ๊าก..
หลังจากที่นิ่งเงียบกันไปครู่ใหญ่..ก็ตามมาด้วยเสียงอาเจียนมากมาย
เวลานี้ยอดฝีมือที่รายล้อมหลิงหยุนอยู่นั้นหลายคนถึงกับก้าวเท้าถอยหลังออกไปอย่างไม่รู้ตัว ราวกับว่าไม่สามารถควบคุมขาทั้งสองข้างของตนเองไว้ได้..
ในสภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้ใครยังจะบ้าพร่ามเรื่องความถูกต้อง และคุณธรรมบ้าบออะไรได้อีกเล่า
ในสายตาของทุกคนเวลานี้..หลิงหยุนไม่ต่างจากชายคลุ้มคลั่งที่จ้องจะฆ่าคนเพียงถ่ายเดียว อีกทั้งยังโหดร้ายราวกับปีศาจที่หลุดออกมาจากขุมนรก!
และครั้งนี้ดูท่ากระบี่โลหิตแดนใต้จะได้ดื่มเลือดมนุษย์เข้าไปจนอิ่มหนำเพราะหลิงหยุนสัมผัสได้ว่ากระบี่สีดำในมือของเขานั้น ดูเหมือนจะหนักขึ้นกว่าเดิมมาก..
กระบี่สีดำเงาในมือของหลิงหยุนที่เปล่งประกายระยิบระยับนั้นดูคล้ายกับว่าเกล็ดมังกรสีดำที่อยู่ภายในตัวกระบี่นั้นกำลังขยับตัว ทำให้เวลานี้กระบี่โลหิตแดนใต้ดูราวกับมังกรสีดำตัวใหญ่ที่มีชีวิต และกำลังแยกเขี้ยว กางกรงเล็บเพื่อเลือกเหยื่ออยู่..
อีกทั้งอัญมณีสีดำทั้งสองเม็ดที่ติดอยู่ด้านข้างของโคนกระบี่และดูคล้ายกับดวงตามังกรนั้น เวลานี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอีกด้วย..
หลังจากที่สังเกตดูความเปลี่ยนแปลงของกระบี่โลหิตแดนใต้แล้วหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังกลุ่มผู้ทรงศีลจากเขาหลงหู่ทั้งสี่คน..
“ถึงคราวของพวกเจ้าแล้ว..ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าทั้งสี่คนเข้ามาพร้อมๆกัน!”
หลิงหยุนเดินถือกระบี่สีดำเข้าไปหาผู้ทรงศีลเหล่านั้นพร้อมกับร้องเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ..
ในขณะที่หลิงหยุนเองก็ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า‘ยังเหลืออีกยี่สิบสี่คนสินะ..’
“สวรรค์เมตตา!”
ผู้ทรงศีลนามว่าชางซงจ้องมองหลิงหยุนที่กำลังสาวเท้าเข้ามาหาตนเองอย่างช้าๆแววตาของเขานั้นบ่งบอกถึงความหวาดกลัวภายในใจที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้ และจู่ๆ เขาก็ถึงกับร้องเสียงหลง และหันไปพูดกับนักพรตบู๊ตึ๊งว่า
“ชงซวี..ดูเหมือนหลิงหยุนได้เสียสติไปแล้ว! ท่านจะยืนดูอยู่นิ่งๆ เช่นนี้อย่างนั้นรึ”
ชงซวียังคงจ้องมองหลิงหยุนที่ค่อยๆสาวเท้าเข้าไปหาผู้ทรงศีลจากเขาหลงหู่ ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปาก และกระโดดออกไปยืนด้านหน้า ในขณะที่หลิงหยุนยังคงก้าวเดินเข้าไปอย่างไม่หวั่นเกรง..
นักพรตชงซวีหันไปยิ้มให้กับชางซงก่อนจะพูดขึ้นว่า “สหายเต๋ากล่าวหนักเกินไปแล้ว.. ใช่ว่าบู๊ตึ๊งจะนิ่งดูดายไม่ทำอะไร ในเมื่ออ้างตัวเป็นผู้ทรงศีล ข้าก็คงไม่สามารถฉวยโอกาสร่วมมือกับท่านรุมเขาเพียงคนเดียวได้..”
ยอดฝีมือที่รายล้อมหลิงหยุนอยู่เวลานี้ล้วนแล้วแต่มาจากสำนักที่เลื่องชื่อทั้งสิ้น พวกเขาคงไม่กล้าฉีกหน้าสำนักของตนเองด้วยการร่วมมือกันรุมหลิงหยุนเพียงคนเดียว อีกทั้งหลิงหยุนก็เป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนอายุสิบแปดปีเท่านั้น ยอดฝีมือมากมายรุมเด็กเพียงคนเดียวเช่นนี้ ได้ยินไปถึงใหนก็คงต้องอับอายถึงที่นั่น..
ต่อให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันและสามารถสังหารหลิงหยุนได้ แต่หลังจากนั้นทุกคนจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหน เส้าหลินกับบู๊ตึ๊งจะมองหน้าบชาวยุทธภพได้อย่างไรกัน?..ไอลีนโนเวล
นักพรตชงซวีเชื่อว่าหลวงจีนเจี๋วยหยวนเองก็คงคิดไม่ต่างจากตนไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงยังคงยืนนิ่งไม่ลงมืออีกเล่า
หลิงหยุนที่ยังคงเดินสาวเท้าไปด้านหน้าเรื่อยๆนั้นได้แต่ยิ้มหยันมุมปากเมื่อได้ยินคำพูดของนักพรตชงซวี..
เวลานี้ชางซงและเหล่าผู้ทรงศีลจากเขาหลงหู่นั้น อยู่ห่างจากหลิงหยุนไปเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น หลิงหยุนยกกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้นชี้หน้าพร้อมกับร้องตะโกนบอกว่า
“ชางซง..ฟังข้าให้ดี! มาถึงตอนนี้ทั้งเส้าหลิน และบู๊ตึ๊งต่างก็สามารถกลับออกไปได้ มีเพียงคนจากเขาหลงหู่ และสำนักกระบี่คุนหลุนเท่านั้นที่ยังไปใหนไม่ได้!”
หลิงหยุนยังจำได้ว่าครอบครัวของเซียนเอ๋อนั้นถูกปีศาจภัยแล้งทำร้าย ส่วนตัวนางสามารถหลบหนีออกมาจากเขาหลงหู่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส เวลานี้หลิงหยุนยังไม่สามารถไปที่เขาหลงหู่ด้วยตัวเองได้ จึงคิดที่จะสืบเรื่องปีศาจภัยแล้งจากนักบวชเหล่านี้แทน..
ส่วนสำนักกระบี่คุนหลุนนั้น..เวลานี้แม่ของเขานางฉินจิวยื่อได้เดินทางไปที่สำนักกระบี่เทวะบนเขาเทียนซัน จนผ่านไปถึงสามเดือนก็ยังไม่มีข่าวคราว ในเมื่อเขาเทียนซันห่างจากเขาคุนหลุนไม่มากนัก หลิงหยุนจึงต้องการสอบถามข่าวคราวจากคนของสำนักกระบี่คุนหลุนดู
ถึงแม้ว่าหลังจากสอบถามแล้วจะไม่ได้ข่าวคราวอะไรนักแต่อย่างน้อยก็จะได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับสำนักกระบี่เทวะบ้างก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย!
ด้วยเหตุนี้..หลิงหยุนจึงไม่สามารถปล่อยคนของสำนักกระบี่คุนหลุนกลับไปได้!
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนแล้วมือกระบี่คุนหลุนนามว่าหลี่เคิ่นวู๋ก็ถึงกับขมวดคิ้ว เขาทั้งประหลาดใจ และหงุดหงิดใจในเวลาเดียวกัน
“เจ้าเด็กคนนี้..เจ้ามันยะโสโอหังเสียยิ่งกว่าข้าอีก! นี่เจ้าคงจะเสียสติไปแล้วจริงๆ!”
แต่จู่ๆหลิงหยุนก็ร้องตะโกนออกไปว่า “พวกเจ้า – เหล่าผู้ทรงศีลจากเขาหลงหู่ กับคนของสำนักกระบี่คุนหลุน บุกเข้ามาหาข้าพร้อมกันเลยก็ได้!”
ชางซงได้ฟังคำพูดที่ยะโสโอหังอย่างมากของหลิงหยุนก็รู้สึกเดือดดาลอย่างที่สุด และกระโดดไปยืนตรงหน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนออกไป
“เจ้าหนู..เจ้ามันยะโสโอหังเกินไปแล้ว! อย่าคิดว่าเจ้าสังหารคนของสำนักแดนใต้ไปแล้ว ก็จะเห็นเขาหลงหู่ของข้าไม่อยู่ในสายตาได้เช่นนี้!”
“ที่พวกเราปล่อยให้เจ้าสังหารคนของสำนักแดนใต้นั้นก็เพราะว่าสำนักแดนใต้ทำตัวคาบเกี่ยวระหว่างดีกับเลวมาโดยตลอด ต่อให้พวกเขาประกาศตัวอยู่ฝ่ายธรรมะ แต่ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าสำนักแดนใต้นั้นทำเรื่องชั่วช้ามาตลอดหลายปี พวกเราก็แค่ยืมมือเจ้าฆ่าพวกเขาก็เท่านั้นเอง..”
หลิงหยุนยิ้มหยันก่อนจะถามขึ้นว่า“แล้วเหตุใดพวกเจ้าต้องยืมมือข้าสังหารพวกเขาด้วยเล่า”
ชางซงได้ฟังคำถามของหลิงหยุนก็ได้แต่ยืนนิ่งและไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้ แต่ในระหว่างที่กำลังงุนงงอยู่นั้น กระบี่ในมือของหลิงหยุนก็ได้ตวัดตรงเข้าที่ร่างของชางซงแล้ว..
หลิงหยุนฉวยโอกาสโจมตีชางซงในจังหวะที่เขากำลังเผลอ..และกระบี่สีดำในมือของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นม่านสีดำเงาพุ่งเข้าใส่ร่างของชางซงที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว..
“เจ้าเด็กชั่วช้า!”
เวลานี้ดวงตาของชางซงมองเห็นเพียงม่านสีดำอยู่ตรงหน้าเขากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่ขณะเดียวกันแส้ปัดในมือของเขาก็ตวัดเข้าใส่ด้ามกระบี่สีดำของหลิงหยุนหมายต้านทานไว้ทันที
“เจ้าพลาดแล้ว!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับดึงกระบี่สีดำในมือกลับอย่างรวดเร็ว ในระหว่างนั้นแส้ในมือของชางซงก็ได้ตวัดเข้ากับด้ามกระบี่แน่น ร่างของเขาจึงถูกหลิงหยุนดึงเข้าไปด้วย
ชางซงถึงกับตกใจในความแข็งแกร่งและความรวดเร็วของหลิงหยุน และได้แต่คิดในใจว่า ‘แย่แล้ว!’
แต่ก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้วเมื่อร่างที่เคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งมังกรของหลิงหยุนนั้น เวลานี้พุ่งไปยืนอยู่ตรงหน้าของชางซงเรียบร้อยแล้ว..
หมัดปีศาจเถียนกัง!
ในระยะที่กระชั้นชิดเช่นนี้..มีหรือที่ชางซงจะสามารถหลบหมัดที่รวดเร็ว และรุนแรงของหลิงหยุนได้ทัน ชางซงจึงต้องใช้มือที่ว่างชกเข้ากับหมัดของหลิงหยุนเพื่อป้องกันตัว..
ปัง!
ทันทีที่หมัดทั้งสองปะทะกันก็ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตก และเสียงกรีดร้องของชางซง..